The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 481
แต่สถานการณ์ในการต่อสู้ก็น่าเป็นห่วงอย่างมาก และยิ่งนานไปก็ยิ่งมีคนที่แข็งแกร่งเข้าร่วมการต่อสู้มากขึ้น ดังนั้นแล้วแม้ว่าจะเป็นพวกเขาก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมองดูการต่อสู้อย่างห่างๆ
ที่ทุ่งหญ้าซากศพ ปากทางเข้าถ้ำที่โผล่ในสัตว์ประหลาดมานานถูกปิดไปแล้ว ด้านในตัวมัน ลูกแก้วโลหิตที่กลืนกินซื่อหลิงเข้าไปได้ขยับไปมาราวกับหัวใจ ทันใดนั้นหัวใจก็เปล่งแสง ภายในของมันสั่นอย่างรุนแรง
เมื่อมองจากโลกภายนอก สัตว์ประหลาดยักษ์ที่รูปร่างคล้ายงูปรากฏจากพื้นของทุกหญ้ากว้างใหญ่! ร่างของมันมีสีขาวเงินราวกับโลหะ มันยาวแสนศอก และร่างกายยังหนาพันศอก! ที่ผิวขาวเงินของมันมีเส้นหนวดสีแดงพุ่งออกมาจากทุกทิศทาง!
ที่แสนลี้ไกลออกไป เหล่ายอดฝีมือจากตำหนักชิงวิญญาณที่กระจัดกระจายรอบทุ่งหญ้าซากศพได้หนีไปจากทุ่งหญ้าซากศพแล้ว เมื่อพวกเขาผ่านต้นไม้สวรรค์ก็มีเส้นด้ายสีแดงมากมายพุ่งออกมาจากพุ่มไม้
เมื่อเส้นไหมสีแดงตัดผ่าน เหล่าราชามนุษย์ทั้งกลุ่มก็ขาดท่อนกลายเป็นเนื้อบด พวกเขาถูกเส้นหนวดด้ายกลืนกินจนหมดสิ้น
ที่ห่างไกลออกไปอีกล้านลี้ กลุ่มคนเก้าคนกำลังขุดเอาสมุนไพรเทพออกมาด้วยความตื่นเต้น และทั้งเก้าคนยังเป็นยอดฝีมือในระดับกึ่งเทพ!
“ศิษย์พี่กง ผ่านไปครึ่งเดือนกว่าเราจะทำลายผนึกเข้ามาได้ สมุนไพรเทพพวกนี้เป็นของเราทั้งนั้นเลย!”
หญิงสาวอายุสิบแปดมองชายชุดเขียวที่ก้มหน้าขุดสมุนไพรเทพอย่างหลงใหล
ยอดฝีมือทั้งหมดในระดับกึ่งเทพที่นี่ต่างนับถือชายชุดเขียว
ศิษย์พี่กงยิ้ม
“นี่ก็เพราะการร่วมมือร่วมใจของพวกเจ้าและคนอื่นๆด้วย”
หญิงสาวส่ายหน้าด้วยความเขินอาย
“ไม่ใช่หรอก ศิษย์พี่คนเดียวที่มีพลังทำลายผนึกได้ พวกเขามิได้ทำสิ่งใด ศิษย์พี่คู่ควรแล้วที่เป็นศิษย์นอกลำดับสิบของสำนักจันทร์กระจ่าง ถ้าศิษย์พี่ไม่อยู่ที่นี่ พวกข้าก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ พวกข้าคงจะถูกสังหารตายหมดถ้าต้องเจอกับพวกซื่อหลิงที่มาจากตำหนักชิงวิญญาณ”
สีหน้าทุกคนดูหวาดกลัวเมื่อนางพูดถึงซื่อหลิง พวกเขามาที่กระโจมเทพในชั้นเจ็ดได้ไม่นานแต่ก็ได้พบกับเรือรบของตำหนักชิงวิญญาณ
โชคดีที่พลังของศิษย์พี่กงนั้นมีมหาศาล เขาเผชิญหน้ากับซื่อหลิงด้วยตัวคนเดียวและเสมอกัน
ศิษย์พี่กงส่ายหน้าและยิ้มแย้ม
“คนที่น่ากลัวโดยแท้จริงจากตำหนักชิงวิญญาณก็คือโจวฉีหมิง แม้ซื่อหลิงจะแข็งแกร่ง เขาก็อาจจะทำอะไรพวกเราไม่ได้ แต่พวกเราสบายใจได้ โอกาสที่จะได้เจอพวกนั้นอีกแทบจะเป็นศูนย์”
