The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 582
หนานอู่เหลือบมองจางซื่อเหลียนอย่างเย็นชา แม้เขาจะไม่พูดอะไร แววตาก็บ่งบอกอย่างชัดเจน…นั่นก็คืออย่ามาแส่เรื่องชาวบ้าน!
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนกลับพูดออกมาตรงๆอย่างเยือกเย็น
“นี่มันเรื่องวของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง!”
นางควบคุมผู้คนไม่ได้ทั้งหมด! คนที่เหลือไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวในการต่อสู้ระหว่างสองคนอยู่แล้ว ทั้งสองชักกระบี่ของตัวเองออกมาและเริ่มต่อสู้กัน!
ซูม
ในตอนนั้น แผ่นไผ่ในมือหนานอู่หลุดลอยไปยังมือเฮ่ยเยี่ยหลางจุน! สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หนานอู่ตกใจมาก มีร่างวิญญาณที่ดูเหมือนภูติน้อยชิงแผ่นป้ายและรีบบินไปที่มือเฮ่ยเยี่ยหลางจุน!
ส่วนเฮ่ยเยี่ยหลางจุนนั้นยืนมือไพล่หลัง จู่ๆเขาก็สร้างตราประหลาดด้วยมือทั้งสอง
เสียงหัวเราะของหนานอู่หายไป เขาเริ่มโกรธแค้น
“เจ้ามันไม่รู้จักความละอาย!”
เงาทมิฬแล่นผ่านท้องนภาขณะที่เขาพูด อีกาสีดำบินด้วยความเร็วเหนือเสียงพุ่งเข้ามาชิงแผ่นไผ่จากภูติน้อย
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนหัวเราะ
“คนของเจ้าที่ลอบโจมตีเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องน่าละอายหรอกรึ?”
เขาพูดและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าไปตบอีกาภูติ
“กล้าดียังไง?”
หนานอู่ตะโกนอย่างเยือกเย็นและบินไปในทิศทางเดียวกัน
แต่จากนั้นก็มีเสียงสายฟ้าคำรามลั่นบนท้องฟ้า! บางแห่งที่ไกลออกไป คลื่นสายฟ้าซัดใส่ธรณีจากเบื้องบน
สายฟ้าคำรามจนทุกคนตัวสั่น การร้องคำรามของสายฟ้าเช่นนี้ทำให้ภูติน้อยกับอีกาภูติตัวสั่นด้วยความกลัว! ทุกคนตกตะลึงกับสายฟ้านี้มันเกิดขึ้นทั้งๆที่ท้องฟ้ายังสดใส!
มันจะมีสายฟ้าได้ยังไง? พวกเขาสงสัย
“อ๊ะ ดูนั่นเร็ว! มีคนอยู่ในสายฟ้า!”
คนหนึ่งอุทานออกมา
สำหรับบางคนที่ฝึกวิชาเนตรมา สายตาของพวกเขาเหนือกว่าคนทั่วไป ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตสองสิ่งที่รูปลักษณ์คล้ายมนุษย์เดินออกมาจากสายฟ้า!
“อะไรนะ? มีคนอยู่ข้างในรึ? มีคนกำลังควบคุมสายฟ้าอยู่รึ?”
อีกคนพูดออกมาด้วยความสงสัย
ตู้ม
สายฟ้าที่อยู่ห่างไกลบนท้องนภาแล่นลงมายังพื้นที่ลานนกกระจอกเทวะ แสงสีขาวสว่างจ้าทำให้อากาศมีบรรยากาศของการเผาไหม้
จากนั้นก็มีเสียงระเบิดของสายฟ้าดังออกมา! พลังเสียงนั้นทำให้ทุกคนหูสั่น มันคือคลื่นเสียงที่ดังตามมาอีกระลอก
คนที่อ่อนแอแทบจะกระอักเลือดออกมา แม้แต่เฮ่ยเยี่ยหลางจุนกับหนานอู่ที่กำลังต่อสู้กันก็ต้องหยุดมองไปยังสายฟ้าที่เพิ่งจะฟาดลงมา
เทพองค์ใดกันที่มาอยู่ตรงหน้าพวกข้า?
