The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 605
ฮงหลวนตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม นางกัดฟันเรียกชั้นแก้วสีครามออกมาปกคลุมร่าง วิญญาณของนางกลายเป็นแก้วทันที
ปั้ง!
เสียงแก้วแตกดังทั่วร่างแก้ววิญญาณของนาง ร่างนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆปลิวว่อนไปทั่ว
“ก็ดี! เจ้าเป็นคนแรกที่บังคับให้ข้าต้องทำลายวิญญาณตัวเอง”
เสียงสะท้อนของฮงหลวนดังมาจากเหล่าเศษแก้ววิญญาณที่แตก มันเต็มไปด้วยความกลัว โศกเศร้า และความชิงชัง
“ข้าจะกลับไปบอกเรื่องนี้กับร่างจริงของข้า และถ้าหากร่างของข้าลงมาที่นี่ ตอนนั้นก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะทำยังไง”
นางเป็นแค่ส่วนหนึ่งของวิญญาณฮงหลวน และเพราะการแทรกแทรงของสมบัติภูติอย่างกระโจมเทพสวรรค์ ฮงหลวนตัวจริงที่อยู่ด้านนอกจึงยังไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่
แต่ถ้าหากส่วนของวิญญาณนางหนีกลับไปถึงร่างจริงได้ ฮงหลวนตัวจริงจะได้รู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับนาง แม้กระโจมเทพสวรรค์จะป้องกันไม่ให้จ้าวเทวะเข้ามาที่นี่ได้ แต่มันอาจจะป้องกันอสูรเนรมิตรไม่ได้ก็ได้ ถ้าหากอสูรเนรมิตรมาถึงที่นี่จริงๆ แม้แต่ซือหยูร่างมืดก็คงถูกทำลายล้างไปด้วย!
เศษแก้ววิญญาณนับไม่ถ้วนบินไปยังทุกทิศทาง เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะไล่ล่าหรือขัดขวางจนครบ
“มิติวิญญาณ!”
ดวงตาสีเลือดของซือหยูร่างมืดเปลี่ยนเป็นสีขาวราวหิมะ มังกรขาวถูกแทนที่ในแววตาชั่วครู่ ในระยะเวลานี้ สิ่งรอบข้างได้เปลี่ยนแปลงไปมหาศาล
ซือหยูร่างมืดอยู่ในมิติสีขาวหิมะและเศษแก้ววิญญาณที่กำลังหนีก็อยู่ในระยะของมิติแห่งนี้ มิติขาวปิดผนึกเอาไว้ เศษทุกเสี้ยวถูกขังไว้ภายใน
“มิติที่สร้างจากวิญญาณของเจ้าเรอะ? ฮึ่ย! เจ้าทำได้ยังไง? นี่เป็นวิชาเฉพาะร่างวิญญาณโบราณตระกูลวิญญาณ”
ฮงหลวนตกใจมาก
ซือหยูร่างมืดฟันมือ เศษแก้ววิญญาณทั้งหมดเข้ามารวมตัวกัน พวกมันก่อตัวเป็นวิญญาณแก้วที่เต็มไปด้วยรอยแตก ไม่เหลือแม้แต่เศษเดียวที่หลงเหลือ เศษวิญญาณทั้งหมดถูกเขาเอาไป
ซือหยูคือตัวตนเทพในมิติแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงควบคุมทุกสิ่งได้ดั่งใจนึก ความชิงชังและความโศกเศร้าประทับใบหน้าฮงหลวน มันทั้งหวาดกลัวและทุกข์ทน
“หึหึ…”
ซือหยูร่างมืดยิ้มและกัดนาง เขากลืนนางลงไป
“อ๊ากกก!”
กร้วม! กร้วม!
เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดดังก้องไปทั่วและหยุดลงขณะที่วิญญาณของอสูรเนรมิตรถูกกลืนกิน หลังจากที่เขากินส่วนของวิญญาณฮงหลวนไปแล้ว ซือหยูร่างมืดได้ยิ้มอย่างพอใจออกมา
วิบัติอัสนีทำลายล้างพุ่งลงมาเมื่อเสียงหัวเราะของเขาดังก้องนภา
ปั้ง!
