The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 487
สัญลักษณ์ทั้งสามหมายถึงยอดฝีมือเร่ร่อนที่เขาสังหารไปสามคนหลังจากที่ประกาศกฎ จากนั้นทุกคนที่ได้สังหารยอดฝีมือเร่ร่อนก็หยิบเอาแผ่นวงกลมของตัวเองออกมาให้ตรวจสอบ
ส่วนคนที่สังหารใครไม่ได้เลยที่ไม่อยากจะทิ้งโอกาสไป พวกเขามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสายตาเยือกเย็น
การตรวจสอบเสร็จสิ้นในไม่นาน มีแค่สามสิบคนที่ทำภารกิจสำเร็จ เพราะอย่างไรก็มีคนที่สังหารยอดฝีมือเร่ร่อนไปมากกว่าหนึ่งคน มีประมาณสี่สิบคนที่ผ่าน หรือพูดอีกอย่างก็คือ จะมียี่สิบคนที่ต้องต่อสู้เพื่อแย่งเอาที่ว่างอีกยี่สิบตำแหน่ง
แต่โจวฉีหมิงก็มองพวกเขาอย่างเย็นชา
“ใครที่ทำภารกิจของข้าไม่เสร็จจงไปตั้งแต่ตอนนี้! พวกเจ้าสังหารไม่ได้แม้แต่คนเดียว ด้วยพลังเช่นนั้น พวกเจ้าก็ได้แค่ส่งตัวเองไปตาย พวกเจ้ายอมอยู่ชั้นเจ็ดไปเสียดีกว่า”
คำพูดของเขาทำให้สี่สิบคนที่เหลือโกรธเกรี้ยว เขาประกาศอย่างไร้เหตุผลว่าจะเว้นที่ว่างทั้งยี่สิบที่ไว้ดีกว่าจะให้คนที่ทำภารกิจไม่ลุล่วงได้เข้าไป
กึ่งเทพชั้นดีผู้โชคร้ายที่สังหารใครไม่ได้ตะคอกอย่างโกรธแค้น
“โจวฉีหมิง ข้าไม่ว่าอะไรที่เจ้าขอให้ข้าไล่ฆ่าพวกยอดฝีมือเร่ร่อน แต่เจ้ากำลังจะทำให้ที่ว่างทั้งยี่สิบสูญเปล่า เจ้าจะทำยังไงกับพวกข้าเรอะ?”
คนที่พูดนั้นน่าจะมีพลังอย่างน้อยที่ระดับของซื่อหลิง
คนที่เหลือนั้นโกรธแค้นเช่นกัน โจวฉีหมิงเพียงหัวเราะอย่างสะใจ เขาหัวเราะเหยียดหยาม
“ข้าจะทำอะไรกับพวกเจ้าน่ะรึ? แน่ล่ะ เจ้าพวกเศษขยะ! ฆ่าไม่ได้แม้แต่สักคนเดียว น่าเสียดายสำนักที่ชุบเลี้ยงพวกเจ้า พวกเจ้าจะเป็นอะไรไปได้นอกจากเศษขยะเล่า?”
เขามองรอบๆด้วยสายตาเฉียบคม
“ถ้าพวกเจ้าไม่พอใจก็เข้ามา หลังจากมาที่กระโจมเทพสวรรค์ ข้าเอาแต่ทำเรื่องอื่นจนไม่ได้ฆ่าคนมานานแล้ว!”
คนหลายสิบคนโกรธแค้นเมื่อมาถึงขั้นนี้
แต่เมื่อพวกเขากำลังจะออกไป ดวงตาของโจวฉีหมิงก็ลุกวาวขึ้นมา เขาหัวเราะแปลกๆ
“ยี่สิบที่ว่างน่ะไม่ได้เปิดให้พวกเจ้า แต่ข้าก็ไม่ได้พูดว่าอีกสามสิบที่จะปิดหรอกนะ! ถ้าพวกเจ้าชิงที่ว่างมาจากคนที่ได้ตำแหน่งไปแล้วได้ นั่นก็ไม่ต่างอะไรจากการพิสูจน์พลังของพวกเจ้า”
ยู่จางตกใจมาก นางโกรธแค้นอย่างมาก
“โจวฉีหมิงตั้งใจจะให้พวกเราฆ่ากันเอง!”
