The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 635
ทุกคนที่นี่ท่าทางแปลกๆเมื่อเห็นซือหยูอุ้มเซี่ยจิงหยู ดูเหมือนว่าซือหยูจะมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจ้าวยี่หยูแห่งอาณาจักรทมิฬ
ซือหยูหนักใจเมื่อมองเซี่ยจิงหยูที่หลับใหลอยู่ในอ้อมกอด เขามองนางด้วยความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้น ฉินเซี่ยนเอ๋อ…เซี่ยจิงหยู…ซือหยูใจลอยเมื่อคิดถึงทั้งสองคน
เขาส่ายหน้าเพื่อสะบัดเอาความรู้สึกต่างๆออกไป จากนั้นจึงนำคนที่เหลือกลับพันธมิตร
ในเรือรบ
คนในเรือรบมองความเคลื่อนไหวของศัตรูอย่างเป็นกังวลอยู่ด้านนอก พวกเขาตรวจดูแต่ละมุมของกลางเรือส่วนหน้าอย่างละเอียด
เมื่อเวลาพ้นผ่าน สีหน้าของเสี่ยวซุยดูหนักใจขึ้นกว่าเดิม เขากับอีกสี่คนที่เข้ากระโจมน้อยด้วยกันดูหมดหวัง ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังคาดหวังให้บริเวณกลางส่วนหน้าเกิดเรื่องขึ้น
ในตอนนั้น สีหน้าของกึ่งภูติคนหนึ่งหม่นหมอง ดูเหมือนเขาจะพบอะไรแล้ว เขาออกจากกลุ่มทหารที่ตรวจดูเรือรบและบินกลับไปหาเด็กหนุ่มผมสีม่วง
“นายท่าน มีที่หนึ่งตรงส่วนหน้าเรือรบที่เปราะบางมาก มันเปราะเป็นรงแค่กลางเรือด้านในเท่านั้น”
ทหารคนนั้นรีบมารายงานเพราะอยากจะได้ความดีความชอบ
เมื่อชายหนุ่มผมม่วงได้ยินรายงาน เขายิ้มอย่างมีเลศนัย
“ถ้างั้นไอ้ขยะฟู่กังซานก็ไม่ได้พูดผิด! มีไอ้ผู้เฒ่าหน้าโง่ในพันธมิตรผู้คุมสวรค์กล้ารื้อส่วนของเรือรบเพื่อวัตถุดิบ! ต่อให้พวกมันหนีทัณฑ์สวรรค์ไปได้ มันก็หนีจากข้าไม่ได้!”
ชายผมม่วงหัวเราะอย่างเยือกเย็นด้วยสีหน้าดุร้าย
“เริ่มโจมตีพวกมันอีกครั้ง เป้าของเราคือกลางเรือส่วนหน้า”
กึ่งภูติเจ็ดสิบคนเข้ามารวมตัวกันหน้าวงแหวนเมื่อเขาสั่งการ ทั้งเจ็ดสิบคนปรับตำแหน่งวงแหวนไปยังส่วนหน้า เด็กหนุ่มผมม่วงยังเข้าร่วมกลุ่มเพื่อรวมพลังอีกด้วย
“ท่านเจ้าพันธมิตร ข้าไม่สบายใจเลย พวกมันย้ายเป้าโจมตี ผู้นำที่มีพลังขอบเขตภูติก็มาร่วมวงด้วย ดูเหมือนว่ามันจะมั่นใจมาก”
ผู้เฒ่าเฉินสีหน้าหม่นหมองและอึดอัดใจ…
เกิดอะไรขึ้น? พวกมันเจออะไรที่เรือส่วนหน้า?
หลงจื้อชิงลำบากใจมาก
“พวกท่านเตรียมพร้อมสู้ สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนได้ตลอดเวลา”
สีหน้าของเสี่ยวซุยกับอีกสี่คนค่อนข้างซีด เหงื่อหยดมาจากหน้าผากของพวกเขา
ปั้ง!
