The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 601
ผู้ที่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้ายยังคงเป็นซือหยู แม้เขาจะไม่เชื่อว่าตัวเองจะเอาชนะกู้ไทซูได้ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิญญาณกู้ไทซู และพลังนั้นน้อยกว่าร้อยเท่าของตัวจริง แม้ซือหยูจะพยายามทุกวิธีทาง เขาก็ยังมิอาจเผชิญหน้ากับพลังที่เหนือกว่านี้ร้อยเท่าได้!
เพล้ง!
หลังจากที่เขาเก็บของไป เขาก็ทำลายน้ำแข็งที่ร่างกู้ไทซู
“มีอะไรแปลกๆ”
เมื่อเขาเห็นวิญญาณกู้ไทซูผ่านซากปรักหักพัง เขาก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างที่แปลกออกไป
เขาเห็นวิญญาณกู้ไทซูที่ถูกการระเบิดของต้นกำเนิดแผดเผาไม่ได้เสียหายแม้แต่น้อย เขาเห็นว่ารูปปั้นสัตว์อสูรคล้ายแมวในมือของเขาเต็มไปด้วยรอยแตกมากมาย มันแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้ว
กู้ไทซูไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่น้อย เขาใช้แมวหยกเพื่อลบแรงระเบิดและยื้อเวลา เขาใช้วิธีนี้เลี่ยงพลังทำลายล้าง! ตอนนี้เขาถูกแช่แข็งเพราะผลของพลัง
“รู้ตัวแล้วรึ?”
เสียงอันเยือกเย็นดังมาจากรูปปั้นน้ำแข็ง
ปั้ง!
แรงกดดันมหาศาลระเบิดออกมาจากรูปปั้นน้ำแข็ง แรงกดดันมหาศาลระดับนี้ใกล้เคียงกับขอบเขตจ้าวเทวะ พลังเท่านี้คงทำให้คนที่พบเจอต้องจมอยู่กับความเศร้า
“จะตายซักร้อยครั้งก็ยังไม่พอที่เจ้าจะชดใช้สมบัติสูงสุดของข้าได้”
กู้ไทซูยืดตัวขึ้นและสะบัดชั้นน้ำแข็งรอบๆตัว
ดวงตาที่เปล่งประกายดั่งดาราและจันทราของเขามองซือหยูอย่างหยามเหยียด ท่าทางเยือกเย็นของเขาเปลี่ยนไปแทนที่ด้วยจิตสังหาร กู้ไทซูไม่พอใจอย่างมาก
ซือหยูใจหาย กับการต่อสู้อันขมขื่นเช่นนี้ เขาใช้พลังชีวิตและพลังวิญญาณไปหมดสิ้น สถานการณ์เปลี่ยนไปอีกแล้ว
“ตายซะเถอะ!”
กู้ไทซูโบกมือ สายลมแรงพัดผ่านลงมาจากฟ้า กระโจมเทพสวรรค์สั่นสะเทือนทำให้เกิดแผ่นดินแยก
ซือหยูโศกเศร้าเมื่อต้องเจอกับการโจมตีเช่นนี้ ร่างกายอันเหนื่อยล้าของเขาไม่เหลือพลังอีกแล้ว สายลมรุนแรงนี้จะกระชากเขาออกจากกัน
ปั้ง!
เมื่อสายลมอันบ้าคลั่งที่ทำได้แม้แต่ฉีกวิญญาณเข้าใกล้ซือหยู เขาก็ยิ้มออกมาเบาๆอย่างขมขื่นที่มุมปาก ในใจนั้นโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพลังเข้าใกล้ ซือหยูเตรียมจะยอมรับชะตากรรม แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอันยากจะทานทนที่คาดไว้แม้จะผ่านไปนาน สายลมบ้าคลั่งเลี่ยงผ่านซือหยูไปราวกับไม่ได้เล็งมาที่เขาเลย!
ซือหยูตกตะลึง เกิดอะไรขึ้นกัน?
ซือหยูได้ยินเสียงอันเป็นกังวลจากกู้ไทซูที่อยู่ด้านนอกวายุกระหน่ำ
“ใครกัน? ใครซ่อนอยู่ตรงนั้น?”
เสียงตะโกนของเขาดูตกใจและดุร้าย
วายุกระหน่ำของเขาสลายไป คนที่ปรากฏตรงหน้าซือหยูสวมสุดที่ขาวเสียยิ่งกว่าหิมะ นางมีร่างอันโค้งเว้าน่าจับตา ดอกบัวขาวประทับอยู่แนบอก นางไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจางซื่อเหลียนแห่งสำนักบัวขาว!