ศิษย์พี่กงเป็นยอดฝีมือที่มาจากสำนัก เขาเผชิญหน้ากับซื่อหลิงได้ เขายังเป็นหัวหน้าจากสำนักจันทร์กระจ่างที่นำคนมายังกระโจมเทพสวรรค์ และสำนักจันทร์กระจ่างก็อยู่ในดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปด
ในตอนนี้ สมุนไพรเทพถูกขุดออกมาสำเร็จ แต่ชายหนุ่มชุดเขียวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ารากของสมุนไพรเทพนั้นถูกรัดด้วยเส้นไหมสีแดง! ก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าเส้นไหมสีแดงโลหิตคืออะไรมันก็หายไปแล้ว
และไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวดดังขึ้น ศิษย์พี่กงรู้สึกได้แต่เพียงความเย็นที่หน้าผากก่อนที่สติจะหลุดลอยไป ร่างกายของเขาอ่อนแอลง ร่างของเขาถูกสูบจนเหลือแต่เพียงโครงกระดูกด้วยความเร็วสูง!
ไม่นาน ใต้ดินรอบๆก็มีรากไม้พุ่งออกมา รากไม้นั้นบางราวกับเส้นด้ายและมีสีแดงของโลหิต มันรัดผู้คนโดยรอบ เสียงกรีดร้องด้วยความเศร้าความกลัวคละคลุ้งกันอย่างต่อเนื่อง
เหล่าเส้นไหมโลหิตกลับสู่ใต้ดิน นอกจากพลังโลหิตที่หลงเหลืออยู่ในอากาศก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปจากที่นี่เลย! ไม่มีใครรู้เลยว่าทั้งกลุ่มของสำนักจันทร์กระจ่างเพิ่งจะถูกสังหารตายหมด!
เหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นกับชั้นเจ็ดในกระโจมเทพ เหล่ายอดฝีมือถูกกลืนกินไปอย่างเงียบๆ มิใช่แค่คนจากสำนักจันทร์กระจ่าง
แม้แต่สัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในกระโจมเทพก็มิอาจรอดพ้นจากความตายไปได้ สัตว์อสูรจำนวนมากบินหนีไปในส่วนลึกของชั้นเจ็ดอย่างบ้าคลั่ง
******
ที่เขาจักรพรรดิสายฟ้า ยอดฝีมือกึ่งเทพสองคนยืนอยู่หน้าเขาจักรพรรดิสายฟ้าที่ตอนนี้กลายเป็นซากเมือง
“พวกเรามาสายเกินไป ตำหนักสายฟ้าถูกคนอื่นเปิดไปแล้ว!”
หัวหน้านั้นเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบปีที่สง่างาม คิ้วของนางราวกับถูกวาดขึ้นมา ใบหน้าเรียบเนียน ดวงตางดงามสดใสราวจันทรา มันงดงามราวกับอัญมณี
นางผิวขาวราวหิมะที่ตกในที่สูง ผิวของนางดูอมชมพูและเปล่งประกายเมื่อแสงตะวันสาดส่อง มันงดงามอย่างน่าตกใจ
รูปร่างของนางยังงดงามอย่างมากอีกด้วย ความผอมบางและส่วนโค้งเว้าขับกล่อมให้ทั้งร่างราวกับรูปสลัก นางดูเยือกเย็น แม้นางจะไม่ได้ดีใจหรือโศกเศร้า นางก็ทำให้คนอื่นรู้สึกถึงความบริสุทธิ์งดงามอย่างประหลาดราวกับดอกบัวที่โผล่พ้นวารีและมิอาจมีใครได้เด็ดดม
“ป้าลู่ ใครกันที่เข้าตำหนักสายฟ้าไปได้? แล้วยังทำลายเขาจักรพรรดิสายฟ้าจนอยู่ในสภาพนี้อีก? หรือจะเป็นโจวฉีหมิงจากตำหนักชิงวิญญาณ?”
