The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 585
จิ้นเฉินค่อนข้างพอใจกับสีหน้าของผู้คนในตอนนี้ เขาจึงยิ้มออกมาขณะที่พูด
“พอดีว่าข้าอยู่ใกล้สนามรบนั่น ข้าเลยเป็นคนแรกที่ไปถึงหลังจากที่การต่อสู้จบลง”
อะไรนะ? เขาเป็นคนแรกรึ?
คนที่นี่รีบหันไปมองกล่องหยกในมือเขา พวกเขาหลายคนล้วนมาตรวจสอบตำแหน่งที่เกิดการต่อสู้ แต่มีแค่บางคนเท่านั้นที่ได้ของมีค่ากลับไป
จิ้นเฉินเจอของดีที่นี่งั้นรึ?
“ใช่แล้ว กล่องหยกนี่มีสมบัติที่ข้าเจอ”
จิ้นเฉินเปิดกล่องหยกพร้อมกับบางอย่างที่ลอยออกมา มันดูเหมือนสิ่งที่เกิดจากสายฟ้าบริสุทธิ์ที่บีบอัดแน่น แม้จะเป็นแค่เศษเสี้ยวก็มีสายฟ้าปะทุออกมา
“เศษวัตถุดิบกึ่งวิญญาณ!”
บางคนร้องอุทานออกมา
วัตถุดิบกึ่งวิญญาณเป็นสมบัติที่มีเพียงคนในขอบเขตภูติจะครอบครอง นอกจากคนที่มาจากพื้นเพที่ยิ่งใหญ่แล้ว…เหล่ากึ่งเทพทุกคนล้วนใช้สมบัติระดับเทพธรรมดาๆเท่านั้น ดังนั้นเศษวัตถุดิบกึ่งวิญญาณจึงนับว่าค่อนข้างดีในฐานะที่เป็นสมบัติ!
“นี่มันของที่น่าประทับใจมาก! นี่จะไม่ใช่ของที่มีค่าสูงสุดหรอกรึ?”
หนานอู่โกรธอยู่บ้างเพราะจิ้นเฉินกล้าจะปิดบังเรื่องสมบัติเช่นนี้จากเขา
จิ้นเฉินยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะตอบ
“เศษเดียวจะล้ำค่าเช่นนั้นเชียวรึ…แต่ถ้ามีร้อยชิ้นเล่า…”
เขาโบกมือพร้อมกับตอนที่พูด และเศษสมบัติจำนวนมากก็ได้ลอยขึ้นมากลางอากาศ ทั้งหมดมีอย่างน้อยร้อยชิ้นส่วน!
ซือหยูตัวแข็งทื่อกับสิ่งนี้! เขาคุ้นๆว่าเศษเหล่านี้มาจากกระบี่สายฟ้า!
หลังจากที่มันถูกอสูรทำลายไป หนึ่งในสามของกระบี่นับว่าไร้ค่าเพราะมันหายไปไม่หลงเหลืออะไรอยู่เลย แต่ส่วนที่เหลือได้กลายเป็นเศษสมบัติหลายชิ้น!
จางซื่อเหลียนตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น นางหันไปมองเซี่ยจิงหยูที่หน้าซีดเผือดราวกับหิมะ
นางจำเศษสมบัติเหล่านี้ได้เพียงมองครั้งเดียว เศษสมบัติเหล่านี้มาจากกระบี่สายฟ้า! นางเคยเห็นตอนที่ซือหยูได้รับกระบี่นี้ตอนที่อยู่ในก้นบึ้งมังกรเก้านรก
กระบี่นี้มีความทรงจำอันลึกซึ้งของทั้งคู่อยู่ร่วมกัน นางจึงจำมันได้!
ถ้าซือหยูยังมีชีวิตอยู่ นางเริ่มสงสัยแล้วว่ากระบี่จะถูกทำลายได้อย่างไร นางเริ่มตระหนักได้…ถ้าหากกระบี่ถูกทำลาย เจ้าของก็คงจะถูกสังหาร!
