The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 641
แปดศักดิ์สิทธิ์ใจเต้นแรงเมื่อมองตามสายตาของซือหยู
“กล่องหยกนี้เรียกว่ากล่องอสูร ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน พวกเรารู้แค่เพียงว่ามันมาจากอุกกาบาตที่ตกในเขตกลาง”
เขาหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดต่อ
“ตอนที่คนเจออุกกาบาตก็พบกล่องทั้งห้าอยู่ภายใน มีประตูชีวาล่องอยู่ในกล่องด้วย มีอยู่สี่กล่องที่จักรพรรดิจิวโจวปิดผนึกเอาไว้ เขาส่งกล่องสุดท้ายให้กลับราชาเขตกลางในตอนนี้ตรวจสอบที่มา แต่พอราชารู้ความลับของกล่องอสูร เขาก็อัญเชิญอสูรออกมาทำร้ายจักรพรรดิจิวโจวจนบาดเจ็บสาหัส”
เขามองซือหยูและพูดเสริม
“พวกข้ามาที่นี่ภายใต้คำสั่งของราชาเขตกลาง เรามาเพื่อเก็บกล่องอสูรอีกสี่กล่องที่เหลือ กล่องหยกในมือราชาโลกดับสูญคือหนึ่งในสี่กล่องนั้น เราถึงต้องจู่โจมพันธมิตรผู้คุมสวรรค์”
ขนอสูรที่ซือหยูพบในกระโจมเทพสวรรค์เป็นแค่เศษเสี้ยวพลังของอสูรจริงๆ แต่แค่เส้นขนก็มีพลังระดับนั้น ถ้าอสูรตัวจริงมาเองจะน่ากลัวเพียงใดกัน?
“จะอัญเชิญอสูรมาได้อย่างไรรึ?”
ซือหยูเริ่มสนใจ ถ้าเขารู้ความลับของประตูชีวาล่อง เขาก็อาจจะกลายเป็นคนที่ไร้เทียมทาน!
แต่เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ซือหยูหวัง แปดศักดิ์สิทธิ์หัวเราะอย่างขมขื่น
“มีแค่ราชาเขตกลางเท่านั้นที่รู้ความลับ เป็นไปไม่ได้ที่พวกข้าจะรู้”
ซือหยูผิดหวัง เขาขมวดคิ้วและพยักหน้า เขามองกล่องหยกในมือราชาโลกดับสูญ
“ใต้เท้า ข้าบอกทุกสิ่งที่ข้ารู้แล้ว ท่านจะกรุณาปล่อยข้าไปได้หรือไม่?”
แปดศักดิ์สิทธิ์ถามด้วยความกังวล
ซือหยูพยักหน้า เขาไม่คิดอะไรมากนัก
“อืม ข้ายินดีจะไว้ชีวิตเจ้า แต่เจ้ารู้มากเกินไปแล้ว ข้าจะปล่อยเจ้ากลับไปไม่ได้! นับแต่นี้ไป เจ้าจะต้องรับใช้พันธมิตรผู้คุมสวรรค์และปกป้องทวีปเฉินหลง”
เปรี๊ยะ!
ผนึกที่สร้างจากสายฟ้าและวิญญาณปรากฏในฝ่ามือของซือหยู แปดศักดิ์สิทธิ์หัวเราะเยาะตัวเอง เขาคิดไว้แล้วว่าเรื่องจะต้องออกมาเป็นแบบนี้ เขาปลดปล่อยวิญญาณตัวเองออกมาเพื่อรับผนึก
เมื่อดวงใจอัสนีเข้าสู่ร่าง เขาก็ได้รู้ว่ามันน่ากลัวเพียงใด พลังวิญญาณใกล้ชิดกับซือหยูอย่างมาก เพียงแค่เขาคิดก็จะทำให้สายฟ้าระเบิดและทำลายวิญญาณของเขา!