ผู้พูดคือเด็กหนุ่ม เขาพูดกับหญิงสาวด้วยความนับถือ
ฐานพลังของชายหนุ่มนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าซื่อหลิงซึ่งน่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่หญิงสาวตรงหน้าที่อายุใกล้เคียงยี่สิบปีกลับถูกเรียกว่าป้า! ในตอนนี้ ชายหนุ่มนั้นมองดูร่างกายอันสง่างามของหญิงสาวอย่างลับๆ เขาเผยความนับถือและความหลงใหลออกมาด้วย
หญิงสาวสกุลลู่ส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่ใช่! ไม่มีพลังอสูรที่นี่ แล้วโจวฉีหมิงก็ไม่มีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้! ถ้าข้าเดาไม่ผิด คนหนึ่งที่มาที่นี่คงเป็นหยางยี่เต๋าจากตำหนักศีลหวนคืน หลังจากกลับไปเราจะแจ้งตำหนักศีลหวนคืนให้พาหยางยี่เต๋ามาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น”
หญิงสาวพูดอย่างหยาบคาย นางสั่งให้คนจากตำหนักศีลหวนคืนเข้ามาหานางตรงๆ!!
“เข้าใจแล้วท่านป้า!”
ชายหนุ่มแสดงความนับถือออกมา เขาไม่กล้าจะขัดคำพูดนางแม้แต่น้อย
หญิงสาวสกุลลู่ชายตามองพื้นดินในระยะสิบลี้ที่ยุบลงไป นางคิดอยู่กับตัวเอง
“นั่นมันการหลอมรวมต้นกำเนิดสามธาตุ..เอ๋? บ้าบิ่นนัก”
นางเหลือบมองไปในทิศทางของป่าศิลา
“ทำไมอู๋ยี่ยังไม่กลับมาอีก?”
ชายหนุ่มรีบตอบ
“รายงานท่านป้า ศิษย์น้องอู๋ยี่น่าจะอยู่ระหว่างทาง ไม่มีเวทยักย้ายมากนักในชั้นหก นางอาจจะมาช้าสักเล็กน้อย”
นางขมวดคิ้วเบาๆ
“เอาเถอะ เจ้าจะพักกับข้าที่นี่ชั่วคราว เจ้าไปตรวจสอบสถานการณ์รอบๆ อย่าให้ใครมารบกวนพวกเราได้”
“รับทราบ ท่านป้า!”
ชายหนุ่มโค้งคำนับทันที เขาบินขึ้นฟ้าไปตรวจสอบดูเขาจักรพรรดิสายฟ้าที่ล่มสลายเพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวนป้าของเขา
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็พบว่ารอยแตกของศิลาบนเขาจักรพรรดิสายฟ้านั้นมีสีแดงเล็กน้อยราวกับว่ามีบางสิ่งเติบโตมาจากเขาศิลา ชายหนุ่มตกใจและกำลังจะก้มลงมองดู แต่จู่ๆก็มีด้านแดงหลายสิบเส้นพุ่งออกมา
ชายหนุ่มตกตะลึง เขารีบถอยหนี แต่เส้นด้ายแดงก็เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ มันตามทันเขาอย่างง่ายดายและทะลวงผ่านร่างกายไป ชายหนุ่มกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด!
เลือดเนื้อของเขาถูกสูบไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขารู้ตัวก็พบว่าตัวเองกำลังจะตายไปแล้ว แต่จู่ๆก็มีลำแสงเฉือนขอบนภาตัดผ่านเส้นด้ายหลายสิบเส้นออกไป
และในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็ปลิวไปหมื่นศอกพร้อมกับแสงเงา ข้างๆเขาคือหญิงสาวสกุลลู่ที่ขมวดคิ้วเบาๆ นางก้มลงมองเขาจักรพรรดิสายฟ้าที่อยู่เบื้องล่าง
นางชี้ไปยังเขาจักรพรรดิสายฟ้าอย่างเรียบง่าย สายฟ้าคำรามลั่นพุ่งซัดใส่เขาจักรพรรดิสายฟ้าที่อยู่มาไม่รู้กี่ปี มันกลายเป็นเถ้าถ่านจนหมด!