เสียงสั่นสะเทือนดังก้องเมื่อลำแสงพุ่งออกมาจากวงแหวนของศัตรู พลังของลำแสงนี้แข็งแกร่งกว่าครั้งที่แล้วเป็นสองเท่าก็เพราะมีคนในขอบเขตภูติมาร่วมมือด้วย
พลังทำลายล้างอันน่ากลัวระเบิดม่านแสงสี่สีทันที…
แกร๊ก!
ลำแสงพุ่งเข้าใส่ม่านแสงป้องกันจนแตกร้าว ดูเหมือนว่ามันจะถูกทำลายในอีกไม่นาน!
“แย่แล้ว! ม่านแสงกำลังจะพัง!”
หลงจื้อชิงตะโกน
“ทุกคน เตรียมพร้อมป้องกัน!”
แม้ว่าะพวกเขาจะตกใจ พวกเขาก็มิได้แตกตื่น เพราะแม้ว่าม่านแสงจะถูกทำลาย พวกเขาก็ยังมีความแข็งแรงของเรือรบมาปกป้องอีกชั้นหนึ่ง ที่กลางเรือรบนั้นเป็นหนึ่งในจุดที่แข็งแรงที่สุด ดังนั้นมันจึงมิอาจถูกโจมตีจนทะลุมาได้
ปั้ง!
เสียงระเบิดดังก้อง ม่านแสงสี่สีจากลำดับห้าธาตุแตกเป็นแนวยาว ลำแสงพุ่งทะลวงผ่านมาถึงตัวเรือรบ
ปั้ง
เสียงระเบิดดังอีกครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตกตะลึง มีช่องว่างขนาดใหญ่เปิดจากส่วนที่แข็งแรงที่สุดในส่วนหน้า มันถูกทะลุผ่านอย่างง่ายดายราวกับเศษกระดาษ!
ลำแสงทะลวงผ่านมาถึงเรือรบทั้งลำ มันเผาทุกอย่างที่แล่นผ่านเป็นเถ้าถ่าน ห้องพัก จุดบ่มเพาะพลัง และเหล่าผู้คนที่หลบไม่ทันกลายเป็นฝุ่นผงในพริบตา
หลายคนที่ตายไปคือหนุ่มสาวผู้มีพรสวรรค์ที่ควรจะถูกพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ปกป้อง แต่พวกเขาก็ตายไปอย่างน่าเศร้า
พลังของลำแสงมิได้ทำลายแค่ส่วนหน้าของเรือ แต่มันยังทะลวงผ่านตัวเรือไปหลายลี้ เสียงระเบิดดังไม่หยุดตามพลังของลำแสง
ผู้คนบนเรือหัวหมุนไปหมด มีหลายห้องในเรือรบและสิ่งปลูกสร้างที่เสียหายหนัก เสียงแตกหักกับเสียงสิ่งปลูกสร้างพังทลายดังไม่หยุด นี่คือความสูญเสียที่แท้จริง!
ปั้ง!
เรือรบสั่นไปทั้งลำ เรือรบที่ลอยอยู่บนท้องนภามากว่าหมื่นปีได้ร่อนลงไปยังผืนดิน เรือรบที่ตกสู่พื้นทำให้เกิดฝุ่นควันดั่งเมฆาปกคลุมไปทั่วร้อยลี้
มีเสียงกรีดร้องดังมาจากในเรือ เสียงผู้คนร่ำไห้จากการเสียญาติพี่น้องและสหายดังออกมา
แม้ว่าจะมีแค่ไม่กี่สิบคนที่ตายจากลำแสง แต่ความสูญเสียที่เกิดจากเรือตกพื้นนั้นพุ่งสูงไปถึงพันคน เสียงกรีดร้องมากมายดังมาจากภายในเรือ ราวกับวันสิ้นโลกได้มาถึง สีหน้าของหลงจื้อชิงและคนอื่นๆซีดเผือด
“พันธมิตรผู้คุมสวรรรค์จบแล้ว! พวกเราล่มสลายแล้ว!”