ซือหยูพยักหน้า เขาถอยไปหลายก้าวและมองไปทุกทิศทาง เขายังมองจางซื่อเหลียนจากสำนักบัวขาวเพราะพลังของนางนั้นน่ากลัว
ดวงตาของคนทั้งสี่สิบคนลุกวาวขึ้นมา ดวงตาดุร้ายเกิดขึ้นและหายไปอย่างต่อเนื่อง พวกเขามองผ่านผู้คนเพื่อพยายามจะหาเป้าหมาย
นอกจากราชามนุษญ์สี่คนที่อยู่ภายใต้จางตี๋เก้อ คนที่เหลือที่มาถึงป่าศิลาและมีชีวิตรอดหลังจากผ่านการต่อสู้สิบวันนั้นล้วนเป็นกึ่งเทพ มีเพียงซือหยูที่เป็นราชามนุษย์ ดังนั้นเขาจึงเป็นเป้าหมายจากทั้งสี่สิบคน
แค่ไม่กี่อึดใจ ซือหยูสัมผัสได้ถึงสายตาเกินกว่าสิบคู่ที่จ้องมองเขา!
มีอยู่สิบคนที่ลังเลเพราะซือหยูนั้นน่าจะเป็นตัวแทนจากตำหนักศีลหวนคืน หยางยี่เต๋าที่เป็นกึ่งเทพก็อยู่ในกระโจมเทพสวรรค์เช่นกัน พวกเขาจึงกลัวที่จะแตะต้องซือหยู
ส่วนอีกยี่สิบคน พวกเขาต่างจับจ้องซือหยู เหล่าคนที่แข็งแกร่งพอๆกับซื่อหลิง…คนที่พูดเป็นคนแรก…เขารู้ตัวในทันทีว่าซือหยูนั้นไม่ธรรมดา เขาทิ้งความคิดที่จะจู่โจมซือหยูไป คนที่เหลือก็ยอมแพ้ ส่วนมากก็เพราะว่าซือหยูมียู่จางที่เป็นกึ่งเทพชั้นดีอยู่ข้างกาย เหล่ากึ่งเทพธรรมดาๆทำอะไรทั้งสองคนไม่ได้
แต่ก็มีหนึ่งคนตะโกนออกมา
“ฆ่ามัน!”
นรกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ–
การต่อสู้อันโกลาหลปะทุขึ้น ไม่นานก็มีมากมายหลายวิชาและสมบัติเทพถูกใช้งาน แสงหลากสีเปล่งประกายออกมาจากพลังของแต่ละคน แสงที่หลอมรวมกันในการต่อสู้ดูงดงามยิ่งนัก
คนสองกลุ่มคำรามอย่างโกรธแค้นไปถึงนภา พวกเขาพุ่งเข้าใส่กันอย่างป่าเถื่อน ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น คนก็เริ่มล้มตาย เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่ว
ในคลื่นการโจมตีแรก กึ่งเทพสี่คนบาดเจ็บสาหัสและกระเด็นลอยไป และมีกึ่งเทพอีกคนที่แหลกสลายตายไป แผ่นวงกลมของเขาร่วงลงกับพื้น กึ่งเทพสามคนพุ่งเข้าหาแผ่นวงกลมอย่างบ้าคลั่ง ทั้งสามต่อสู้กันเพื่อชิงเอาแผ่นวงกลม แม้ว่าหลังจากที่กึ่งเทพสามคนที่เจ็บหนักจะกระเด็นลอยไปจะกลับมาในกลุ่มตัวเองแล้วการต่อสู้ก็ยังไม่จบ คนของพวกเขาเองกลับใช้โอกาสนี้สังหารฝ่ายตัวเอง!