นางยืนมือไพล่หลัง ฐานพลังของนางที่เห็นได้ชัดว่าอยู่ในขอบเขตกึ่งภูติกลับดูเหมือนมาจากคนที่บ่มเพาะพลังมาอย่างกล้าแกร่ง นั่นเป็นเพราะวายุรุนแรงได้สลายไปเองและไม่กล้าจะเข้ามาถึงตัวซือหยู
ซือหยูไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาต่อสู้กับนางมาหนึ่งครั้งที่ป่าศิลาในชั้นเจ็ด ในตอนนั้นนางอ่อนแอเสียยิ่งกว่าตัวเขาเอง เขาจึงสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เจ้าไม่ใช่จางซื่อเหลียน! เจ้าเป็นใคร?”
ซือหยูถอยทิ้งระยะห่าง เขาระวังตัวเป็นอย่างมาก นางคนนี้ให้ความรู้สึกแปลกๆ
จางซื่อเหลียนมองเขาและยิ้มเบาๆบนใบหน้าน่ารัก
“จะไม่ขอบคุณที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าก่อนสักหน่อยรึ? ตอนที่ลู่จือยี่ช่วยเจ้า เจ้ายังให้ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์กับนาง แต่ตอนที่ข้าช่วยเจ้า เจ้ากลับกลัวข้าเสียอย่างนั้น!”
อะไรนะ? จางซื่อเหลียนเห็นเรื่องตอนนั้นด้วยรึ?
ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า…แม้แต่กู้ไทซูที่อยู่ด้วยในตอนนี้ก็มิอาจรับรู้ถึงตัวตนของนางได้เหมือนกัน!
ซือหยูตกใจมาก นางมีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่?
“เจ้าเป็นใคร?”
กู้ไทซูเริ่มพูด สีหน้าของเขาหม่นหมองลงไปมมาก
จางซื่อเหลียนมองเพียงซือหยู นางไม่แม้จะเหลือบมองกู้ไทซูขณะที่ตอบ
“สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่ใช่กงการของเจ้า ไสหัวไปซะ!”
“นี่เจ้า เจ้าจะไม่เกิน…”
กู้ไทซูไม่พอใจกับคำพูดของนาง แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบก็มีชั้นพลังสีครามปรากฏบนร่าง มันคือแก้วสีคราม!
จางซื่อเหลียนไม่ได้ขยับตัวเลยตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ แค่ประสงค์ของนางก็ทำให้ทั้งร่างของกู้ไทซูเต็มไปด้วยแก้วสีคราม!
“นี่มันวิชาของฮงหลวน! เจ้าคือ…”
กู้ไทซูเบิกตากว้าง ดูเหมือนเขาเพิ่งจะได้พบเจอเหตุการณ์น่าตกตะลึง
“ถ้ารู้แล้วทำไมยังไม่หนีไปอีกเล่า?”
จางซื่อเหลียนพูดอย่างเรียบเฉย
“เห็นแก่ใต้เท้าที่เคยเอ่ยนามเจ้า ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าวันนี้ อย่าให้ข้ามีเหตุให้ต้องฆ่าเจ้าวันนี้เลย!”
“เป็นท่านจริงๆ…ฮงหลวนผู้ยิ่งใหญ่…”
ใบหน้ากู้ไทซูเต็มไปด้วยความตกใจ เขาอยากจะถามนางว่าเหตุใดนางถึงมาอยู่ในรูปลักษณ์นี้
เขายังอยากจะถามนางอีกด้วยว่านางเข้ามาในกระโจมเทพสวรรค์ได้อย่างไร แต่เขาก็ไม่กล้าจะเอ่ยออกไป
“โชคดีนักนะ”
เขาจ้องมองซือหยูอย่างดุร้ายก่อนจะบินหนีไป
“แต่ครั้งหน้าเจ้าจะไม่โชคดีแบบนี้อีกแล้ว”
ซือหยูกำหมัดแน่นขณะมองกู้ไทซูที่บินถอยไป
เขากับกู้ไทซูนั้นแตกต่างกันอย่างมาก ความอัปยศวันนี้เกิดขึ้นเพราะเขาอ่อนแอเกินไป และถ้าหากจางซื่อเหลียนไม่เข้ามายุ่ง เขาก็คงจะกลายเป็นซากศพที่ไร้ชีวิตไปแล้ว!
ซือหยูเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้และเริ่มมองสตรีตรงหน้า ฮงหลวนเป็นอสูรเนรมิตร แต่คนตรงหน้าเขาดูเหมือนจะมีพลังที่อ่อนกว่านั้น พูดตามตรง ถ้าเขาไม่ได้เพิ่งจะรู้ตัวตนของนาง เขาก็คงบอกไม่ได้ว่านางเป็นอสูรเนรมิตร!
“เจ้าแปลกใจรึ? ข้าก็แปลกใจเหมือนกันที่คนลึกลับที่ได้แก่นแท้วิญญาณไปคือเด็กผมสีเงินที่ชื่อหยินหยู”
ฮงหลวนยิ้มเบาๆ รอยยิ้มของนางดูยั่วยวนน่าหลงใหล
ฮงหลวนได้เห็นลำดับเมฆาห้าธาตุที่ซือหยูใช้ในชั้นเจ็ด แม้ซือหยูจะปิดบังใบหน้า เขาก็มิอาจซ่อนตัวตนจากเรื่องนี้ได้
ซือหยูเริ่มเหม่อลอยเมื่อนางยิ้มให้ ราวกับว่านางกำลังจับและควบคุมจิตใจของเขา
ปั้ง!
หม้อเก้ามังกรในส่วนที่ลึกสุดของจิตใจเขาสั่นสะเทือนเล็กน้อยทำให้ซือหยูได้สติ ซือหยูตกใจมากและรีบถอยก่อนจะถามอย่างเย็นชา
“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
ฮงหลวนอุทานเบาๆ
“เจ้ามีสมบัติชั้นยอดอยู่ในวิญญาณ…แล้วมันก็ยังปกป้องวิญญาณได้ในระดับสูงมาก ต่อให้ข้าไม่เข้ามายุ่ง เจ้าก็อาจจะยังไม่ตายก็ได้!”
ซือหยูตกตะลึงเมื่อได้ยินนางพูด นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพบเจอตัวตนของหม้อเก้ามังกร!
“ถึงเจ้าจะช่วยข้า แต่เจ้าก็พูดออกมาว่าไม่สนใจชีวิตของข้างั้นรึ?”
ซือหยูสีหน้าเคร่งเครียด เขาไม่เชื่อว่าฮงหลวนจะเชื่อเขาโดยไร้เหตุจำเป็น เพราะทั้งคู่ไม่ได้มีความเป็นมิตรต่อกันมาก่อน
“หึหึ เจ้ายังหัวแหลมเหมือนเดิม ข้าชอบเด็กฉลาดเสียจริงๆ”
ฮงหลวนหัวเราะคิกคัก เสียงนั้นดูน่าหลงใหลอย่างแปลกประหลาด
หม้อเก้ามังกรสั่นอีกครั้งและปล่อยของเหลวสีเลือดออกมา นั่นทำให้ซือหยูยังรักษาสติเอาไว้ได้
นี่คืออสูรเนรมิตรงั้นรึ? ความรู้สึกมากมายเอ่อล้นในใจซือหยู
หม้อเก้ามังกรจะปล่อยของเหลวสีเลือดออกมาเมื่อวิญญาณของซือหยูได้ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่แค่เสน่ห์ของนางก็ทำให้หม้อเก้ามังกรตอบสนองอย่างรุนแรงเช่นนี้ ซือหยูรู้สึกราวกับว่าวิกฤติครั้งใหญ่กำลังตามมาถึงเขา เขาอึดอัดใจมาก
“เจ้าไม่ได้เข้าใจผิดหรอก ข้าช่วยเจ้าเพราะจะยืนยันว่าที่ชางก่วนชิงเอ๋อพูดน่ะจริงหรือไม่ ข้าต้องมาดูว่าเจ้ามีร่างกายวิญญาณโบราณอย่างที่นางพูด”
จางซือหยูแตะตัวซือหยูด้วยดัชนีเดียว
ซือหยูมิอาจหลบเลี่ยงได้เลย ตัวเขาแข็งทื่อราวกับถูกกักขังไว้ด้วยพลังเทวะบางอย่าง
