The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 505
ราวกับฟ้าดินถูกสรรสร้าง แสงกระบี่ไร้เทียมทานส่องประกาย
บ่อลาวาที่สงบนิ่งมาร้อยปีถูกแบ่งแยกออกจากกระบี่! ลาวาปะทุออกมา เพลิงพิโรธแพร่กระจายอย่างดุเดือด รอยกระบี่ทะลวงยาวไปถึงก้นบ่อลาวาที่ถูกทำลาย
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังตามมา สัตว์อสูรขอบเขตภูติตัวใหญ่ขาดครึ่งเป็นสองเช่นกัน!
ขอบเขตภูติตายไปแล้ว
พลังของกระบี่นั้นเหนือกว่าขอบเขตภูติที่เป็นพลังที่นับว่าสูงสุดในกระโจมเทพสวรรค์ ซือหยูหายใจเข้าราวกับว่าเขารู้อยู่แล้ว พลังมิติล้อมรอบตัวเขาและกำลังจะพาตัวเขาออกไป
ซือหยูหัวเราะให้กับตัวเอง
“ดูเหมือนจะสุดทางของข้าแล้ว”
เขามองลู่จือยี่ที่หมดสติและถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง
“ดูเหมือนข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง หวังว่าเจ้าจะได้สมบัติที่ต้องการ”
ความมุมานะบากบั่นของลู่จือยี่ยังคงแจ่มชัดในจิตใจของซือหยู นางทำทุกอย่างจนถึงกระทั่งเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้มาที่นี่ เขาหวังว่าความปรารถนาของนางจะเป็นผล ซือหยูหลับตาช้าๆ เขาเตรียมยอมรับชะตากรรม
แต่ในตอนนั้น คัมภีร์ที่ส่องแสงอ่อนๆได้บินออกมาจากแหวนมิติของเขา
ซือหยูลืมตาดูเมื่อพบเรื่องแปลกๆ เขาตัวแข็งทื่อ เมื่อจำได้ถึงที่มาของคัมภีร์…เขาตัวแข็งทื่อไปนาน
วันนั้น ที่เขาถูกกลืนไปสู่ร่างของไป่ฉีผู้เป็นราชาปีศาจ เขาโชคดีที่หนีออกมาได้ในไม่กี่วัน ตอนที่เขากำลังจะหนีออกมา เขาได้เห็นคัมภีร์ที่เปล่งแสงอ่อนๆอย่างไม่คาดคิด ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแผนที่
หลังจากที่เก็บมันไว้ เขาก็ลืมเรื่องของมันไป ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏออกมาโดยไม่คาดคิดนี้ ซือหยูก็คงจะลืมมันจนหมดสิ้นแล้ว
เมื่อแผนที่ปรากฏ แสงอ่อนๆปะทุออกมาจากแผ่นกระดาษ แสงนั้นอ่อนโยนอย่างมาก มันมีพลังที่ใกล้เคียงกับพลังของกระโจมเทพสวรรค์ ส่วนพลังมิติที่ล้อมรอบซือหยูก็หยุดลง มันค่อยๆถอยห่างออกไป!
ซือหยูที่กำลังจะถูกย้ายออกไปภายนอกได้อยู่ในกระโจมเทพสวรรค์อย่างมั่นคงอีกครั้ง
เขาไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น และเขาก็มิอาจปกปิดความดีใจได้เช่นกัน ในตอนที่เขาใช้กระบี่สายฟ้า เขาเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องถูกส่งออกไป
เขาไม่คิดเลยว่าแผนที่ที่เขาเก็บเอาไว้จะทำให้พลังมิติในกระโจมเทพสวรรค์ไม่เกิดผล!
ซือหยูตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น เขาเปิดดูแผนที่อีกครั้งอย่างเคย คัมภีร์นี้คือแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์ บรรดาพื้นที่ที่เขียนเอาไว้นั้นคุ้นเคยอย่างมาก แต่พื้นที่นั้นก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกระโจมเทพสวรรค์อย่างแน่นอน
แผนที่ลับสวรรค์? ในตอนนั้น ซือหยูสังเกตเห็นข้อความที่เล็กมาๆในแผนที่ที่เขาพลาดไปในครั้งก่อน มันเขียนเอาไว้สามคำและถูกสลักเอาไว้อย่างระวัง
นี่มันอะไรกัน? ซือหยูสับสน แต่แผนที่นี้จะต้องมีค่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาคิดย้อนกลับไป ตอนที่ราชาปีศาจยังมีชีวิตอยู่ ตัวตนของเขาก็อาจจะเหนือขอบเขตของจินตนาการไป ดังนั้นแล้ว แผนที่ลับสวรรค์ที่เก็บไว้ในร่างกายจะเป็นสิ่งของธรรมดาๆรึ?
