The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 515
“เข้าไปกันเถอะ!”
ไป่ลั่วหยุดมองจ้าวยี่หยูและนำเหล่าจ้าวแห่งความมืดไปยังป่าบาดาล
ป่าบาดาลมีเนื้อที่หลายพันศอก มันคือสมบัติที่สี่…ภูมิปัญญา!
แต่ก่อนที่พวกเขาจะมาที่ป่าบาดาล สามคนก็รีบหนีออกมาจากป่า พวกเขาเป็นคนในระดับกึ่งเทพ และยังเป็นกึ่งเทพชั้นแนวหน้า ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว พวกเขาดูจะหนีอะไรบางอย่างออกมา เมื่อพวกเขาบินออกจากป่า พวกเขาก็พบกับพวกไป่ลั่วโดยไม่คาดคิด
“ยอดฝีมือเร่ร่อนรึ?”
หนึ่งในนั้นพูด
ทั้งสามขมวดคิ้ว พวกเขาหยุดหน้ากลุ่มไป่ลั่ว คนหัวหน้านั้นตัวใหญ่เปลือยท่อนบน ผิวของเขาสีเหมือนกับทองแดง ทั้งร่างเต็มไปด้วยรอยสักหลายขนาดรวมถึงใบหน้าที่ดูประหลาดอย่างมาก ส่วนอีกสองคนที่ซ้ายขวาก็ไม่ต่างกัน
“ศิษย์พี่ซาง ให้ข้าจัดการพวกมันเอง”
ศิษย์น้องทางซ้ายพูดขึ้นมา
“ยอดฝีมือเร่ร่อนไม่กี่คนกล้าดียังไงถึงมาหมายตาสมบัติของสำนักสักยักษาของเรา!”
ส่วนอีกคนนั้นใจเย็นกว่ามาก เขาพูดอย่างเยือกเย็น
“คงจะดีกว่าถ้าให้ข้าจับพวกมันก่อนและใช้วิชาค้นวิญญาณ ดูจากพลังของพวกมัน พวกมันก็เหมือนกับเราที่ไม่ได้ผ่านป่าศิลาและมาลัดมาที่ยอดเขาทั้งห้า เราต้องจับมันไปสืบสวนให้ละเอียด! ความลับเช่นนี้ไม่ควรจะให้ยอดฝีมือเร่ร่อนได้รับรู้”
คำพูดของเขาทำให้ความเยือกเย็นของไป่ลั่วหายไป หัวใจของเหล่าจ้าวแห่งความมืดแทบจะทะลักออกมา ทั้งสามดูไม่คุ้นหน้า ดังนั้นพวกเขาต้องเป็นยอดฝีมือจากโลกแห่งจิวโจว!
แค่ศิษย์พี่ซางที่เป็นหัวหน้าก็เพียงพอแล้ว ไป่ลั่วมิอาจบ่งบอกได้ว่าเขาแข็งแกร่งเท่าใด
ส่วนกึ่งเทพอีกสองคน ทุกคนล้วนให้ความรู้สึกอันตราย พวกเขาคือกึ่งเทพระดับแนวหน้าที่ไม่อ่อนแอไปกว่าหลงหวูชิง! นี่เป็นครั้งแรกที่ไป่ลั่วเชื่อคำพูดของจ้าวยี่หยู ยอดฝีมือของจิวโจวน่ากลัวนัก! โดยเฉพาะศิษย์พี่ซางที่มิอาจสัมผัสพลังได้
และไป่ลั่วยังได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายคิดจะทำ นั่นหมายความว่าพวกเขาถูกสังหารได้ในกระบวนท่าเดียว
ไม่นานเหล่าจ้าวแห่งความมืดก็ตัวสั่น หัวใจของพวกเขาเต้นแรงอย่างไม่น่าเชื่อ
ศิษย์พี่ซางมองดวงตาของเหล่าจ้าวแห่งความมืด เขาเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แค่สีหน้าก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เหล่าจ้าวแห่งความมืดหวาดกลัว
“ช่างมันเถอะ”
“ผึ้งแก้วกำลังจะตามพวกเราทันแล้ว เราไม่มีเวลาจะห่วงเรื่องพวกมัน รีบหนีไปจะดีกว่า”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขากับอีกสองคนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เหล่าจ้าวแห่งความมืดที่พ้นประตูนรกถอนหายใจ ประสาทสัมผัสของพวกเขายังคงหวาดกลัว…พวกเขารู้สึกราวกับว่าร่างกายจะแตกสลาย
ฉิงจูหน้าซีดราวกับผี
“พะ..พวกนั้นคือคนจากจิวโจวรึ? น่ากลัวนัก!”