เสี้ยวความหวังสุดท้ายในใจเซี่ยจิงหยูถูกสะบั้นหายไปพร้อมกับเศษสมบัติสายฟ้า ไม่ว่านางจะไม่อยากเชื่อมากเท่าใด แต่มันก็ชัดเจนแล้วว่าซือหยูได้ตายไปเพราะอะไรบางอย่าง
การได้เห็นสิ่งนี้ด้วยตาตัวเองทำให้นางรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ซือหยูจะรอด โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับพลังมหาศาลที่สมบัติปล่อยออกมา ร่างกายนางสั่นอย่างรุนแรง ดวงตานางว่างเปล่า นางสูญเสียความหวังไปหมดแล้ว
“เป็นไปไม่ได้! เขาไม่…”
เซี่ยจิงหยูเหม่อลอย นางเดินเซไปในกลุ่มหมอกควันและหายลับไป
จางซือหยูมองสถานที่ที่เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์กับอสูร นางถอนหายใจออกมา นางไม่มีแม้แต่แรงจะตามเซี่ยจิงหยูไป
ซือหยูเองสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในหมอก เขารู้สึกว่ามีบางคนเพิ่งจะออกไป แต่เขาไม่ได้สนใจมากนักในตอนนี้
“บอกราคามา”
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนตาลุกวาว เขาสนใจกับของชิ้นนี้อย่างมาก มันคือสมบัติสายฟ้าที่หาได้ยาก!
“ใช่ บอกราคามาเลย! ข้าก็อยากจะรู้ความพิเศษของสิ่งนี้เหมือนกัน”
หนานอู่ยิ้มมุมปากขณะที่คนอื่นดูสนอกสนใจ
“แก้วสิบดวง!”
จิ้นเฉินตะโกนบอกราคา
หนานอู่กับเฮ่ยเยี่ยหลางจุนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินราคา บอกได้เลยว่าของชิ้นนี้ราคาค่อนข้างแพง
ถ้าหากเป็นสมบัติกึ่งวิญญาณที่ครบถ้วนดี ราคาก็อาจจะไปถึงแก้วร้อยดวงหรือมากกว่า แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นแค่เศษวัตถุดิบที่เสียหาย ราคามากเช่นนี้ดูจะแพงไปหน่อย
“แก้วสิบดวง…”
เสียงอันแหบพร่าดังขึ้นขณะที่ทั้งคู่ลังเล
ซือหยูมองไปหาคนที่พูดและพบว่าคนผู้นั้นสวมผ้าคลุมสีดำและปิดบังตัวตน
ซือหยูคิดว่าเสียงนี้ค่อนข้างคุ้นกับเขา เขาสงสัยจึงใช้เนตรวิญญาณมองทะลวงเข้าไปในผ้าคลุม เขาพบหัวมังกรที่อัปลักษณ์เป็นอย่างมาก!
นั่นคือกังต้าเหล่ย! ซือหยูตกตะลึง เขาเกือบจะร้องออกมา เขาไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบกับกังต้าเหล่ยที่นี่!
ซือหยูกำลังคิดว่าจะไปทักทายเขาดีหรือไม่ แต่หลังจากนั้นเขาก็ทิ้งความคิดนี้ไป นั่นก็เพราะว่าเขากำลังซ่อนสถานะของตัวเองอยู่ ไม่ดีแน่ถ้าจะเผยตัวในตอนนี้
หลังจากที่ได้ยินข้อเสนอของชายลึกลับ หนานอู่กับเฮ่ยเยี่ยหลางจุนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มประมูลแข่ง การแข่งราคาไม่ได้ดุเดือดนัก กังต้าเหล่ยไม่ได้ร่วมให้ราคาอีกแล้วหลังจากเสนอไปครั้งแรก
ดังนั้นจึงมีแค่เฮ่ยเยี่ยหลางจุนกับหนานอู่ที่จะจ่ายไหวและแข่งราคากันต่อไป ส่วนเหล่าผู้เฒ่าที่มองดูทั้งคู่จากลานประลองลับสวรรค์ของจิวโจวนั้นมีสมบัติวิญญาณของตัวเองอยู่แล้ว พวกเขาไม่สนใจเศษวัตถุดิบ
หลังจากที่ทั้งสองแข่งราคากันไปครู่หนึ่ง เฮ่ยเยี่ยหลางจุนก็ได้เอาชนะหนานอู่ เมื่อนางประกาศก็มองไปที่ซือหยูด้วยความสนใจ
“นายน้อย ท่านเป็นคนที่บ่มเพาะวิชาสายฟ้า เหตุใดไม่สนใจเศษกระบี่สายฟ้าเล่า?”