“นายท่าน ข้าน้อยวู่เหิงขอแนะนำตัวอีกครั้ง”
แปดศักดิ์สิทธิ์คุกเข่าลงหนึ่งข้าง
“เรียกข้าว่านายน้อยก็พอแล้ว มันสะดวกกับข้ามากกว่า”
คงจะเป็นปัญหากับเขาถ้าหากมีคนที่เป็นภูติเรียกเขาว่าเจ้านาย
ซือหยูพยักหน้า
“เอาล่ะ ตามข้ามา ข้าจะไปจัดการเรื่องของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์”
เขาแตะพื้นด้วยปลายเท้า ทั้งสองคว้าตัวราชาโลกดับสูญและบินออกไปดั่งวิหค พวกเขาก้มลงเห็นเรือรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ที่กลายเป็นวารีประหลาด มันกลายเป็นบึงบ่อใหญ่
และสิ่งต่างๆที่อยู่ในเรือรบได้จมลงสู่ก้นบึง พวกเขาได้แต่ถอนหายใจเมื่อมองเรือรบอันยิ่งใหญ่ที่อยู่มาหมื่นปีได้กลายเป็นเพียงแอ่งน้ำ
มีมากกว่าหมื่นคนที่รอดจากการทำลายและหนีออกมาจากเรือรบได้ พวกเขาหน้าซีด ทุกคนยืนนิ่งด้วยความสับสน เขามองพื้นที่รกร้างรอบตัว
บางคนร่ำไห้กับการจากไปของญาติสนิทมิตรสหาย บางคนเสียใจที่เสียบ้าน บ้างก็จ้องมองความว่างเปล่าด้วยสายตาว่างเปล่าเพราะไม่มีหวังต่อไปอีกแล้วในอนาคต
แต่แม้ว่าเรือรบจะถูกทำลาย หลงจื้อชิงก็ยังคงมีอำนาจ เขารวบรวมทุกคนเข้าด้วยกัน
“ผู้อาวุโสซือ”
หลงจื้อชิงเดินมาหาซือหยูด้วยความนับถือ
ซือหยูใจหายเบาๆ
“มีคนตายไปกี่คน?”
หลงจื้อชิงตอบอย่างเศร้าหมอง
“เราเสียคนไปหลายร้อย และเมื่อเรือถูกทำลาย ทุกอย่างในเรือก็ถูกทำลายตามไปด้วยยกเว้นของที่อยู่ในเสื้อผ้าของผู้คนที่พกเอามา ทุกอย่างจมอยู่ในบึง ผู้เฒ่าเฉินกำลังนำกลุ่มพยายามกู้ของบางอย่างขึ้นมา
“เราซ่อมเรือรบกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้รึ?”
ซือหยูมองวัตถุดิบที่กลายเป็นวารีในบึง
หลงจื้อชิงส่ายหน้า
“วัตถุดิบหลักของเรือรบคือวารีเก้าสวรรค์ ก่อนที่ถูกสร้างมันจะเป็นวารี เมื่อผ่านขั้นตอนการสร้างจึงจะกลายเป็นของแข็งได้ แต่มันใช้ตีได้ครั้งเดียว ถ้ากลายเป็นวารีอีกครั้งก็จะใช้การไม่ได้อีกแล้ว”
เขาพูดและมองบึงวารีที่เริ่มกลายเป็นวุ้นและกำลังจะแข็งตัว ผู้เฒ่าเฉินกับคนอื่นๆที่ค้นหาของในบึงรีบหนีขึ้นมาอย่างแตกตื่น
กึก!