จากนั้นนางก็โบกมือพัดฝุ่นตวันให้หายไปและพบกันเส้นดายโลหิตจำนวนมาก!
พวกมันมาจากใต้ดิน มันทะลวงฝุ่นควันพุ่งเข้าใส่พวกเขาทั้งสอง นางสะบัดดัชนีเบาๆ ด้ายโลหิตระเบิดหายไป มันกลายเป็นพลังโลหิตที่แสบจมูก
ชายหนุ่มรอดตายหวุดหวิด แต่ความเจ็บปวดมหาศาลในร่างกายก็ยังคงอยู่ เขาพูดด้วยความกลัว
“ท่านป้า นั่นมันอะไรกัน?”
หญิงสาวครุ่นคิดและมองไปยังทุ่งหญ้าซากศพ
“น่าจะเป็นอสูรที่หลับใหลอยู่ มันแข็งแกร่งมาก พลังของข้าถูกกดเอาไว้ ข้าอาจจะสู้กับมันไม่ได้! ไปที่ป่าศิลา ถ้าอู๋ยี่ยังมีชีวิตอยู่ นางจะรู้ว่าต้องไปที่ใด”
…
กลับมาที่ซือหยู…
หลังจากี่บ่มเพาะพลังมาสามวันสามคืน ซือหยูใช้วิชาเลี่ยงสายฟ้าและดวงใจอัสนีได้อย่างชำนาญ ในตำรายังมีประสบการณ์ในการบ่มเพาะของจักรพรรดิสายฟ้าอยู่ด้วย ซือหยูแค่ต้องทำความเข้าใจเล็กน้อยเท่านั้นและบ่มเพาะได้สำเร็จ
ซือหยูดีใจ แต่เขาก็ยังไม่ไปไหน เขากลับหยิบเอาลำดับห้าธาตุออกมาดู ลูกแก้วทั้งห้าลอยตามคำสั่งของเขา
ซือหยูตาลุกวาว รอยแตกสีดำเกิดขึ้นบนหน้าผากของซือหยูในทันที ผนึกสายฟ้าขนาดเท่านิ้วโป้งลอยออกมา
ผนึกนั้นถูกส่งไปยังลูกแก้วสีม่วงที่มีผนึกวิญญาณอยูาภายใน วิญญาณในผนึกนี่เองที่ใช้ควบคุมลำดับห้าธาตุ
ผนึกสายฟ้าที่ซือหยูสร้างนั้นมีทั้งพลังวิญญาณและสายฟ้าผสมกัน มันจมเข้าสู่ในผนึกวิญญาณในลูกแก้ว ผนึกวิญญาณที่มีพลังวิญญาณมหาศาลนั้นมิอาจกั้นขวางผนึกสายฟ้าของซือหยูได้เลย
ผนึกสายฟ้าฝังในผนึกได้สำเร็จ จากนั้นซือหยูก็ทำให้สายฟ้าในผนึกระเบิดออกมา เมื่อพลังสายฟ้าผสมกับวิญญาณมันก็ทำให้โจมตีวิญญาณได้ ผนึกวิญญาณภายในถูกระเบิดหายไป
ซือหยูลืมตากว้างด้วยความดีใจ! วิชาดวงใจอัสนีนั้นใช้ได้ผลดีจริงๆ!
ผนึกของลูกแก้วหนึ่งลูกถูกทำลายไปแล้ว ซือหยูทำอย่างเดิมกับลูกแก้วลำดับที่เหลือ ไม่นานเขาก็ทำลายผนึกได้ทั้งหมด แทบจะเรียกได้ว่าลำดับห้าธาตุเมฆาแห้งเหือดได้กลายเป็นของเขาแล้ว!