ซือหยูค่อยๆเก็บแผนที่ลับสวรรค์เอาไว้อีกครั้ง
เขาไปตรวจดูกบแก้วเพลิงเนตรขาวที่เพิ่งสังหารไป ร่างกายของมันถูกผ่าเป็นสองซีกลอยอยู่บนลาวา
และหลังจากที่ลาวาถูกกระบี่สายฟ้าผ่าไป ความร้อนของมันก็ลดลงอย่างมาก ชั้นเพลิงทมิฬหายไปช้าๆราวกับว่าถูกบางอย่างดูดกลืนไป
หลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าความร้อนในลาวาหายไป ซือหยูกระโดดไปบนแผ่นศิลา เขาออกแรงอย่างหนักที่มือทั้งสองลากร่างทั้งสองส่วนของกบแก้วเพลิงเนตรขาวขึ้นมาบนฝั่ง
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ร่างกายของสัตว์อสูรขอบเขตภูติก็ยังคงเป็นสมบัติ ดังนั้นซือหยูจึงไม่คิดจะทิ้งมันไว้ แสงสีมรกตในแขนส่องประกาย กบแก้วเพลิงเนตรขาวถูกย้ายไปยังมุกวิญญาณเก้าหยก
เมื่อเขาทำเช่นนั้น ซือหยูเหลือบมองด้วยหางตาและตระหนักถึงบางสิ่งเหนือลาวาที่ดูจะสั่นเบาๆ
สายตาเขาเหลือบมองอย่างเฉียบคม เขาพบว่ามีกบมรกตร่างสมบูรณ์ที่พยายามออกแรงขา มันกระโดดลงไปในลาวา การเคลื่อนไหวของมันดูสะเปะสะปะและทำให้รู้สึกน่ารักน่าชัง
ลูกของกบแก้วเพลิงเนตรขาวรึ? ซือหยูแปลกใจและบินไปดู เขาช้อนกบมาไว้ในมือทั้งสองข้าง
ลูกกบที่รู้สึกถึงอันตรายออกแรงที่ขาเล็กๆอย่างแรงพยายามจะเอาชีวิตรอด มันอ้าปากบ่นเพลิงพิโรธออกมา เพลิงนั้นไม่ได้อ่อนแอเลย มันเป็นเพียงที่ไม่ต่ำกว่าระดับของร่มวิเศษสุริยาม่วง
ซือหยูเดาะลิ้นด้วยความสงสัย สมกับเป็นสายพันธุ์วิญญาณแห่งจักรวาล ลูกของมันมีเพลิงที่เหนือกว่าต้นกำเนิดอัคคี หากมันเติบโต มันก็คงยากที่จะรับมือเหมือนกับกบแก้วเพลิงเนตรขาวตัวยักษ์ที่ผ่านมา
ลูกกบขัดขืนอย่างรุนแรง มันคายกุญแจทองคำออกมาจากปากเมื่อซือหยูกำลังจะขว้างมันใส่มุกวิญญาณเก้าหยก
“เอ๋?”
เขาตกใจเล็กน้อย เขารับกุญแจทองคำเอาไว้
กุญแจนั้นว่องไวอย่างมาก มันดูเหมือนอสรพิษตัวจิ๋วที่กำลังขัดขืนและดูเหมือนว่ามันอยากจะบินไปยังบ่อลาวา
ซือหยูตาเป็นประกาย เขาโยนกบแก้วเพลิงเนตรขาวตัวน้อยใส่มุกวิญญาณเก้าหยก จากนั้นเขาก็ถือกุญแจทองไว้ในมือ เขาตามทิศทางของกุญแจและกระโดดไปในลาวา
ลาวานั้นเย็นลงอย่างรวดเร็ว มันเริ่มที่จะเปลีย่นจากของเหลวเป็นของแข็ง ดังนั้นแล้วการดำลงไปเบื้องล่างจึงค่อนข้างยาก ซือหยูไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ลำดับเก้าหยินหยางในการเปิดทาง
เขาตามทิศทางของกุญแจที่มุ่งหน้าต่อไป เขาไปถึงก้นบ่อ ที่นั่นมีกล่องดำที่ฝังอยู่กับพื้นลึกในบ่อลาวา
ซือหยูดีใจมาก กล่องทมิฬนี้คงจะน่ากลัวมากสินะ? เขาได้สัมผัสพลังของเพลิงทมิฬมาก่อน มันคือพลังที่เกิดจากสถานที่แห่งนี้
และใต้เพลิงอันรุนแรง กล่องดำนี้ยังคงดูเหมือนใหม่ มันต้องไม่ใช่ของธรรมดาๆแน่นอน สมบัติที่อยู่ภายในจะต้องเป็นสิ่งล้ำค่า!