ไม่นานโลหิตก็กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง ทุกคนฆ่าสังจนดวงตาเป็นสีเลือด! กึ่งเทพคนหนึ่งชิงเอาแผ่นวงกลมมาได้ แต่ต่อมาเขาก็ถูกอีกห้าคนจู่โจมเข้าพร้อมกันและตายคาที่! ดูเหมือนว่าจะไร้ผู้ชนะในการต่อสู้อันวิปโยค
ส่วนฝั่งของซือหยู มีกึ่งเทพหลายคนที่กัดฟันโยนแผ่นวงกลมของตัวเองทิ้งไป
“ข้ายอมแพ้!”
พวกเขาพูดและทะยานขึ้นฟ้าบินหนีโดยไม่หันกลับมามอง
มีคนมากขึ้นที่เริ่มคิดแบบเดียวกัน พวกเขาโยนแผ่นวงกลมของตัวเองและหนี
ซือหยูที่มองดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดไม่ได้โยนแผ่นวงกลมของตัวเองทิ้งไป!
ฟึ่บ–
ตอนนั้นมีเสียงกรีดของโลหะดังมาจากใต้เท้าของซือหยู มันมีบางสิ่งหม่นวนอยู่อย่างประหลาดและผุดขึ้นมาจากดิน! สิ่งที่พุ่งออกมานั้นมีคมมีดเฉียบคมมากมาย
สิ่งที่ผุดออกมานั้นเหมือนกับกงล้มที่กำลังจะผ่าซือหยูให้ขาดท่อน
ซือหยูหัวเราะและขยับตัวเล็กน้อย เขาหลบไปในแนวระนาบสิบศอก จากนั้นที่ฝ่ามือของเขาก็เปล่งแสงสีทองพร้อมกับมีดเกล็ดทองที่ปรากฏขึ้น เขาเฉือนมีดใส่กงล้อที่เป็นสมบัติเทพระดับกลางจนขาดครึ่ง!
เสียงคำรามดังมาจากกลุ่มคน ชายตัวเตี้ยที่หน้ามีรอยดั่งข้าวตังที่ซ่อนตัวอยู่นั้นควบคุมกงล้ออย่างลับๆ! เขาส่งเสียงออกมาเมื่อสมบัติเทพถูกทำลาย เขาถูกซือหยูเจอตัวในทันทีทันใด
เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกเจอตัว เขารีบออกแรงที่ปลายเท้าส่งให้ตัวเองหนี
แต่ซือหยูจะปล่อยให้อีกฝ่ายหนีทำไมเล่า?
เขาตะโกน
“ไป!”
เข็มเหล็กหนึ่งเล่มพุ่งไปยังชายตัวเตี้ยและทะลวงหัวใจเขาจากด้านข้าง เขาตายโดยไม่มีเวลาจะได้ตอบโต้! แต่ผู้คนส่วนมากก็กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ไม่มีใครรู้ว่ากำลังมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา
“ฆ่าไอ้เด็กนั่น!”
มีสี่คนบินมาทางซือหยู การเคลื่อนไหวอันเฉียบขาดนั้นไม่ได้เกิดจากกึ่งเทพธรรมดาๆ
ยู่จางใบหน้าเย็นชา
“ฮื่ม! พวกเจ้ารนหาที่ตาย!”
การพยายามฆ่าซือหยูต่อหน้านางนั้นไม่ต่างอะไรจากการดูหมิ่นนาง แต่ไหล่ที่มีกลิ่นหอมหวานของนางก็ถูกแตะเบาๆก่อนที่จะได้ทำอะไร
“ไม่ต้องหรอก…”
“ข้าจัดการเอง”
เข็มสี่เล่มพุ่งออกไปทันทีที่เขาพูดจบโดยไม่ให้ซุ่มเสียง เข็มทุกเล่มพุ่งตรงไปยังหัวใจของกึ่งเทพทั้งสี่คน พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเข็มเช่นนี้ พวกเขามิอาจป้องกันได้!
กึ่งเทพสามคนตายด้วยเสียงกรีดร้องอันแห้งเหือดและล้มลงไปกองกับพื้น ส่วนกึ่งเทพอีกคนที่สัมผัสดีกว่านั้นหลบได้อย่างหวุดหวิด เข็มนั้นแล่นผ่านข้างๆเขาไป
แต่ก่อนที่เขาจะได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เข็มอีกสามเล่มที่เพิ่งจะฆ่ากึ่งเทพคนอื่นไปกลับทะลวงร่างเขาจากด้านหลังเมื่อเขาพยายามจะหลบเข็มเล่มแรก!
