The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 525
ทาส? ไม่เพียงแต่จางตี๋เก้อที่สับสน เซี่ยจิงหยูเองก็ไม่ต่างกัน
ที่ก้นบึ้งมังกรเก้านรก พวกเขาเข้าใจดีถึงพลัลงของจางตี๋เก้อ ความต่างของพลังมหาศาลทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง
แล้วซือหยูไปเอาความกล้ามาจากไหนที่จะทำให้นางยอมรับเขาและทำให้นางกลายเป็นทาส? คำพูดที่หยาบคายเช่นนั้นน่าตกใจเป็นอย่างมาก แม้แต่ชายแก่ขี้เมาที่ดูแลก้นบึ้งมังกรเก้านรกก็อาจจะไม่กล้าพูดคำโตอย่างซือหยู!
จางตี๋เก้อหัวเราะ
“หยินหยู ราชาปีศาจหิมะทมิฬ เจ้าคิดว่าข้าไม่ต่างจากพวกกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสามดวงเพราะข้าถูกกำจัดฐานพลังรึ?”
พลังของนางสูงยิ่งกว่าโจวฉีหมิง แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้นางมีฐานพลังเท่าโจวฉีหมิง พลังของวิชาลับที่นางมีก็เทียบไม่ได้กับกึ่งภูติทั่วไป
แต่ซือหยูกลับใจเย็นและหนักแน่น
“เจ้าไม่มาลองดูเองเล่า?”
ซือหยูตาเป็นประกาย ทั้งร่างปกคลุมด้วยหมอกสายฟ้า เขาเปลี่ยนแปลงมันเป็นหลายรูปลักษณ์ ที่สุดมันก็กลายเป็นโซ่ยาวร้อยศอก
เสียงหัวเราะของจางตี๋เก้อหายไปแทนที่ด้วยจิตสังหาร นางพูดอย่างเยือกเย็น
“วิชาอัสนีต่อต้านภูติอย่าพวกข้าได้ดี แต่วิชาของเจ้าก็ยังห่างไกลที่จะเหนือกว่าข้า!”
ฟึ่บ–
ชั่วลมหายใจก่อน จางตี๋เก้อยังยืนอยู่ที่เดิม แต่พริบตาเดียวนางก็หายไปอย่างลึกลับพร้อมกับปรากฏตัวอีกครั้งที่ข้างซือหยู
เซี่ยจิงหยูตกใจ “การยักย้าย” เป็นสิ่งที่มิอาจอธิบายความเร็วระดับนี้ได้แล้ว
จางตี๋เก้อใบหน้าเยือกเย็น นางยื่นดัชนีทั้งสองไปอย่างไร้อารมณ์ ปลายดัชนีเต็มไปด้วยพลังชีวิต นางเจาะทะลวงหัวใจของซือหยูจากด้านข้าง
ดัชนีของนางเร็วเท่าใดน่ะรึ? มันเร็วจนมิอาจทำให้ผู้คนตอบสนองได้ทัน
เช่นเดียวกัน ซือหยูแทบไม่ได้ขยับตัว หมอกสายฟ้าที่เขาสร้างขึ้นมาถูกดัชนีนั้นสลายไป ซือหยูที่อยู่ภายในถูกเจาะทะลวงอย่างไร้หัวใจเช่นกัน ซือหยูที่ถูกจัดการได้ง่ายๆนั้นเกินกว่าที่ทุกคนคิด!