เขาทำไม่ได้แม้แต่จะกระพริบตาหรือขยับมือ ซือหยูกลายเป็นหุ่นเชิดอันอ่อนแอ! ฮงหลวนก้าวเบาๆมาหาและใช้ปลายดัชนีกรีดหน้าผากของซือหยู โลหิตหยดลงมาที่ปลายดัชนีของนาง
“กายวิญญาณโบราณล้วนมีสายเลือดที่ต่างจากคนธรรมดา ข้าบอกได้ง่ายๆว่าเจ้ามีกายวิญญาณหรือไม่จากเลือดของเจ้า”
นางป้ายหยดโลหิตลงบนแผ่นหยก
อักษรถูกเขียนขึ้นบนแผ่นหยกเป็นภาษาโบราณที่ซือหยูไม่เคยเห็นมาก่อน แก่นโลหิตของเขาไม่ได้หลอมรวมกับมันแม้จะผ่านไปนาน ดังนั้นจึงบอกได้ว่ามันไม่มีการตอบสนอง
“ดูเหมือนว่านางจะเข้าใจผิด เจ้าก็แค่คนธรรมดา เจ้าไม่ได้มีสายโลหิตโบราณอยู่เลย”
สีหน้านางเรียบเฉย
แต่ซือหยูเริ่มสับสนว่าทำไมชางก่วนชิงเอ๋อถึงแน่ใจนักว่าเขามีกายวิญญาณโบราณ
“นางยังขาดประสบการณ์ เลยถูกพลังแปลกๆของเจ้าหลอก”
ฮงหลวนสังเกตซือหยูครู่หนึ่งก่อนจะมองแขนขวาของเขา
“เจ้าไม่ได้มีกายวิญญาณโบราณก็จริง แต่ดูเหมือนสมบัติมิติของเจ้าที่ซ่อนอยู่ในตัวจะมีกายวิญญาณโบราณอยู่! ชายก่วนชิงเอ๋อเลยเข้าใจผิดว่าเจ้ามีกายวิญญาณโบราณ!”
ซือหยูตกใจมาก นางเจอมุกวิญญาณเก้าหยกแล้ว! ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือร่างวิญญาณโบราณที่นางกำลังมองหาอยู่ในนี้ด้วย
ฮงหลวนผู้นี้เป็นใครกันแน่? เพราะมีแค่สามคนเท่านั้นในมุกวิญญาณเก้าหยก นั่นคือหวูอู๋ยี่ หลงหวูชิง กับฉินเซี่ยนเอ๋อ ถ้าหวูอู๋ยี่มีร่างที่นางต้องการ แล้วนางที่เป็นศิษย์ในสำนักของดินแดนพรสวรรค์จะไม่ถูกเจอตัวได้อย่างไร นางจะเป็นแค่ศิษย์นอกธรรมดาๆรึ?
ส่วนหลงหวูชิง แม้นางจะมีพลังมหาศาล ร่างกายของนางก็มิได้พิเศษเลย และร่างที่นางต้องการก็ไม่ใช่เขาอีกด้วย…แต่เป็นฉินเซี่ยนเอ๋อ!
ซือหยูตกใจมาก ทำไมอสูรเนรมิตรถึงต้องมองหากายวิญญาณโบราณกัน? นางจะทำร้ายเซี่ยนเอ๋อรึ?
ซือหยูอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
“เดี๋ยวข้าก็รู้ถ้าค้นให้ลึกลงไปอีก!”
ฮงหลวนก้าวมาข้างหน้า นางแตะแขนของซือหยู
ฟึ่บ!
แต่ในตอนนั้นนางก็หยุดมองที่ป่าห่างไกล
“ซ่อนมานานเช่นนี้ สุดท้ายก็คิดจะออกมาแล้วรึ?”
สตรีที่งดงามอย่างไม่มีใครเทียบบินออกมาจากป่า ใบหน้าของนางงดงามไร้ที่ติ นางคือเซี่ยจิงหยู!
ซือหยูตกใจและเป็นกังวล เขารู้ทันทีว่าทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ และเขาถูกกักตัวเอาไว้ เขามิอาจเตือนนางได้ด้วยสายตาแต่ทำได้แค่มองนางที่บินเข้ามาอย่างสิ้นหวัง!
“น้องจิงหยู”
ฮงหลวนยิ้มอย่างอ่อนหวาน
หลังจากที่เซี่ยจิงหยูมาถึง นางมองฮงหลวนและพูดขึ้น
“ข้านี่แหละกายวิญญาณโบราณที่เจ้ามองหา!”