ซือหยูเดาะลิ้นเมื่อได้ยินนางพูดและครุ่นคิด นี่เป็นของที่ข้าทิ้งไป…ข้าจะสนใจอะไรมันอีกรึ?
แต่ถ้าเขารู้ว่าเศษกระบี่จะขายได้แพงขนาดนี้ เขาคงจะเก็บเอาไว้และขายกับคนเหล่านี้!
“ดำเนินงานต่อไปเถอะ ถ้าข้าสนใจ ข้าจะเสนอราคาเอง…”
ซือหยูพูดอย่างใจเย็น
จางซื่อเหลียนมองเขาอย่างละเอียดอยู่นานและพูดต่อ
“เอาลบ่ะ เฮ่ยเยี่ยหลางลจุน โปรดมาที่นี่”
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนได้แผ่นไผ่หมายเลขสาม เขาก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับหยิบสมบัติสองชิ้นออกมาจากอก ทั้งสองชิ้นเป็นของที่ได้มาจากซากโบราณที่เขากำลังจะอธิบาย…
“อย่างแรกคือกลอนลั่วเฉิน มันเป็นกลอนที่จ้าวเทวะเขียนไว้จากพลังจิตวิญญาณ ถ้าอัดพลังชีวิตลงไปจะมีร่างเงาลั่วเฉินที่มีพลังระดับกึ่งเทพขั้นสูงออกมา! นี่เป็นของหายาก ข้าจะขายที่ราคาอย่างน้อยห้าแก้ว!”
เขาประกาศ
เหล่าคนรอบๆแตกตื่น คำพูดของเขาทำให้ทุกคนสนใจ สมบัตินี้จะทำให้พวกเขาเอาชนะทุกคนที่มีพลังระดับต่ำกว่าภูติได้!
“ข้อเสียอย่างเดียวของมันคือจะใช้ได้วันละครั้งเท่านั้น”
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนอธิบายต่อไป
ข้อด้อยเช่นนี้นับว่าเข้าใจได้ เพราะมันคงจะเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้หากใช้งานได้อย่างไม่รู้จบ
“ห้าดวง!”
“ห้าดวงกับหนึ่งเศษ!”
ทุกคนเริ่มประมูลแข่งราคาขณะนำของมีค่าออกมาจากกระเป๋า โดยเฉพาะเหล่ายอดฝีมือเร่ร่อนที่คลั่งราวกับว่ามันคือเครื่องรางช่วยชีวิต!
ท้ายสุด ชายร่างกำยำหนวดเฟิ้มได้มันไป หลังจากที่ได้ของชิ้นนี้ไปเขาก็ออกจากลานนกกระจอกเทวะทันที เขาหาที่ซ่อนอย่างระมัดระวัง
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนพยักหน้าและเริ่มที่จะเสนอสมบัติชิ้นที่สอง เขาเหลือบมองไปที่ข้างบนโดยหวังว่าผู้เฒ่าจากจิวโจวจะเป็นผู้เข้ามาแลก แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่จะขยับตัว
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนไม่ได้น้อยใจไป เขาเปิดกล่องหยกและเผยสมบัติชิ้นที่สอง มันคือกระดูกสีดำ ความเก่าแก่แสดงออกจากผิวกระดูก แต่กระดูกก็ยังมีพลังชีวิตที่ทำให้มันราวกับยังไม่ตาย!