กึ่งเทพสี่คนถูกฆ่าไปทั้งอย่างนั้น นั่นทำให้ทุกคนเริ่มให้ความสนใจ คนที่กำลังต่อสู้อยู่ตกตะลึง องค์เทพคนใดกันที่สังหารกึ่งเทพสี่คนได้พร้อมกัน? หนึ่งในนั้นยังเป็นกึ่งเทพที่มีชื่อเสียงอีกด้วย!
ทุกคนตกตะลึงเมื่อซือหยูบินผ่านผู้คนเพื่อปล้นเอาสมบัติจากร่างไร้วิญญาณทั้งสี่ หรือว่าคนที่สังหารทั้งสี่คนจะเป็นเด็กน้อยตรงหน้าพวกเขา? หัวใจของพวกเขาแทบจะหลุดออกมาจากอก
“ถ้าเจ้าอยากจะได้ตำแหน่งของข้า ข้าก็ยินดีต้อนรับเสมอ!”
ซือหยูมองคนรอบๆ เขายกมือขึ้นกำ เข็มที่เหลือบินกลับมาในมือจากใต้ดิน
เมื่อมาถึงตอนนี้ คนที่เล็งซือหยูเอาไว้เริ่มหวาดกลัวแล้ว การกระทำของเขาทำให้ทุกคนหวาดหวั่น ไม่มีใครหมายตาเขาอีกเลย
ซือหยูยืนมือไพล่หลังมองรอบๆ เมื่อไม่เห็นว่ามีใครโจมตีเขาอีกเขาก็ก้าวเท้าเดินจากไป แต่จู่ๆเขาก็เลิกคิ้ว เขามองร่างไร้วิญญาณโดยไม่รู้ตัวและพบว่าโลหิตของพวกเขาไม่ได้ซึมลงดิน แต่โลหิตของพวกเขากลับหายไปโดยไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
ซือหยูใช้เนตรวิญญาณและพบว่าที่เหนือร่างไร้วิญญาณทั้งสี่มีโซ่ทมิฬที่มิอาจมองได้ด้วยตาเปล่า โลหิตเหล่านั้นถูกโซ่ดูดกลืนลงไป! มันเกิดกับแค่สี่คนตรงนี้รึ? เขามองซากศพอื่นๆและพบว่ามีโซ่แบบเดียวกันที่กลืนกินโลหิตอยู่
“นี่มันอะไรกัน?”
ซือหยูตาลุกวาว เขาลองยิงหมอกโลหิตจากใต้เท้าไปโดยไม่ให้ใครรู้ตัว หมอกนั้นถูกโซ่ทมิฬดูดกลืนไปเช่นกัน
การต่อสู้กำลังเดือดพล่าน ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างไม่ลดละ โลหิตพุ่งกระจายทุกหนแห่ง แต่ก็ไม่มีใครมองซือหยูอีกแล้ว เขาเดินผ่านเหล่าผู้คนที่กำลังต่อสู้ไปยังยู่จาง
ดอกบัวที่สร้างจากพลังอันเยือกเย็นพุ่งออกมาจากเหล่าผู้คน! มันหมุนอย่างรวดเร็ว กลีบของมันคบราวกับมีด มันเฉือนพื้นที่รอบๆจนเป็นเส้นสีดำ! นั่นคือสัญญาณของมิติที่ถูกตัด!
อ๊าก—
กึ่งเทพคนหนึ่งถูกบังคับให้ถอยด้วยการโจมตีนี้และทำให้เขาไปอยู่ข้างหน้าซือหยูพอดี เขากรีดร้องพร้อมกับร่างที่ถูกตัดเป็นสองท่อนอย่างง่ายดายราวกระดาษ และดอกบัวยังไม่หยุดแม้แต่น้อย มันพุ่งเข้าใส่ซือหยู!