ผู้เฒ่าเฉินตัวสั่นอย่างรู้สึกผิด เขามองในเรือที่ล่มสลายกลายเป็นซาก
หลงจื้อชิงตะโกนร้องอย่างไม่เชื่อสายตา
“เป็นไปไม่ได้! เรือรบจะถูกพลังนั่นทะลุมาได้ยังไง”
เขาไม่รู้เลยว่าทำไมการรวมพลังของศัตรูถึงทะลุส่วนที่แข็งแรงที่สุดของเรือมาได้
สีหน้าของเสี่ยวซุยกับพรรคพวกของเขาซีดเผือด เสี่ยวซุยไม่คิดเลยว่าการรื้อวัตถุดิบเล็กน้อยออกมาจากเรือรบจะทำให้พันธมิตรผู้คุมสวรรค์เสียหายมากขนาดนี้
หลังจากที่หลงจื้อชิงได้สติ เขาตะโกนออกมาทันที
“เร็วเข้า ไปที่กลางส่วนหน้า หวังว่าพวกเราจะไปทัน”
ทุกคนสีหน้าหม่นหมอง พวกเขารู้ว่ามันสายไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีหวังอยู่บ้าง พวกเขาตอบรับเสียงเรียกจากหลงจื้อชิงและบินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้เฒ่าเสี่ยวซุย เราจะทำยังไงกันดี?”
ผู้เฒ่าจมูกโตใจหายถึงที่สุด เขาอยากจะถลกหนังเสี่ยวซุยออกมาทั้งเป็น
เสี่ยวซุยพูดว่าเขารื้อเรือออกมาแค่ส่วนน้อยหลายต่อหลายครั้ง แต่จากพลังป้องกันที่ป้องกันอะไรไม่ได้นั้น…บอกได้เลยว่าไอ้โง่เสี่ยวซุยแทบจะรื้อมันออกมาทั้งหมด!
ในตอนนั้น เสี่ยวซุยกับผู้เฒ่าอีกสี่คนล้วนเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป บอกได้เลยว่าการถูกทำลายของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์นั้นเป็นความผิดของพวกเขาทั้งหมด!
ถ้าหากทั้งสี่คนเตือนทุกคนล่วงหน้า พวกเขาก็คงจะร่วมมือกันซ่อมจุดอ่อนได้ทัน พวกเขาก็คงไม่ต้องลงเอยด้วยการสูญเสีย และเรือรบก็คงจะยังลอยอยู่เบื้องบน พวกเขาคือผู้ร้ายตัวจริง เป็นคนบาปที่ต้องรับผิดไปชั่วกัปชั่วกัลป์เพียงเพราะพวกเขาอยากจะเสพสุข
เสี่ยวซุยหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลังเมื่อมองสายตาเย็นชาจากผู้เฒ่าทั้งสรา เขาตื่นตกใจและหวาดกลัวยิ่งกว่าใคร เพราะเขารู้ดีว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้เกิดจากเขา
“พวกเจ้าทำหน้าแบบนั้นไปทำไม? เราไม่ได้ทำอะไรผิด ทั้งหมดเป็นเพราะหลงจื้อชิงที่ไม่มีพลังและขวางศัตรูไม่ได้ แล้วก็เป็นเพราะสมบัติที่ซือหยูทิ้งเอาไว้มันอ่อนแอ ต่อให้ข้าไม่ได้รื้อเรือออกมา มันก็ถูกศัตรูทำลายไม่ช้าก็เร็ว พวกเจ้าจะมองข้าแบบนั้นไปทำไมกัน?”