การมาเช่นนี้มันป่าเถื่อนเกินไปแล้ว!
เหล่าผู้คนรวมตัวกันและก้มหน้า สองคนร่อนลงมาจากฟ้าและเดินออกจากสายฟ้าที่สว่างจ้า หนึ่งในนั้นสวมผ้าคลุมและหมวกไผ่ทำให้ยากที่จะเห็นใบหน้าอย่างชัดเจน ทั้งร่างของเขาล้อมรอบไปด้วยสายฟ้า
ส่วนอีกคนเป็นสาวน้อยสวมชุดสีชมพู ดวงตาของนางสดใสราวกับมุกเม็ดใหญ่ ดวงตาคู่นั้นของนางยังดูใสเหมือนแก้วที่เปล่งประกาย
ใบหน้านางเหมือนลู่จือยี่จากตำหนักเมฆาม่วงอย่างน่าตกใจ แต่ชุดสีชมพูที่นางสวมนั้นดูเป็นแค่ชุดของเด็กสาววัยแรกรุ่น
เพื่อที่จะมาที่นี่อย่างรวดเร็ว ซือหยูใช้วิชาเลี่ยงสายฟ้า ดังนั้นการมาของเขาจึงเป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมาก
ทุกคนจับจ้องสองคนที่เพิ่งจะปรากฏตัว พวกเขามองหน้ากันและสงสัย…ทวยเทพองค์ใดกันที่มาที่นี่?
ทุกคนล้วนคิดว่าการปรากฏตัวของทั้งคู่นั้นดูป่าเถื่อนไปหน่อย เพราะทั้งคู่ไม่ได้สนใจถึงความปลอดภัยในคนรอบข้างเลย!
ทุกคนโกรธอยู่ในใจแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา เพราะคนที่ครอบครองสายฟ้าได้เช่นนี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่!
“เจ้ากำลังแย่งแผ่นไผ่กันอยู่รึ?”
ซือหยูมองรอบๆและเห็นแผ่นป้ายหมายเลขไม้ไผ่ที่ลอยอยู่กลางอากาศ
เขามองไปยังภูติน้อยที่อยู่ไกลออกไป เขาเห็นว่ามันกำลังกอดแผ่นไม้ไผ่ไว้แน่น เขาโบกมือเรียกมัน
“เอามันมาให้ข้า!”
ในตอนนั้น ร่างของซือหยูยังคงปล่อยพลังสายฟ้าออกมา สายตาของเขามีพลังสายฟ้าปะปนอยู่ด้วย ภูติน้อยตัวสั่นด้วยความกลัว มันเดินมาหาซือหยูและยื่นแผ่นไผ่ให้
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนสีหน้าเย็นชาลงเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“กลับมา!”
เขาสั่ง
แต่ภูติน้อยหวาดกลัวซือหยูจนเกินไป มันหันไปมองผู้เป็นนายครู่หนึ่งอย่างลังเล แต่มันก็ยังคงยื่นแผ่นไผ่ให้ซือหยูในท้ายสุด
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนเริ่มโกรธ
“เจ้าเป็นใคร? ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยเรอะ?”
หนานอู่สีหน้าไม่พอใจเช่นกัน
“น้องชายคนนั้น แผ่นป้ายเป็นของข้า โปรดคืนมันมาด้วย”
ซือหยูชายตามองทั้งสองคนอย่างใจเย็น
อย่างไรก็ตาม เฮ่ยเยี่ยหลางจุนกับหนานอู่รู้สึกได้ว่าซือหยูมองพวกเขาด้วยแววตาว่างเปล่า! ราวกับว่าซือหยูมองผ่านพวกเขาไป!
ความหยิ่งยโสถึงขีดสุดทำให้ทั้งสองโกรธแค้น เพราะทั้งสองเป็นตัวแทนแห่งยอดฝีมือเร่ร่อน ขณะที่อีกคนเป็นผู้นำจากสำนักที่มีชื่อเสียง!