เสียงระเบิดดังมาพร้อมกับสายฟ้า มิติวิญญาณที่รับสายฟ้ารุนแรงเริ่มที่จะพังทลายลง พื้นที่รอบข้างเริ่มกลับมาเป็นดังก่อน ความค่างเดียวก็คือตอนนี้มีสัตว์ตัวเล็กที่ร่างกายเต็มไปด้วยสายฟ้ากำลังแยกเขี้ยวจ้องมองซือหยู
นี่คือจิตวิญญาณสายฟ้าที่มีคุณธรรมสูงสุดในโลก กลับกันนั้น ซือหยูร่างมืดคือความชั่วร้ายสูงสุด! ดังนั้นจิตวิญญาณสายฟ้าจึงต้องการที่จะทำลายเขา!
“จิตวิญญาณวิบัติอัสนี…หึหึ!”
ซือหยูหัวเราะแบะฟันมือไปที่พื้น
ฟึ่บ!
เลือดเนื้อลอยออกมาจากพื้น มันคือซากศพของจางซื่อเหลียน!
สร้อยทมิฬลอยออกมาจากกองเลือดเนื้อของนาง ซือหยูคว้ามันไว้ด้วยมือและกดดัชนีขยี้มันจนแหลก บอลแสงมากมายลอยออกมา
นี่คือสายใยมังกรและภาพเขียนทัณฑ์ภูติสุริยา ต้นอ่อนไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ และต้นแบบสมบัติภูติ ตราสายฟ้าห้าธาตุ!
ซือหยูถือตราสายฟ้าห้าธาตุไว้แน่น
“ต้นแบบสมบัติภูตินี่…มันยังขาดวิบัติอัสนี…ซึ่งก็คือเจ้านั่นแหละ!”
พลังของตราสายฟ้าห้าธาตุจะขึ้นอยู่กับสายฟ้าที่ถูกกักเก็บภายใน เหตุที่มันมิการแสดงพลังได้เต็มที่ก็เพราะมันยังขาดวิบัติอัสนี ดังนั้นแล้วจิตวิญญาณสายฟ้าที่มีวิบัติอัสนีนี้จึงเป็นส่วนประกอบชั้นเยี่ยม!
ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณสายฟ้าจะเข้าใจคำพูดของซือหยู มันรู้แล้วว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย มันกลอกตาและรีบบินหนี เพราะร่างมันเป็นแค่ส่วนของสายฟ้า มันจึงมีระดับการเคลื่อนไหวที่บ้าคลั่งกว่าสิ่งใด มันหายลับไปในระยะแสนลี้ในพริบตาเดียว!
ซือหยูเพียงแค่ถอนหายใจแรง แสงสีเลือดล้อมรอยกาย เขายักย้ายตัวเองไปถึงตัวจิตวิญญาณสายฟ้าในพริบตาเดียว เขาหัวเราะอย่างชั่วร้ายและปล่อยหมัดเข้าใส่มัน
จิตวิญญาณสายฟ้าร้องคำรามพร้อมกับพ่นบอลสายฟ้าสีเลือดออกมาจากปาก บอลสายฟ้ามีพลังทำลายล้างที่แม้แต่จ้าวเทวะต้องกลัว แต่ซือหยูร่างมือเพียงแค่กดฝ่ามือไปบดขยี้มัน
จิตวิญญาณสายฟ้ากรีดร้องอย่างเจ็บปวด มันถูกบดขยี้แนบพื้นโดยซือหยูร่างมืด อสูรที่มีพลังไร้เทียมทานถูกทำลายเพียงไม่กี่กระบวนท่าจากจิตวิญญาณสายฟ้า แต่เมื่อเผชิญหน้ากับซือหยู จิตวิญญาณสายฟ้ามิอาจรับได้แม้กระบวนท่าเดียว!
“ดูดกลืนมันซะ!”
ซือหยูร่างมืดโยนตราสายฟ้าห้าธาตุที่ปล่อยแสงหลากสีออกมาล้อมตัวจิตวิญญาณสายฟ้า
จิตวิญญาณสายฟ้าคำรามอย่างดุร้าย สายฟ้าจากรอบข้างสั่นไหว วิบัติอัสนีอันน่ากลัวเก้าสายพุ่งลงมาจากนภา แต่ละสายนั้นมีพลังที่พร้อมจะทำลายล้างกึ่งภูติ!