ซือหยูผ่อนมือ กุญแจทองลอยไปราวกับปลาตัวเล็ก มันเข้าไปเสียบรูกุญแจของกล่อง
กล่องดำเปิดด้วยตัวมันเอง ซือหยูถอยออกไปด้วยความระมัดระวัง
ทันทีที่กล่องเปิดออก เพลิงทมิฬเล็กน้อยกระจายออกมาทำให้ความร้อนจากพื้นที่รอบข้างเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่โชคดีที่มันเป็นเพียงเพลิงทมิฬที่หลงเหลืออยู่ในกล่องดำ ดังนั้นพวกมันจึงอ่อนลงอย่างรวดเร็วและหายไป
ซือหยูดีใจมากที่เขาระวังตัว ถ้าเขาประมาทและโดนเพลิงทมิฬสังหารมันก็คงน่าเศร้าเกินไป ถ้าเขาตายต่อหน้าสมบัติที่พยายามอย่างมากเพื่อที่จะได้มากับเรื่องเล็กน้อยเท่านี้ นั่นจะน่าขันเพียงใดกัน?
หลังจากที่เพลิงทมิฬดับ กล่องดำนั้นเปิดอย่างสมบูรณ์ ตำราสีดำกับม้วนภาพสีดำวางอยู่ภายใน
นั่นคือตำราช่างลับสวรรค์งั้นรึ? เหนือกล่องดำนั้นมีตัวอักษรตัวใหญ่เขียนเอาไว้ นั่นมิใช่วิชาช่างฝีมือที่ลู่จือยี่ได้ผ่านความทุกข์ทรมานเพื่อให้ได้มาหรอกรึ?
ซือหยูตาลุกวาว เขาคว้าตำราสีดำไว้ในมือ วิชาลับเหนือบัญชาฟ้าดินที่จ้าวเทวะพลิกแผ่นดินหาจะเป็นเช่นใดกัน? เขาไม่ทิ้งมันไว้ที่นี่แน่
เขามองดูม้วนภาพในมือ ดูเหมือนมันจะต้องใช้พลังชีวิตในการเปิด ซือหยูใส่พลังวิญญาณไปแต่ก็ไม่มีการตอบสนองเลย
แต่เพลิงพิโรธเล็กน้อยก็เล็ดลอดออกมาจากม้วนภาพ เขาเกือบจะโยนม้วนภาพทิ้ง! เหตุใดถึงมีเพลิงอยู่ในม้วนภาพกันเล่า?
เมื่อซือหยูคิดถึงตอนที่เพลิงในลาวาทมิฬหายไปจนหมด เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเพลิงทมิฬนั้นมาจากม้วนภาพนี้
ส่วนกระบี่เมื่อครู่นั้นอาจจะส่งผลบางอย่างกับผนึกพลังที่ทำให้เพลิงทมิฬทั้งหมดกลับไปสู่ม้วนภาพ
ซือหยูใจร้อนรุ่ม ถ้าเขาใช้เพลิงที่น่ากลัวนั่นได้เอง เขาจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนกัน? แต่น่าเสียดายที่ม้วนภาพต้องใช้พลังชีวิตในการใช้งาน
ในขณะที่เขาเศร้าใจอยู่นั้น เขาก็พลิกม้วนภาพและเห็นข้อความที่ด้านหลัง
“ภาพเขียนภูติทัณฑ์สุริยา วิชาระดับภูติ ผู้ถูกเลือก โปรดใช้ด้วยความระวัง”
วิชาระดับภูติ…ซือหยูราวกับถูกสายฟ้าฟาดผ่านตัวเอง วิชาระดับภูตินั้นเป็นวิชาที่เหนือกว่าวิชาระดับตำนาน!
ซือหยูอ้าปากค้าง ม้วนภาพนี้คือวิชาระดับภูติ! มันคือวิชาบ่มเพาะที่ไม่มีอยู่เลยในทวีปเฉินหลง!