ดังนั้นการถูกมองข้ามจากคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้านั้นจึงน่าโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง! แต่ซือหยูกลับไม่สนใจความโกรธของทั้งคู่แม้แต่น้อย เขาหยิบแผ่นป้ายไผ่ขึ้นมาและเตรียมจะบิน
“ฮื่ม เจ้าจะไปไหน?”
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนตะโกนอย่างเย็นชาพร้อมกับหมอกสีชมพูที่ปรากฏในมือ หมอกสีชมพูนี้ทรงพลังมาก ถ้าหากซือหยูเจอพลังนี้เข้าไปเขาจะตกอยู่ในสภาวะลุ่มหลง
หนานอู่ไม่ยอดที่จะให้เฮ่ยเยี่ยนหลางจุนลงมือก่อน เขาจึงรีบพุ่งออกไปโดยใช้พลังกายอัดใส่ซือหยูด้วย ซือหยูเย็นชาขึ้น ตอนนี้เขากลับเป็นฝ่ายที่คิดว่าสองคนนั้นป่าเถื่อนเกินไปแล้ว!
ตอนนี้ฐานพลังของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกขั้น พลังของวิชาเลี่ยงสายฟ้านั้นแข็งแกร่งกว่าเดิม และด้วยความรีบร้อนทำให้เขาควบคุมมันได้ไม่ดีนัก นั่นทำให้คนที่อ่อนแอได้รับผลของพลังไปบ้างอย่างไม่ตั้งใจ
ส่วนแผ่นป้ายไม้ไผ่ ทั้งสองอ้างว่าเป็นของตนทั้งๆที่มันไม่ใช่ของใครเลย ซือหยูเพียงแค่หยิบมันมาดูอย่างไม่ใส่ใจเท่านั้น แต่เขาก็ต้องเจอกับความปองร้ายระดับนี้!
ตู้ม ปั้ง
ซูม
ทั้งสองพุ่งเข้ามาจากคนละด้านซ้ายขวา กึ่งภูติสองคนที่กำลังจะเข้าสู่ระดับที่แข็งแกร่งที่สุดโจมตีเขาพร้อมกัน
แต่ซือหยูไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย เมื่อชายทั้งสองเข้ามาใกล้ระยะโจมตี เขายื่นมือทั้งสองออกไป มือแต่ละข้างเริ่มก่อร่างพลังสายฟ้าที่ม่วงจากปลายดัชนีทั้งซ้ายขวา!
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนสัมผัสได้ถึงสายฟ้าหลายพันสายที่ปรากฏบนดัชนีของซือหยู มันแทบจะเหมือนกับวิบัติอัสนีที่ให้พลังอันน่ากลัวแบบเดียวกัน!
จากนั้นเขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดตรงอกเมื่อถูกซัดใส่ด้วยสายฟ้าทรงพลัง ทั้งร่างของเขาถูกไฟฟ้าฟาดและกระเด็นกลับไปทันที
หนานอู่กลับได้เจอบางสิ่งที่ต่างออกไป เขารู้สึกราวกับว่ากระบี่นับไม่ถ้วนกำลังล้อมรอบกายเขา ซึ่งทั้งหมดพุ่งออกมาจากดัชนีของซือหยู!
จากนั้นความเจ็บปวดรุนแรงก็แล่นมาจากกลางฝ่ามือของตัวเอง เขาก้มลงมองและพบว่าสายฟ้าไหลผ่านกลางฝ่ามือเข้ามา ร่างของเขากระเด็นออกไป
อย่างไรก็ตาม ที่คนรอบข้างเห็นนั้นเป็นเพียงซือหยูที่ยื่นดัชนีจากสองมือออกไปธรรมดาๆและเอาชนะกึ่งภูติระดับสูงได้ง่ายๆ!
ไม่มีใครคิดว่าซือหยูจะสังหารทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย! บอกได้เลยว่าเขากำลังออมมืออยู่! พลังนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึง พวกเขาเริ่มหันหน้าไปพูดคุยกัน
“บุรุษผู้นั้นเป็นใครกัน? แล้วเขามาจากไหน?”