ไม่นาน บึงวารีใหญ่ก็ได้กลายเป็นศิลาสีเทาก้อนยักษ์
ใบหน้าของผู้เฒ่าเฉินกับผู้เฒ่าคนอื่นๆเต็มไปด้วยความเศร้า พวกเขาเสียดายกับของที่เหลืออยู่ภายใน
“ท่านเจ้าพันธมิตร เราเอาออกมาได้แค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น”
ผู้เฒ่าเฉินกล่าว
ผู้เฒฒ่าอีกสิบห้าคนหยิบเอาขวดได้ราวสิบขวด มีวิธีบ่มเพาะที่ล้ำค่าอยู่บ้าง และยังมีอาวุธเทพ สิ่งของเหล่านี้ค้ำจุนคนนับหมื่นไม่ได้แม้เพียงครึ่งวัน
“เราเหลืออยู่เท่านี้จริงๆรึ?”
หลงจื้อชิงปากสั่น แววตาของเขาว่างเปล่า
“ท่านเจ้าพันธมิตรโปรดชี้นำพวกเราเถิด”
ผู้เฒ่าเฉินกล่าว เขาต้องการทิศทาง คนนับหมื่นคงไม่รอดถ้าขาดระบบการสนับสนุนที่พึ่งพาได้
หลงจื้อชิงหัวเราะเยาะตัวเอง เขารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยยิ่งนัก เพราะพวกเขาไม่เหลืออะไรเลย พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งบ้าน ที่แย่ที่สุดก็คือพวกเขาไม่มีหวังที่จะซ่อมเรือรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์อีกครั้ง
เสี่ยวซุยกับผู้เฒ่าอีกสี่คนแอบเหลือบมองกัน เสี่ยวซุยเริ่มพูดด้วยความปวดร้าว
“ท่านเจ้าพันธมิตร ท่านมิใช่คนเดียวที่ทำให้เราถูกทำลาย ท่านทำดีที่สุดแล้ว อย่าโทษตัวเองเลย”
แต่เมื่อเกริ่นนำเล็กน้อยเสร็จ เขาก็พูดต่อ
“แต่เรายังคงอยู่ในอันตราย เราจะต้องรีบหนีไปจากที่นี่ แต่ละคนจะต้องไปตามเส้นทางของตัวเอง ชะตาก็ขึ้นอยู่กับที่ถูกลิขิตเอาไว้”
เหล่าผู้คนที่อึดอัดเริ่มกังวลเมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวซุย พวกเขาเริ่มลิ้นชา ดูเหมือนว่าอีกไม่นานทุกอย่างจะจบลงแล้ว นี่คือการสลายตัว หมายความว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะจบลงในอีกไม่นาน!
“หุบปาก!”
ผู้เฒ่าเฉินตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
เขามิอาจเชื่อว่าในช่วงเวลาเลวร้ายเช่นนี้ มิเพียงเสี่ยวซุยจะไม่ปลอบผู้คน เขายังพูดนำให้ผู้คนสลายตัวออกไป! ช่างน่าชิงชังนัก
เสี่ยวซุยสีหน้าเย็นชา เขาตะโกนกลับ
“ผู้เฒ่าเฉิน ท่านควรจะมองความจริงให้มั่นเหมาะ! เป็นเพราะพวกท่านที่ไม่ทำให้ดีที่สุดจนเรือรบต้องทำลายตัวเอง ความจริงก็คือพวกเราทุกคนควรจะไปหาที่ตั้งตัวเดี๋ยวนี้แทนที่จะอยู่โดยไม่มีอะไรให้พึ่งพิง!”
ผู้เฒ่เฉินโมโหยิ่งกว่าเดิม
“เดี๋ยว เจ้าจะบอกว่าที่เรือทำลายตัวเองเป็นเพราะพวกข้าอย่างนั้นเรอะ?”
เสี่ยวซุยยิ้มเยาะ
“แล้วมันไม่ใช่เรอะ? หรือข้าต้องบอกว่าคนไหนที่ทำให้แก่นกฎสวรรค์ถูกทำลาย?”
คำพูดของเสี่ยวซุยทำให้ผู้เฒ่าเฉินพูดไม่ออกแม้ว่าจะโกรธแค้นเพียงใด!
“เจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วรึ? เช่นนั้นก็หุบปาก!”