ฟึ่บ–
หมอกสายฟ้าหายไป แต่กลับไม่มีใครอยู่ภายใน
เซี่ยจิงหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางแอบพูดด้วยความนับถือ
“นั่นเป็นภาพลวงรึ? ถ้าอย่างนั้น หมอกสายฟ้าที่ทำให้นางโดนลวงจะแข็งแกร่งเท่าใดกัน? ภูติสวรรค์ยังทำอะไรไม่ได้เลย”
จางตี๋เก้อไม่แปลกใจ นางพูดเบาๆ
“นี่เป็นภาพลวงก็จริง แม้วิชาอัสนีจะเป็นแค่ระดับอำมฤต มันก็ไม่ใช่วิชาธรรมดาๆ ถ้าเจ้าบ่มเพาะถึงขีดสุด มันจะไปถึงระดับเศษเสี้ยวของวิชาระดับตำนาน”
ดวงตาของนางเต็มไปด้วยหมอกทมิฬหลังจากที่พูดจบ นางมองรอบๆอย่างว่องไวและก็พุ่งเข้าใส่ที่ว่างข้างๆในบนท้องฟ้า
ฟึ่บ–
ในตอนนั้น เกิดสายฟ้าพุ่งลงมา นั่นคือซือหยูที่ใช้เลี่ยงสายฟ้า
จางตี๋เก้อมองได้อย่างแม่นยำว่าซือหยูจะปรากฏตัวใดที่ใด และนางก็โจมตีไปก่อนล่วงหน้า
แต่ซือหยูก็เตรียมการไว้แล้วเช่นกัน ก่อนที่เขาจะแสดงตัว กระบี่ทองเล่มเล็กหมุนอยู่รอบกาย จางตี๋เก้อจึงต้องถอนมือที่ตั้งใจจะโจมตีซือหยูกลับไป นางยื่นมือไปทางกระบี่ทองคำแทน
กระบี่ทองคำถูกจับอย่างแน่นหนาด้วยมือของนาง
“สมบัติกึ่งวิญญาณ ดูเหมือนเจ้าจะมีของดีนี่”
จางตี๋เก้อตกใจและเผยใบหน้าพอใจ
“กระบี่นี่เป็นของข้า”
นางถือกระบี่และกำลังจะกว้างใส่สมบัติมิติที่ช้เก็บของ แม้จะดูเหมือนว่านางถือกระบี่อยู่ มันก็ขัดขืนอย่างรุนแรง มันไม่ขยับแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องเปลืองแรง ข้าจะรับสมบัติวิเศษของเจ้าเอาไว้เอง”
จางตี๋เก้อดีใจที่ได้แก้แค้นซือหยู
แต่ในตอนนั้นนางก็ชักสีหน้า กลายเป็นว่านางคว้าความว่างเปล่า กระบี่ทองคำนั้นหายไปจากมือนาง
“รูปแบบมิติ!”
จางตี๋เก้อตกใจอยู่บ้าง นางละอายใจและโกรธที่คว้าความว่างเปล่า
“สมบัติกึ่งวิญญาณชิ้นเดียว นี่สินะสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความโอหังของเจ้า?”
“ถ้าเช่นนั้น เรื่องระหว่างเจ้ากับข้าก็จบแล้ว”
จางตี๋เก้อหายไป หมอกสายฟ้ากระจัดกระจายไปทั้งหมดเช่นกัน
แต่ภายในหมอกสายฟ้ากลับไม่ใช่ความว่างเปล่า มันคือกระบี่เล่มเล็กที่ลอยเปล่งแสงสีทอง
ตอนที่จางตี๋เก้อมาถึงนางก็ไปสนใจสิ่งอื่น กระบี่นั้นพุ่งเข้าใส่นางโดยไม่คาดคิด นั่นทำให้เกิดพลังมากมายพุ่งเข้าใส่จางตี๋เก้ออย่างเจ้าเล่ห์ราวกับอสรพิษ
เมื่อนางมาถึงก็พบว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นข้างกายนาง นางรีบพ่นพลังภูติสีเทาออกมาเป็นใบหน้าภูติเพื่อป้องกัน
ผั่วะ–
เมื่อแสงสีทองปะทะกับหน้าภูติมันก็กระเด็นออกมาราวกับได้ปะทะกับสิ่งที่นุ่มและเด้งอย่างมาก นางตอบกลับได้เร็วยิ่งนัก!