แม้จะผ่านไปนานเขาก็มิอาจข่มความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมาจากจิตใจ ความตกใจที่มีให้กับวิชานี้มากเกินไป วิชาระดับตำนานก็ให้พลังที่น่าตกใจอยู่แล้ว แต่เขาก็ได้วิชาระดับภูติมาครอง
ผ่านไปนานกว่าที่ซือหยูจะกลับมาใจเย็นลง เขาวางม้วนภาพลงในมุกวิญญาณเก้าหยก จะให้ใครล่วงรู้ถึงวิชานี้ไม่ได้!
ซือหยูฝืนข่มความรู้สึกในจิตใจและมองรอบๆ เมื่อยืนยันว่าไม่ได้พลาดสิ่งใดไป เขาก็บินขึ้นจากบ่อลาวา
แต่ก่อนที่เขาจะบินขึ้น เขาหยิบเอากล่องดำไปกับเขาด้วย เพราะกล่องดำนั้นอยู่ในลาวาทมิฬมานาน มันน่าจะไม่ใช่สิ่งของธรรมดา
แต่เขาไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เขาออกไป ของเหลวสีดำค่อยๆพุ่งออกจากพื้นที่ที่กล่องดำเคยอยู่
หลังจากที่ขึ้นฝั่ง ซือหยูเก็บวิชาช่างลับสวรรค์เอาไว้แนบกายและไม่ได้ซ่อนมัน ลู่จือยี่พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะค้นหามัน เขาควรจะให้นางได้อ่านสักครั้ง
แต่ซือหยูก็พบว่าลู่จือยี่นั้นตื่นขึ้นมาแล้ว ในตอนนั้นนางกำลังนั่งสมาธิอยู่ หน้าที่เคยแดงของนางกลับมาเป็นปกติ ผิวของนางแดงระเรื่อเรียบเนียน พลังของนางฟื้นฟูขึ้นมาบ้างแล้ว ลมหายใจของนางดูนุ่มนวล ความเสียหายในร่างกายไม่ปรากฏให้เห็นอีก
ด้วยเนตรวิญญาณของซือหยู เขาพบว่าเพลิงพิษในร่างกายของนางได้ถูกกักขังไว้ในกรงที่สร้างจากใบไม้ทองคำเก้าใบ นั่นคือเหตุที่นางหายใจได้สบายขึ้น แต่เพลิงพิษนั้นก็ดุร้ายอย่างมาก กรงใบไม้ทองคำดูไม่มั่นคงกับพลังของมัน
ถ้าอย่างนั้น…ลู่จือยี่ก็ไม่ได้มีใบไม้ทองคำแค่ใบเดียว! ซือหยูตกใจมากแต่ก็เข้าใจได้ เพราะอย่างไรนางก็เป็นจ้าวเทวะผู้ยิ่งใหญ่ คงจะเกินไปถ้านางจะตายง่ายๆด้วยมือของกบในขอบเขตภูติ
ในตอนนั้น นางก้มดูบาดแผลของเว่ยกัง เมื่อพบว่าเว่ยกังยังไม่ได้สติ คิ้วดั่งคันศรีของนางขมวดเล็กน้อย สีหน้านางดูเป็นกังวล
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ด้านหลัง นางหันไปมองด้วยความตกใจ แต่นางก็ผ่อนคลายลง
“มานี่สิ…”
ซือหยูเดินไปหานาง เขาดูเป็นห่วง
“บาดแผลเป็นเช่นใดบ้าง?”
ลู่จือยี่สางผมและฝืนยิ้ม
“ก่อนหมดสติ ข้าใช้วิชาลับเพื่อผนึกเพลิงพิษเอาไว้ชั่วคราว ตอนนี้ข้าไม่มีปัญหาใหญ่อะไร…ข้าไม่เป็นไร แต่เจ้า เจ้าซ่อนพลังเอาไว้ลึกล้ำจริงๆ จนถึงตอนนี้เจ้าก็ยังมีบางสิ่งซุกซ่อนอยู่ ดูจากพลังของกระบี่ เป็นไปไม่ได้เลยที่คนในขอบเขตภูติจะป้องกันได้ และหลังจากที่ใช้พลังเกินกว่าขอบเขตภูติไป เจ้าก็ยังอยู่ในกระโจมเทพสวรรค์ได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตำหนักศีลหวนคืนทุ่มเทชุบเลี้ยงเจ้าเป็นอย่างดีจริงๆ”
นางยังคิดว่าซือหยูมาจากตำหนักศีลหวนคืนจนถึงตอนนี้ ซือหยูนั้นไม่คิดจะอธิบายอะไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาล้วงมือไปในชุดและเตรียมจะหยิบเอาวิชาช่างลับสวรรค์ออกมา