เสียวซุยยิ้มมุมปาก เขาหันไปมองหลงจื้อชิง
“ท่านเจ้าพันธมิตร โปรดสั่งการกับทุกคน นี่เป็นการทำเพื่อทุกคนอยู่แล้ว”
หลงจื้อชิงใจสั่น เขาต้องยอมรับว่าที่เสี่ยวซุยพูดนั้นมีเหตุผล พวกเขามิอาจปกป้องคนหมื่นคนนี้ได้เพราะไร้ซึ่งเรือรบที่ไร้เทียมทาน และพวกเขาก็ไม่มีทรัพยากรมากพอที่จะแจกจ่ายให้กับคนจำนวนมากเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจำเป็นที่จะต้องแยกจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์…
“นี่เป็นการทำเพื่อทุกคน หรือเป็นแค่เพื่อเจ้ากันแน่?”
ในตอนนั้น เสียงดังเยือกเย็นดังมาจากด้านหลังหลงจื้อชิง
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น แปดศักดิ์สิทธิ์หายลับไป เขาพุ่งไปค้นตัวเสี่ยวซุยและพบสมบัติมากมาย ในนั้นมีโอสถล้ำค่าอยู่สิบขวด มีวิชาระดับอำมฤตมากมาย เขายังมีวัตถุดิบสร้างสมบัติเทพอีกด้วย!
“หึหึ ถึงจะอยู่ในยามยาก เจ้าก็ยังคิดถึงความมั่งคั่งของตัวเอง…”
แม้แต่วู่เหิงเองก็มองเสี่ยวซุยอย่างขยะแขยง เขาหัวเราะเยาะเสี่ยวซุย
ผู้เฒ่าเฉินโกรธแค้นถึงขีดสุดเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
“เสี่ยวซุย เจ้ากล้าดียังไงฉวยโอกาสขโมยของของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มาเป็นของตัวเอง?”
หลงจื้อชิงบินมาดูด้วยความโกรธเช่นกัน เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเสี่ยวซุยจะเป็นคนเลวทรามเช่นนี้! คนทั้งหมื่นคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์กู่ร้องและบินขึ้นเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้น
เหตุที่เสี่ยวซุยบอกให้สลายพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ก็เพราะว่าเขาอยากจะหนีไปพร้อมกับของล้ำค่า! การกระทำของเขาทำให้ทุกคนโกรธแค้น…
“ไอ้คนแบบนี้มาเป็นผู้เฒ่าได้ยังไง”
“ข้าเข้าใจผิดว่าผู้เฒ่าเสี่ยวซุยมีคุณธรรม แต่มันก็แค่คนทราม!”
…
หลายเสียงก่นด่าแซ่ซ้อง ผู้คนพากันสาปแช่งเสี่ยวซุย เสี่ยวซุยพบว่าเขาราวกับอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางผู้คนที่หมดหวังกับเขา
เสี่ยวซุยก้มหน้า เขาไม่รู้ว่าทำไมซือหยูถึงรู้ว่าเขาขโมยของ เพราะเขาเก็บทุกอย่างไว้อย่างดี! เขาไม่รู้เลยว่าซือหยูที่ตาบอดที่ดูจะมองอะไรไม่เห็นนั้นมีเนตรวิญญาณที่มองทะลวงได้ทุกสิ่ง!
หลงจื้อชิงโกรธถึงขีดสุด
“เจ้าไม่คู่ควรจะได้เป็นผู้เฒ่า จากนี้ไป ข้าขอประกาศปลดเจ้าออกจากการเป็นผู้เฒ่า! ไสหัวไปซะ พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ไม่ต้องการคนเช่นเจ้า!”
