The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 584
ลู่จือยี่ไม่รู้เลยว่านั่นไม่ใช่เพราะคำขอของซือหยูแต่เป็นกิเลนน้อยที่แปลงร่างไปเอง! อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจผิดนี้เป็นเพียงความบังเอิญล้วนๆ
“ข้ารู้ว่ามันเป็นสัตว์วิญญาณ แต่ที่ข้าจะถามก็คือทำไมมันถึงแปลงกายเป็นเจ้า? หรือว่าเขาจะมีความรู้สึกต่อเจ้าหลังจากที่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับเจ้า?”
กู้ไทซูจ้องมองซือหยูอย่างไม่เป็นมิตร
ใบหน้าลู่จือยี่ดูไม่เป็นธรรมชาติ นางเสยผมที่ปิดบังใบหน้าทัดไว้กับหู
“บางที…”
ปั้ง!
กู้ไทซูตบขอบลานประลองเสียงดัง ความเยือกเย็นฉาบดวงตา ท่าทางหุนหันพลันแล่นของเขาไม่เข้ากับความสง่างามที่เขามีแม้แต่น้อย!
เขาเชื่อใจลู่จือยี่และไม่คิดว่านางจะทำสิ่งที่มิอาจให้อภัยลับหลังเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้โกรธนาง แต่เขาไม่พอใจเรื่องที่ในดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปด ทุกคนต่างรู้ว่าลู่จือยี่เป็นคนรักของเขา แต่ชายคนนั้นก็ยังกล้าแสดงความรักต่อนาง!
ลู่จือยี่ลังเลเมื่อเห็นท่าทางเดือดพล่านของเขา
“พี่ไทซูลืมมันไปเถอะ ข้าว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้นหรอก ให้ข้าพูดกับเขาเอง คงไม่เหมาะสมถ้าพี่จะจัดการกับเขาด้วยตัวเองเพราะจะทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย”
กู้ไทซูใจเย็นลงเล็กน้อย แน่นอนว่าถ้าเขาจัดการเรื่องนี้เอง คนที่มองดูก็จะหัวเราะเยาะเขาได้
“ก็ได้”
กู้ไทซูเห็นด้วยกับนาง เขาเดินไปยังสามจ้าวเทวะหยินหยางที่มาจากตำหนักเมฆาม่วง
“ท่านผู้เฒ่าหยินหยาง พวกท่านแน่ใจนะว่าไข่แก่นแท้วิญญาณเทวะที่จ้าวเทวะตู่ม่อขโมยมาอยู่ในกระโจมเทพสวรรค์?”
กู้ไทซูกังวลในเรื่องนี้มาก ผู้เฒ่าหยินหยางที่เขาพูดด้วยคือคนที่สร้างลำแสงวงกลมที่ทำให้พวกเขาเข้ามาในกระโจมเทพสวรรค์ได้ ทั้งศีรษะของผู้เฒ่าเต็มไปด้วยผมขาว ดวงตาข้างซ้ายของเขาดำสนิท ส่วนดวงตาข้างขวานั้นขาวราวหิมะ นั่นทำให้ดวงตาของเขาดูแปลกมาก
เขาเป็นศิษย์ของชายแห่งเมฆาม่วง ดังนั้นเขาจึงมีพลังที่แข็งแกร่งมาก เขาไปถึงระดับจ้าวเทวะขั้นสูงแล้ว
“เจ้าหนู ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ดวงตาของข้ามองทะลุทั้งหยินหยาง ข้าติดต่อกับวิญญาณที่ตายไปแล้วได้ ข้าแน่ใจว่าตู่ม่อนำมันมาไว้ในกระโจมเทพสวรรค์ ไข่แก่นแท้วิญญาณเทวะก็อยู่ที่นี่ด้วย”
ผู้เฒ่าหยินหยางกล่าว
เขาพูดเสริม
“บอกตามตรง พวกข้ายังได้ข่าวว่าม่อเทียนฉวนจากตำหนักโลหิตได้สั่งการตำหนักชิงวิญญาณให้หาซากศพของตู่ม่อ แต่สองคนที่ม่อเทียนฉวนส่งมากลับหายไป แม้แต่โจวฉีหมิงจากตำหนักชิงวิญญาณหรือชางก่วนชิงเอ๋อจากตำหนักโลหิตเองก็ไม่ได้ปรากฏตัวในพิธีแลกเปลี่ยน มันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ พวกเราจะได้ของที่จ้าวเทวะตู่ม่อทิ้งไว้หรือไม่นั่นเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน”
กู้ไทซูขมวดคิ้ว
“ไข่แก่นแท้วิญญาณเทวะเป็นของที่สำคัญที่สุดในตอนนี้แล้ว! ถึงพวกเราจะไม่ได้ เราก็จะปล่อยให้ตำหนักโลหิตเอาไปไม่ได้!”