ไป่ลั่วแอบจิกมือตัวเองให้ใจเย็นลง แต่หัวใจของเขาก็ยังเต้นแรงอย่างมาก ฉิงจูพูดถูก พวกนั้นคือคนจากจิวโจว…และพวกนั้นก็น่ากลัวมากจริงๆ พวกนั้นน่ากลัวยิ่งกว่ายอดฝีมือในจิวโจวที่จ้าวยี่หยูพูดถึง!
เทียบกับแล้ว จ้าวยี่หยูดูจะใจเย็นที่สุด
“เราต้องหนีเดี๋ยวนี้”
“ผึ้งแก้วนั่น…ที่ทำให้คนจากจิวโจวต้องหนี มันอาจจะเป็นสิ่งที่เรามิอาจรับมือได้”
ในครั้งนี้ ไม่มีใครโต้แย้งนางอีกแล้ว
“แล้วก็…”
“ข้าจะแนะนำเป็นครั้งสุดท้าย เราควรจะหนีไปที่ชั้นเจ็ดทันที ยอดเขาทั้งห้าไม่ใช่ที่ที่พวกเราควรจะไปยุ่งเกี่ยว”
ไม่มีใครตั้งคำถามกับนางอีก พวกเขาได้เห็นกับตาว่าคนจากจิวโจวเป็นอย่างไร พวกเขาไม่คิดจะต่อสู้เลย
แต่อย่างไรเมื่อพวกเขากำลังจะหนี เสียงพิรุณกระหน่ำก็ดังมาจากป่ามืด มันคือฝูงผึ้งที่บินออกมาจากป่า!
มันมีมากกว่าร้อยตัว แต่ผึ้งเหล่านั้นก็มีพลังน้อยสุดอยู่ที่ระดับราชามนุษย์! และยังมีผึ้งสีม่วงในระดับกึ่งเทพอีกสิบตัว!
แค่ผึ้งสีม่วงตัวเดียวก็ทำให้ไป่ลั่วต้องลงแรงไปมากในการรับมือ แต่ตอนนี้มันมีถึงสิบตัว! ไป่ลั่วโศกเศร้ากับสิ่งที่พบเจออย่างมาก
แต่ผึ้งสีม่วงก็มิใช่ตัวหัวหน้า มันกลับเป็นผึ้งแก้วขนาดเท่ากระต่ายที่นำหน้าฝูง พลังของมันน่ากลัวยิ่งกว่าผึ้งตัวใด แค่จากร่างกายของมัน…ไป่ลั่วก็รู้สึกได้ถึงรังสีพลังขอบเขตภูติ!
ไม่มีใครกล้าจะหายใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ และพวกเขาก็ยังเร็วไม่พอที่จะหนี แววตาพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
จ้าวยี่หยูเป็นคนแรกที่คืนสติจากความตกใจ นางตะโกน
“หนีเร็ว!”
นางเป็นคนแรกที่หนี จากนั้นไป่ลั่วก็คืนสติและหนีตาม ต่อมาคือฉิงจู ต่อมาก็คนที่เหลือ แต่ผึ้งเหล่านั้นก็ไม่ได้ไล่ตามพวกเขามา มันกลับมองไป่ลั่วและกลุ่มของเขาจากระยะไกล มันส่งเสียงแหลมเล็ก แค่เสียงนั้นก็มีคลื่นเสียงอันทรงพลังแล้ว!