กระบี่ทองทั้งคมและแข็งอย่างมาก มันยังมีพลังมิติ ดังนั้นถ้าจางตี๋เก้อใช้เกราะแข็งป้องกันการโจมตีนั้นก็เป็นไปได้สูงมากที่เกราะจะแตกเพราะกระบี่ทองคำ
แต่การใช้โล่ที่นิ่มปะทะกับความแข็ง นั่นทำให้จุดแข็งของกระบี่อ่อนด้อยลงไป สิ่งนี้บ่งบอกได้อย่างดีว่าประสบการณ์ต่อสู้ของนางนั้นเข้มข้นเพียงใด
“ฮื่ม ข้าเจอแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว มันใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก!”
พลังภูติรอบกายจางตี๋เก้อกลายเป็นใบหน้าภูติสามหน้า ถ้าเป็นเช่นนี้ นางจะรับมือกับกระบี่ได้ในทุกขณะ
ซือหยูสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกว่ากำลังเจอกับปัญหา ความต่างระหว่างพลังของศัตรูตรงหน้ากับกึ่งภูติทั่วไปนั้นสูงมาก
แต่ซือหยูก็ตอบสนองได้เร็วเช่นเคย หลังจากที่กระบี่ทองกระเด็นออกไป เขาก็ขยับมือโดยไม่ลังเล มืออีกข้างเรียกกระบี่ที่กระเด็นกลับมาพร้อมกับกระบี่อีกเล่ม
“สมบัติกึ่งวิญญาณสองชิ้นในคนคนเดียว ดูเหมือนว่าจะเป็นสมบัติที่ใช้คู่กันสินะ! การที่เจ้าได้ของเช่นนั้นมาก็นับว่าโชคของเจ้าไม่เลว!”
ซือหยูไม่ตอบ เขาควบคุมกระบี่ทั้งสองเล่มด้วยมือเดียว กระบี่ทั้งสองเปลี่ยนรูปแบบการโจมตี มันเชื่อมต่อกันเป็นหัวและหางพุ่งเข้าใส่จางตี๋เก้อ
จางตี๋เก้อแตะปลายดัชนี ใบหน้าภูติหนึ่งพุ่งไปขวางกระบี่ทองคำ
ผั่วะ–
อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อกระบี่ทองเจาะใบหน้าภูติ มันก็กระเด้งกลับมาทันที
แต่เมื่อปลายกระบี่แรกถูกสัมผัส ส่วนหางที่เกิดจากกระบี่อีกเล่มก็ตวัดขึ้นมาทำให้เจาะใบหน้าภูติได้ลึกกว่าเดิม
อั่ก—
ใบหน้าภูติบิดเบี้ยวและคายไอพลังออกมา จางตี๋เก้อขยับมือเรียกพลังกลับมาพร้อมกับส่งใบหน้าภูติที่สองเข้าไป
อั่ก—
แต่กระบี่คู่ก็ขยับอย่างเดิมและทำลายใบหน้าที่สอง
จางตี๋เก้อสีหน้าเปลี่ยนไป นางส่งใบหน้าภูติที่สามเข้าไป
กระบี่คู่หมุนอย่างต่อเนื่อง พลังนั้นลดน้อยลงไปมาก ดังนั้นมันจึงผ่านเกราะที่สามของนางไม่ได้ จางตี๋เก้อถอนหายใจด้วยความโล่งอก แววตานางเยือกเย็นและนางกำลังจะคายพลังภูติออกมาอีกครั้ง
แต่ในตอนนั้นก็มีบางอย่างเกิดขึ้น
กระบี่เล่มที่สามปรากฏที่ด้านหลังจางตี๋เก้อในตอนที่นางไม่รู้ตัว นั่นคือกระบี่ที่ใช้ลอบโจมตีหวังผลของจริง!