ที่ทวีปจิวโจว ภายในสำนักที่เต็มไปด้วยเมฆาและม่านหมอก เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นดังออกมาเป็นระยะเวลานาน! พลังอันแข็งแกร่งจากจ้าวเทวะแผ่ไปรอบทิศทาง
ที่กระโจมเทพสวรรค์
ซือหยูหยดโลหิตตัวเองเพื่อชำระลำดับทั้งห้าพร้อมกัน! ไม่นานก็มีข้อความแปลกๆเกิดขึ้นในจิตใจ
“ลำดับห้าธาตุเมฆาแห้งเหือด กึ่งสมบัติวิญญาณ เมื่อลูกแก้วทั้งห้าถูกใช้พร้อมกัน พลังของมันจะเทียบได้กับสมบัติวิญญาณ!”
ซือหยูดีใจที่ได้ของที่เหนือกว่าคาด ลูกแก้วทั้งหมดเป็นกึ่งสมบัติวิญญาณ และเมื่อใช้งานทั้งชุดพร้อมกัน มันจะมีพลังเทียบเท่าสมบัติวิญญาณ!
ที่เหมือนกับเข็มเก้าหยินหยาง เข็มทุกเล่มเป็นสมบัติเทพระดับกลาง แต่เมื่อใช้งานทั้งหมดพร้อมกัน มันจะมีพลังเทียบเท่าสมบัติเทพระดับสูง!
“เมื่อลูกแก้วทั้งห้ารายล้อมตัว มันจะกลายเป็นเครื่องป้องกัน และยังใช้พันธนาการศัตรูที่แข็งแกร่งได้อีกด้วย”
ซือหยูเห็นพลังป้องกันของมันแล้ว มันป้องกันได้แม้กระทั่งระดับที่เหนือกว่าขอบเขตภูติ! ส่วนความสามารถในการพันธนาการนั้นเขาต้องทดลองใช้เอง
ซือหยูผู้เป็นเจ้าของสามารถควบคุมลูกแก้วทั้งห้าได้พร้อมกัน เขาสามารถสร้างลำดับห้าธาตุได้ด้วยตัวเอง ถ้าเขาเจอกับศิษย์สำนักอสูรอีกครั้ง เขาอาจจะไม่ต้องหนีอีกต่อไปแล้ว!
และบาดแผลของเขาก็ฟื้นฟูมาแล้วเช่นกัน ซือหยูยืนขึ้นและออกไปจากที่ลับ เขาบินขึ้นสู่นภาและมองพื้นที่โดยรอบ
ในกระโจมเทพสวรรค์ เขาเหลือเพียงสิ่งเดียวให้ทำนั่นก็คือการหามุกเงินเลี่ยงสายฟ้าและโลหิตของมังกร แต่ชั้นเจ็ดของกระโจมเทพนั้นกว้างใหญ่นัก ซือหยูรู้สึกเหมือนกำลังงมเข็มในมหาสมุทร
ในตอนนั้นเอง เกิดเสียงดังมาจากไกลๆท้องนภา ซือหยูเงยหน้ามองและพบกับหญิงสาวอายุสิบแปดปี นางหน้าซีดเผือด นางกำลังหนีด้วยความหวาดกลัว
รูปร่างของนางงดงามเป็นอย่างมาก หน้าตาของนางก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน! และร่างกายนางยังดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่าจับจ้อง!
ใบหน้าขาวบริสุทธิ์ไร้ริ้วรอยงดงามเป็นอย่างมาก คิ้วของนางโก่งดั่งคันศร ดวงตาของนางราวกับวิหคที่ดูเยือกเย็น ปลายจมูกงุ้มลง คางคมเล็กน้อย ริมฝีปากแดงไม่ต่างกับกุหลาบ นางดูสวยแต่ก็ดูเย็นชา
ความเย็นชาของนางแตกต่างกับหลงหวูชิง หลงหวูชิงนั้นไร้เทียมทานและหยิ่งยโสด้วยความแข็งแกร่งที่สุดของนาง เมื่อนางเงียบนางก็ไม่คิดจะพูดมากนัก ส่วนสตรีตรงหน้า ความเย็นชาของนางมาจากอารมณ์ ความเย็นชานั้นยังดูไร้หัวใจอีกด้วย
นางพบว่ามีคนอยู่ข้างหน้า นางตกใจมากเพราะไม่คิดเลยว่าจะได้พบกันมนุษย์ในที่รกร้างเช่นนี้!