เสี่ยวซุดพูดอย่างมั่นใจ
ผู้เฒ่าทั้งสี่ตัวสั่นเมื่อได้ยินเสี่ยวซุย พวกเขาไม่เชื่อว่าเสี่ยวซุยจะกล้าพูดออกมาแบบนั้น!
“ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น! ถ้าพวกเจ้าหรือข้าไม่สารภาพ พวกนั้นจะรู้ความจริงได้ยังไง? อย่างแย่ที่สุดคือพวกเราแค่ต้องหนีออกจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เราทุ่มเทมามากพอแล้วกับที่นี่ เราไม่ต้องตายไปกันมันหรอก!”
ผู้เฒ่าอีกสี่คนตกใจ หนึ่งในนั้นถาม
“เจ้าจะบอกว่าเราควรเลี่ยงความผิดและใช้โอกาสนี้หนีออกจากเรือรบรึ?”
ทั้งสี่เหลือบมองกันและเริ่มตัดสินใจ เพราะพวกเขาได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ร้ายของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ไปแล้ว ไม่ว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้หรือไม่ พวกเขาก็จะถูกสังหารอยู่ดี นับว่ามีเหตุผลที่พวกเขาจะหนีไป
เสี่ยวซุยพยักหน้า
“ตอนนี้ตามพวกนั้นไปแล้วหาโอกาสหนีตอนจังหวะชุลมุน ไม่งั้นหลงจื้อชิงก็คงจะรู้เรื่องและลงโทษพวกเรา”
หลังจากที่ทั้งสี่คิดแบบเดียวกัน พวกเขาก็เห็นด้วยกับทางออกเดียวเช่นนี้ ทั้งห้าที่ห้ารือกันเสร็จสิ้นรีบบินตามหลงจื้อชิง
หลงจื้อชิงใจหายกว่าเดิมเมื่อได้เห็นซากตรงหน้า ทุกมุมเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างที่ถูกทำลาย ทั้งยังมีร่างไร้วิญญาณของเด็กผู้มีพรสวรรค์ แม้แต่ภายในของเรือรบก็แหลกสลายไม่มีชิ้นดี
จิตใจเหล่าผู้เฒ่าที่ตามหลังมาหนักอึ้ง มีอยู่หลายคนที่คุ้นเคยกับเหล่าผู้เฒ่า เมื่อครู่พวกเขายังพูดคุยกันอยู่เลย แต่ในตอนนี้พวกเขาได้ถูกแยกจากกันด้วยความตาย
ในความหม่นหมอง พวกเขามาถึงจุดที่ถูกการโจมตีทะลุเข้ามา ที่นี่ว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง ไม่มีแม้แต่ซาก ทุกอย่างหายไปเหลือแต่ความว่างเปล่า
มันเป็นช่องว่างขนาดใหญ่จากการทำลายที่พวกเขาไม่อยากมอง พลังทำลายล้างยังคงปะทุออกมาจากจุดที่เสียหาย เพียงแค่ซากที่เหลือก็ทำให้พวกเขารู้ว่าพลังที่ซัดเข้ามาน่ากลัวแค่ไหน แต่ก็โชคดีที่แม้จะมีทางเปิดเช่นนี้ในเรือ ศัตรูก็ยังไม่เริ่มบุกเข้ามาจนถึงตอนนี้ ไม่มีเงาศัตรูสักคนที่เข้ามาเลย!