จ้าวแห่งความมืดสามคนที่รั้งท้ายกลายเป็นเนื้อบดในพริบตา กลุ่มของผึ้งสีม่วงบินเข้ามาอย่างตื่นเต้น พวกมันกลืนกินเลือดเนื้อของพวกคนที่ตายตั้งแต่อยู่บนอากาศ พวกมันดื่มด่ำกับอาหารอย่างมีความสุข!
จากนั้นก็ถึงคราวฉิงจู เขากระเด็นไปหลายตลบและร่วงลงกับพื้น ร่างกายของเขาขยับไม่ได้ ผึ้งสีม่วงพุ่ถงเข้ามาด้วยความตื่นเต้น มันเตรียมจะกลืนกินเลือดเนื้อของเขาทั้งเป็น
ไป่ลั่วก็ถูกคลื่นเสียงและเกือบจะตกลงกับพื้น โชคดีที่เขาปรับตัวได้ทัน เขากำลังจะหนีอีกครั้งและพบว่ามีโซ่ที่สร้างจากคลื่นเสียงรั้งตัวเขาเอาไว้ เขาแทบจะขยับไม่ได้!
แม้จ้าวยี่หยูจะตอบสนองได้เร็ว ฐานพลังของนางก็ไม่สูงพอ นางมิอาจหนีพ้น ร่างของนางแข็งทื่อในทุนที ผึ้งกระหายเลือดบินเข้ามาหานางอย่างบ้าคลั่ง
ผึ้งห้าตัวพุ่งเข้าใส่ร่างไป่ลั่ว สองตัวตามกลิ่นเลือดไปที่จ้าวยี่หยู พวกมันยื่นขาหน้าไปหวังจะกระชากผิวและดูดกลืนนาง
จ้าวยี่หยูหัวใจแทบหยุดเต้น ดวงตาอันงดงามเต็มไปด้วยความเศร้า สิ่งที่นางทำได้คือหลับตาและอดทนต่อความโหดร้ายและความเจ็บปวดแสนสาหัสที่กำลังจะมาถึง
แต่ในตอนนั้นก็มีเสียงกรีดนภาจากเบื้องบน จากนั้นก็ตามด้วยเสียงระเบิดมากมาย ท้องนภาที่เต็มไปด้วยคลื่นเสียงไม่มีอยู่อีกแล้ว!
จ้าวยี่หยูลืมตาและต้องอ้าปากค้าง ที่พื้นนั้นเต็มไปด้วยซากผึ้งที่เข้ามาจู่โจมนาง ในนั้นมีผึ้งสีม่วงรวมอยู่ด้วย มันถูกฟันอย่างเรียบเนียนด้วยบางสิ่งที่คมอย่างมาก ซากศพพวกมันแผ่กระจายไปบนพื้น
และนางยังเห็นคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากผึ้ง ตอนนี้เขาหันหลังให้กับนาง เขาคือชายหนุ่มชุดดำที่มีผมสีเงิน เขายืนมือไพล่หลังมองผึ้งแก้วอย่างไม่ยี่หระ
สายลมเย็นพัดผ่านผมยาวสีเงินให้สยายออก ในท้องนภา แสงสีเงินอันตระการตาสาดสะท้อนจากเส้นผม ชายร่างผอมผู้นี้ราวกับคนในฝัน…เขามิอาจเป็นคนจากโลกนี้ได้แน่
ยี่หยูตัวแข็งทื่อ นางรู้สึกราวกับถูกค้อนทุบอย่างโหดร้ายในดวงใจ
เงาผมสีเงิน ลักษณะอันคุ้นเคย…กับคนที่นางฝันถึงมานับไม่ถ้วน พลังที่นางถวิลหาทุกครั้งที่คิดถึงมัน
“ยี่หยูรึ?”
แต่ในตอนนั้น ราวกับว่านางลืมความคิด ลืมหายใจ แม้กระทั่งลืมตัวเอง นางทำได้แค่มองบุรุษผมสีเงิน