ซือหยูมองนางด้วยความระวัง เขาตระหนักได้ว่าข้างหลังนางคือกลุ่มสัตว์อสูร ไม่สิ…มันไม่ได้อยู่กันเป็นกลุ่ม มันคือคลื่นสัตว์อสูรที่ปกคลุมนภา เงาของพวกมันปกคลุมผืนดินจนมืด!
คลื่นสัตว์อสูรนี้เติมเต็มนภาและภาคพื้น! ข้างหลังนางมีสัตว์อสูรอยู่นับไม่ถ้วน!! นางอยู่แค่ตรงหน้าเหล่าสัตว์อสูรเท่านั้น หากนางหยุดเมื่อใด นางจะถูกคลื่นสัตว์อสูรดูดกลืนเข้าไป
ซือหยูตกใจอย่างมาก มันเกิดอะไรขึ้นกัน? แล้วอะไรที่ทำให้สัตว์อสูรพวกนี้หวาดกลัว?
แต่ซือหยูไม่มีเวลาให้คิดอีก เขาหยิบเอาเรือบินเทวะออกมาโดยไม่ลังเล เขาอัดพลังวิญญาณลงไปและหนีขึ้นสู่นภา ด้วยสัตว์อสูรปริมาณมากมายเช่นนี้ ถ้าหากเขาจมเข้าไป เขาจะไม่มีทางมีชีวิตรอดแน่
หญิงสาวงดงามแต่เย็นชาตกใจเมื่อเห็นเรือรบ นางตัวแข็งทื่อ
“เรือบินเทวะของสำนักอสูร?”
นางดูสีหน้าประหลาด นางรีบบินไปทางซือหยูอย่างเร่งรีบ นางหายใจเร็วและแรง
“ได้โปรดรอก่อน พาข้าไปด้วย ข้าจะให้สมบัติเทพกับเจ้าหนึ่งชิ้นเป็นของขวัญ!”
สมบัติเทพรึ? ในตอนนี้ยากมากที่สมบัติเทพธรรมดาๆจะต้องตาซือหยูนอกซะจากสมบัติเทพระดับสูง ดังนั้นซือหยูจึงไม่คิดจะฟังนาง เขาใช้เรือบินเทวะและเร่งความเร็วขึ้นอีก
นางเป็นกังวลและกัดฟันแน่น
“สหายตรงนั้นน่ะ ข้ารู้ว่าจะหาสมบัติวิญญาณได้ที่ไหน ถ้าเจ้าช่วยข้า ข้าจะบอกข้อมูลกับเจ้าอย่างแน่นอน!”
สมบัติวิญญาณรึ? ซือหยูสนใจมัน เขามองดูหญิงสาวและพยักหน้า
“ก็ได้ ขึ้นมา”
หญิงสาวบินขึ้นเรือบิน จากนั้นเรือบินเทวะจึงเปลี่ยนเป็นเงาพุ่งหายลับขอบนภา เวลาผ่านไปทั้งวัน รังสีพลังของคลื่นสัตว์อสูรไม่ตามมาอีกแล้ว ซือหยูผ่อนคลายอยู่บ้าง
“แม่นาง เจ้าเจอกับสัตว์อสูรพวกนั้นได้ยังไง?”
ซือหยูเอ่ยปากถาม
นางแปลกใจอยู่บ้าง ซือหยูนั้นไม่ได้ถามเรื่องสมบัติวิญญาณเป็นอย่างแรก! สมบัติวิญญาณนั้นล่อตาล่อใจคนธรรมดาได้มาก ยากสำหรับนางที่จะจินตนาการว่าอีกฝ่ายจะยังใจเย็นอยู่ได้
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้ากำลังเก็บสมุนไพรเทพอยู่ แต่จู่ๆพวกมันก็แห่เข้ามา ข้าต้องหนีจนมาเจอเจ้า”
จู่ๆก็แห่เข้ามา? ซือหยูครุ่นคิด เขาหรี่ตามองดูพื้นที่โดยรอบ