ความหวังเริ่มเอ่อล้นออกมาในหัวใจที่สิ้นหวังของหลงจื้อชิง
“รีบปิดทางเข้าด้วยพลังของพวกเจ้า เอาวัตถุดิบจากห้องเก็บของมาซ่อมเรือ! มาหวังให้พวกเราทำทันเวลาเถอะ”
ความหวังเริ่มปะทุในใจของเหล่าผู้เฒ่า พวกเขารีบเรียกพลังมาปิดทางเข้า
“พวกเรายังไม่แพ้”
ผู้เฒ่าเฉินค่อนข้างแปลกใจที่ศัตรูไม่ใช้โอกาสนี้บุกเข้ามา
เหล่าผู้เฒ่ายินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขารีบเรียกพลังวิญญาณออกมา ไม่นานช่องว่างก็ถูกปิดด้วยพลังมหาศาล มันกลายเป็นชั้นเกราะที่ยากที่กึ่งภูติจะทะลวงมาได้
“ท่านเจ้าพันธมิตร ดูเหมือนศัตรูจะกลัวอะไรบางอย่างถึงไม่ได้บุกเข้ามา เราถึงมีโอกาสแบบนี้”
ดีหน้าของผู้เฒ่าเฉินมีสีสันมากขึ้น
แต่หลงจื้อชิงก็ไม่ได้คลายใจในตอนนี้
“อืม ศัตรูอาจจะมองข้าม แต่เราจะเบาใจไม่ได้ ผู้เฒ่าเฉิน ท่านเอาตราของข้าไป ไปที่ห้องเก็บของแล้วเอาวัตถุดิบผนึกเรือรบมา เราต้องทำให้ทันการ”
ผู้เฒ่าเฉินไม่มีเวลาให้เสียอีกแล้ว เขาหยิบเอาตราและรีบบินไปยังชั้นที่สูงกว่าบนเรือ ซือหยูมาถึงในตอนนั้นเช่นกัน
ลั่วซวงสีหน้าหม่นหมอง
“ถ้าข้าจำไม่ผิด แผ่นดินไหวนี้มาจากทิศของเรือรบ เกิดอะไรขึ้นกับพันธมิตรผู้คุมสวรรค์กันแน่?”
ซือหยูส่ายหน้า
“มันน่าจะไม่ได้มาจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ พวกนั้นมีสมบัติที่ข้าทิ้งเอาไว้ แล้วเรือรบนั่นก็แข็งแรงมาก พวกเขาคงจะปลอดภัยดี แต่ยังไงเราก็ต้องรีบไปดูเดี๋ยวนี้”
หลังจากผ่านไปไม่กี่อึดใจ ซือหยูมาถึงยอดเขาที่ห่างจากเรือรบยี่สิบลี้ เขาตัวแข็งทื่อ
“เรือรบถูกทำลายงั้นเรอะ?”
ลั่วซวงเบิกตากว้าง นัยน์ตาเล็กเท่ากับเข็ม
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือเรือรบลำยักษ์! เรือรบนิ่งอยู่บนพื้น มีช่องว่างขนาดใหญ่จากด้านข้าง กลุ่มของซือหยูตกตะลึงอย่างมาก
“ใครกัน? ใครที่มีพลังมากพอทำได้อย่างนี้?”
เจ้าตำหนักฉีกับอาจารย์หลินไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น พวกเขาอยู่ในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มานานและรู้ว่าเรือรบแข็งแรงเพียงใด แต่มันก็ถูกระเบิดออกจนได้!
ลั่วซวงชักสีหน้า
“นี่ไม่ใช่พลังของคนคนเดียว มันจะต้องเป็นวิชารวมพลังแน่”
เขาชี้ไปยังวงแหวนที่ลอยอยู่ในที่ห่างไกล เขาเคยเห็นวงแหวนที่คล้ายๆกันในสนามรบ มันคือการรวมพลังของศัตรูที่ทำลายได้ทุกสิ่ง แต่ตอนนี้มีแค่ยี่สิบคนที่อยู่รอบวงแหวน…
ซือหยูมองรอบๆด้วยเนตรวิญญาณ เขามองในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์และชักสีหน้า
“แย่แล้ว พวกนั้นบุกเข้าไปแล้ว! แต่หลงจื้อชิงกับคนอื่นๆยังไม่รู้ตัว! เราต้องรีบไปหาพวกเขา! หวังว่าพวกเราจะทันนะ”