ซือหยูหลบไปด้านข้างสามสิบศอกในทันที แต่เมื่อเขาหยุดอยู่กับพื้นก็รู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกที่หลัง! แม้ว่าเขาจะตกใจ สีหน้าของเขาก็เยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ เขาก้าวไปอีกก้าวข้างหน้าในทันที บัวหิมะเย็นยะเยือกนั้นเปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้าใส่ซือหยูอีกครั้ง!
ซือหยูถอยไม่หยุดเพื่อที่จะทิ้งระยะห่างระหว่างเขากับบัวหิมะ แต่ในตอนนั้นก็มีบัวหิมะเอกที่สองปรากฏที่ด้านหลังเขาและกำลังจะแทงร่างของเขาไป!
ซือหยูที่รู้สึกถึงความประหลาดจากด้านหลังขยับไปที่ด้านข้างและหลบได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด!
แต่ก็มีบัวหิมะอีกดอกพุ่งมาจากเหนือศีรษะ เขาไม่มีเวลาให้โล่งใจอีกแล้ว! บัวหิมะอีกสองดอกพุ่งตรงเข้ามาอีกด้วย บังหิมะทั้งสามพุ่งเข้าใส่เขาจากสามทิศทาง!
การโจมตีนั้นเจ้าเล่ห์และมาจากทิศที่ซือหยูมิอาจหลบ การคิดอ่านที่เฉียมขาดนี้ทำให้ซือหยูตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง เขาถูกล้อม!
ยู่จางชักสีหน้า แต่มันก็สายไปแล้วที่นางจะทำอะไรได้!
คนที่ให้ความสนใจก็หวาดกลัวเช่นกัน ใครกันที่จู่โจมตนซือหยูต้องตกอยู่ในสภาพนี้? เมื่อเห็นว่าซือหยูกำลังจะขาดเป็นสามท่อนจากบัวหิมะ ร่างของเขาก็มีสายฟ้าปะทุออกมา
บัวหิมะทั้งสามพุ่งเข้าบดขยี้ซือหยูแต่ก็ไม่มีการนองเลือดเกิดขึ้น สายฟ้ากลับปะทุออกมา! ในหมู่คน หญิงสาวชุดสีคราวกำลังร่ายมือใช้พลัง ปลายดัชนีของนางขยับไปมาอย่างชำนาญ
นางตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น นางตระหนักถึงอะไรบางอย่าง สีหน้านางเปลี่ยนไปและหลบไปยังด้านข้างในทันที!
ฟึ่บ–
เข็มเหล็กเล่มหนึ่งพุ่งผ่านแขนของนางไป! สายลมรุนแรงทำให้ชุดของนางฉีกขาด ผิวเรียบเนียนเผยออกมา แขนขาวราวหิมะนั้นมีคราบโลหิตอยู่เล็กน้อย
แต่แม้ว่านางจะหลบการโจมตีนั้นได้ สายฟ้าก็ปรากฏที่ด้านหลังนาง มีดทองคำเฉือนผ่านคออย่างเงียบเชียบ
นางเบิกตากว้าง จากนั้นพลังชีวิตก็ระเบิดออกมาจากภายในร่างกายสร้างชั้นพลังป้องกัน มีดทองของซือหยูฝังลึกลงในพลังป้องกันและช้าลง นางใช้โอกาสนี้รีบหนีจากการโจมตีที่จะฆ่านางได้สำเร็จ
แต่เมื่อนางยื่นมือไปแตะหลังคอก็พบว่าที่นิ้วของนางเต็มไปด้วยโลหิต แม้นางจะป้องกันมีดที่แล้วได้ บาดแผลที่เกิดจากสายลมคมกริบที่มีดนำพามาก็ยังคงอยู่! นั่นทำให้นางโกรธแค้นอย่างมาก นางหันไปมองซือหยูตาเขม็ง
ซือหยูพุ่งออกมาพร้อมกันสายฟ้า เขาสีหน้าขมขื่น
“ข้าก็สงสัยอยู่ว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นเจ้า!”
คนที่ลอบโจมตีซือหยูมิใช่ใคร นางคือจางซื่อเหลียนแห่งสำนักบัวขาว…ยอดฝีมือในระดับกึ่งเทพที่ฝีมือเทียบเท่าหยางยี่เต๋า!