เขาที่พูดคุยกันถูกสองคนจ้องมองพร้อมกัน ร่างกายของพวกเขาปกคลุมไปด้วยพลังอสูร ยากที่จะมองเห็นร่างอย่างชัดเจน
ลู่จือยี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่ากู้ไทซูไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว ดวงตาอันงดงามของนางอ่อนโยนลง นางแอบมองดูซือหยู
ที่ลานนกกระจอกเทวะ คนแรกได้ถูกเลือก เขาก้าวขึ้นมาเผชิญหน้ากับผู้คน
ซูม
เขาวางฝ่ามือหยิบเอาผลไม้ทองคำออกมาจากอก มันคือทับทิมวิญญาณขนนก!
ในสีทองมีเงาสีเขียวอยู่ด้วย นั่นหมายความว่ามันยังไม่สุกงอมดี เทียบกับทับทิมวิญญาณขนนกที่ซือหยูปลูกมาเทียบเท่าเวลาแปดสิบปีแล้วนับว่ามีระดับต่ำกว่าสองขั้น
“นี่คือทับทิมวิญญาณขนนก! ข้าต้องการแก้วสองดวง ข้าจะไม่รับสิ่งที่ด้อยค่ากว่านี้!”
ทันทีที่เขาพูด คนด้านล่างเวทีที่เริ่มสนใจทับทิมได้พูดคุยกัน…
“หึหึ แค่แก้วสองดวงรึ! มีแค่ที่อย่างกระโจมเทพสวรรค์เท่านั้นแหละที่จะมีคนกล้าขายในราคานี้ ถ้าในจิวโจวคงได้อย่างต่ำสามดวง!”
“ข้าอยากได้!”
“เดี๋ยวสิ! ข้าก็อยากได้ด้วย! ข้าจะให้เศษแก้วเจ้าเพิ่ม!”
“แก้วสองดวงกับสองเศษเแก้ว!”
สุดท้ายแล้วทับทิมวิญญาณขนนกได้ถูกขายไปในราคาแก้วสองดวงกับอีกเก้าเศษแก้ว ซือหยูที่มองดูจากด้านข้างเริ่มเข้าใจมูลค่าของแก้วที่ใช้ในการประมูลครั้งนี้แล้ว
เขาพบว่าแก้วเหล่านี้ไม่ได้ใช้สร้างเพียงพลังชีวิต แต่มันสามารถก่อร่างเป็นค่าเงินได้ด้วย! นั่นทำให้ซือหยูดีใจมาก
นั่นก็เพราะในการฟื้นฟูหลิงเสี่ยวเทียนจะต้องใช้พลังชีวิตมหาศาล ตามที่หยุนย่าสีบอก ทางเดียวที่จะช่วยเขาได้ในจิวโจวก็คือการทะลวงพลังเป็นภูติ แต่ในตอนนี้มีวิธีที่ดีกว่านั้นนั่นคือการสะสมแก้วพลังที่มีพลังชีวิต!
แต่ในจิวโจว แก้วเหล่านี้เป็นของที่แพงมาก พวกมันแบ่งเป็นสามระดับ มีทั้งแก้วขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูง ตามปกติแล้วแก้วขั้นกลางจะมีพลังชีวิตอยู่มาก นั่นจะไม่ถูกใช้แทนเงินในการซื้อขายแต่จะใช้ในการบ่มเพาะพลังเท่านั้น
แก้วขั้นสูงเป็นของหายากในจิวโจว ยากที่จะมีโอกาสได้มันมา ดังนั้นจึงมีแค่แก้วขั้นต้นเท่านั้นที่จะใช้แทนเงิน แม้อย่างนั้นหลายคนก็พยายามจะประหยัดในการใช้เพราะพวกเขาก็ต้องในมันในการบ่มเพาะพลัง
ดังนั้นแล้วส่วนมากจึงได้มีการแบ่งแก้วเป็นเศษแก้ว ซึ่งเศษแก้วสิบเศษจะนับว่าเป็นแก้วหนึ่งดวง ผู้คนส่วนมากใช้เศษแก้วในการแลกเปลี่ยน
ซือหยูตื่นเต้นและคาดหวังอย่างมากเมื่อเข้าใจกระบวนการเหล่านี้ เขาเก็บสะสมสมบัติมาค่อนข้างมากจากกระโจมเทพสวรรค์ เขาสงสัยเหลือเกินว่ามันจะแลกเป็นแก้วได้สักกี่ดวง!
“คนที่สองคือจิ้นเฉิน!”
จางซื่อเหลียนประกาศ
จิ้นเฉินมายืนที่ด้านหน้า เขาถือกล่องหยกไว้ในมือ ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ดูลึกลับ
“อืม…ทุกคนที่นี่จะจำการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อสี่วันก่อนได้ไหมนะ?”
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนเงียบกริบ หลายคนแสดงความหวาดกลัวทางสีหน้า นั่นก็เพราะสี่วันก่อน วิบัติอัคคีและวิบัติอัสนีได้ปรากฏ ณ ที่นี่ และยังมีพลังอสูรปริมาณมหาศาลเต็มไปหมดเช่นเดียวกับทะเลโลหิต
ภาพการต่อสู้นี้สั่นคลอนไปทั้งกระโจมเทพสวรรค์ สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนโลกกำลังจะถึงจุดจบ!
จางซื่อเหลียนหรี่ตา นางมองกล่องหยกในมือจิ้นเฉิน
“เวลาจำกัด เร็วเข้า!”