แต่ซือหยูร่างมืดที่ใช้ตราสายฟ้าห้าธาตุนั้นปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน เขาปล่อยให้วิบัติอัสนีแล่นผ่านตัวเขาอย่างที่มันต้องการ และพลังของวิบัติอัสนีเหล่านั้นยังถูกตราสายฟ้าห้าธาตุดูดกลืนลงไปจดหมด
จิตวิญญาณสายฟ้าดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งเพื่อเป็นอิสระ แต่มันถูกม่านแสงหลากสีกักขังเอาไว้ ผ่านไปครู่หนึ่ง จิตวิญญาณสายฟ้าถูกดูดกลืนลงไปตราสายฟ้าห้าธาตุ
ซือหยูขมวดคิ้วขึ้นมา
“เอ๋ เจ้ายังไม่ตายอีกเรอะ?”
ตอนที่เขาดูดกลืนจิตวิญญาณสายฟ้า จู่ๆเขาก็สัมผัสได้ถึงเศษวิญญาณในร่างตัวเอง มันคือเศษวิญญาณของฮงหลวน
เศษอื่นทั้งหมดของวิญญาณนางถูกเขากักขังและทำลายไปหมดแล้ว แต่ยังมีอยู่หนึ่งเศษที่นางใช้วิธีบางอย่างรักษาเอาไว้ ในตอนนี้ ซือหยูกำลังง่วนอยู่กับต้นแบบสมบัติภูติ เขาจึงไม่มีเวลาไล่ตามเศษวิญญาณนั้นไป
แสงสีครามส่องประกาย เศษวิญญาณหนีจากกระโจมเทพสวรรค์ไปได้ จากนั้นก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความชิงชังส่งมาถึงทั้งกระโจมเทพสวรรค์
“เจ้าต้องตายอย่างไม่มีที่ให้ฝัง!”
ฟึ่บ!
เศษวิญญาณข้ามผ่านความว่างเปล่ากับคืนร่างจริง ทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นจะถูกฮงหลวนรับรู้ สิ่งที่รอคอยซือหยูอยู่ก็คือการมาของอสูรเนรมิตร!
ซือหยูร่างมืดที่มีพลังชั่วร้ายไหลเวียนทั่วร่างเพียงแค่แสยะยิ้ม
“เจ้าคิดว่าข้าจะรอให้เจ้ามาที่นี่เฉยๆรึ?”
“ดูดกลืนมัน!”
ซือหยูร่างมืดตะโกนเสียงทุ้ม เขาอัดพลังมหาศาลลงในตราสายฟ้าห้าธาตุ
จิตวิญญาณสายฟ้าร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว แต่มันก็ยังคงถูกดูดกลืนลงไป มีรอยสลักของสัตว์อสูรปรากฏลงที่ใต้ตราสายฟ้าห้าธาตุ มันนูนขึ้นมาเล็กน้อย มันคือรูปลักษณ์ของจิตวิญญาณสายฟ้า!
แต่รอยจิตวิญญาณสายฟ้ายังคงสั่นไม่หยุด มันยังไม่เสถียรดี จิตวิญญาณสายฟ้าที่อยู่ในตราสายฟ้าห้าธาตุกำลังดิ้นรนพยายามที่จะเป็นอิสระ
“หึหึ เจ้ายังคิดจะหนีอีกรึ? ยอมโดนขังไปนั่นแหละดีแล้ว!”
ซือหยูร่างมืดตบตราสายฟ้าห้าธาตุ พลังอันชั่วร้ายอัดลงไปในนั้น
จิตวิญญาณสายฟ้าที่ดิ้นรนหยุดการขัดขืนไปราวกับได้รับคำเตือน ตราสายฟ้าห้าธาตุนั้นคือของแสลงจากปีศาจและสมบัติอสูรทั้งมวล แต่มันก็ยังคงถูกสยบไว้ด้วยพลังชั่วร้ายของซือหยู
“ตอนที่พลังมืดนี้สยบมันไม่ได้อีก จิตวิญญาณสายฟ้าก็จะถูกชำระเป็นส่วนหนึ่งของตราอย่างสมบูรณ์ พอถึงต้นนั้น ตราสายฟ้าห้าธาตุจะกลายเป็นต้นแบบสมบัติภูติของจริง แต่ต้นแบบอย่างนั้นก็คงจะสูญเปล่าถ้าให้ร่างแบบนี้ถือครอง!”
น่าตกใจที่คนที่พูดอยู่ ณ ตอนนี้เป็นใครสักคนที่ไม่ใช่ซือหยู…