ใบหน้าของเสี่ยวซุยบิดเบี้ยว เขาทุ่มเทอย่างมากต่อพันธมิตรผู้คุมสวรรค์แม้จะไม่ได้ผลประโยชน์มากนัก แต่ตอนนี้เขากลับถูกเนรเทศเพียงเพราะขโมยของไม่กี่อย่าง! ช่างอัปยศยิ่งนัก
“ก็ได้ ข้าจะไป”
เสี่ยวซุยหันหลังเตรียมจะบิน
เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเขาจะออกจากที่นี่ในท้ายสุด แต่เขาไม่คิดว่าเขาจะต้องเสียทั้งสมบัติและชื่อเสียง! เรื่องนี้ราวกับเป็นการสาดเกลือใส่แผลสดของคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์!
แต่ก่อนที่เขาจะบิน ซือหยูพูดอีกครั้ง
“นี่มันอะไร? ให้ข้าดูก่อน”
ซือหยูขมวดคิ้วและมองดูม้วนคัมภีร์ที่อยู่ในบรรดาสิ่งของที่วู่เหิงหยิบเอามา
วู่เหิงตกใจเมื่อก้มลงมอง เขามองภาพเขียนในม้วนอย่างแปลกใจ
“นี่มันม้วนภาพมิติมิใช่รึ? ถึงจะสร้างมาไม่ดีนัก วัตถุดิบก็ดูพิเศษ…”
เสียงของเขาหายไป เขายื่นม้วนภาพให้ซือหยู
ซือหยูรับมาดูด้วยความสับสน
“ท่านเจ้าพันธมิตรหลง ม้วนภาพนี่มิได้สร้างจากวัตถุดิบเดียวกับเรือรบหรอกรึ? ผู้เฒ่าก็มีวัตถุดิบแบบนี้ด้วยรึไงกัน?”
หลงจื้อชิงตกใจมาก เขาหยิบม้วนภาพขึ้นไปดูด้วยความตกตะลึง
“วารีเก้าสวรรค์รึนี่? เป็นไปไม่ได้! วัตถุดิบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เป็นความลับสุดยอด มันไม่ถูกแบ่งให้ผู้เฒ่า! มันจะอยู่ในมือของเจ้าพันธมิตรเท่านั้น! และมันก็เก็บอยู่ในที่เก็บของ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครอื่นเข้าไปเอามา!”
ถ้าภูติระดับหนึ่งอย่างชายหนุ่มผมม่วงก็มิอาจบุกเข้าไปในที่เก็บของได้ เสี่ยวซุยก็ต้องทำไม่ได้! ถ้าอย่างนั้น ทุกคนจึงสงสัยว่าเขาไปเอาวัตถุดิบมาจากที่ใด…
เสี่ยวซุยตัวแข็งทื่อ เขาใจเต้นแรง ผู้เฒ่าอีกสี่คนสีก้มหน้า พวกเขาตกใจกลัว
“เสี่ยวซุย เจ้าไปเอาวารีเก้าสวรรค์มาจากไหน? บอกมาเดี๋ยวนี้”
หลงจื้อชิงเยือกเย็นราวน้ำแข็ง
เสี่ยวซุยกลอกตา เขาหันกลับไป
“ข้ามีวิธีได้มันมาก็แล้วกัน…แล้วข้าก็ไม่ได้ขโมยมาจากที่เก็บของ ข้าจะบอกเจ้าทำไม?”
หลงจื้อชิงเริ่มลังเล…
มีสถานที่อื่นใดทวีปเฉินหลงที่มีวารีเก้าสวรรค์นอกจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ด้วยรึ?
ซือหยูทำให้หลงจื้อชิงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะเขามิอาจตัดสินความผิดเสี่ยวซุยได้ถ้าขาดหลักฐานที่ชัดเจน!
ซือหยูฉวยโอกาสพูดขึ้นมาในขณะที่ผู้คนสับสน
“อย่างแรกก็เปิดม้วนภาพนี้ดูก่อนเถอะ เราจะรู้ได้อย่างไรถ้าไม่เปิดมันออกมาดูเล่า?”