The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 648
คนรอบๆจะเห็นว่าแขนทั้งสองข้างของซือหยูมีสายโลหิตสีทองที่เปล่งแสงจ้า ยังมีพลังเหนือมนุษย์ที่ไหลเวียนในสายโลหิตเหล่านั้น ทุกคนรู้สึกว่าซือหยูตรงหน้าพวกเขามิใช่มนุษย์…แต่เป็นจิตวิญญาณที่น่ากลัวถึงขีดสุด!
เปรี๊ยะ
หอกเมฆาเลือดที่ทรงพลังหยุดลงเมื่อถูกซือหยูคว้าด้วยมือเปล่า เซี่ยหวู่ตัวแข็งทื่อ เขาหวาดกลัวในใจ
“นั่นมันกายาอะไรกัน?”
กึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงมีร่างกายที่รับมือกับกระบวนท่าที่ภูติระดับสามยังไม่กล้าจะเผชิญหน้าด้วย! กายามังกรขั้นแรกนั้นแข็งแกร่งมาก ตอนนี้ได้แต่เพียงสงสัยว่าถ้าหากบ่มเพาะจนถึงระดับสุดท้าย กายามังกรเทพปีศาจจะทรงอำนาจแค่ไหน
ซือหยูจ้องมองหอกเมฆาเลือดในมือ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะรับหอกเอาไว้ได้ แต่หอกนี้ก็ดูราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง มันไม่หยุดเคลื่อนไหวและแว้งมาที่แขนของซือหยูราวกับอสรพิษ
ซือหยูรู้ว่าหอกสามารถเปลี่ยนเป็นพิรุณโลหิตได้ทุกเมื่อ มันไม่ใช่หอกธรรมดาแต่เป็นวิญญาณชั่วร้ายในรูปลักษณ์ของหอก
“ฮื่ม”
ซือหยูถอนหายใจแรง สายโลหิตทองคำสั่นสะเทือนเมื่อเขาปล่อยพลังมหาศาลออกมา
เสียงดังก้องมาจากหอกเมฆาเลือดเมื่อมันระเบิด มันถูกแรงของซือหยูบดขยี้จนแตกและกลายเป็นพิรุณโลหิต
พร้อมกันนั้นซือหยูยังสะบัดมือขวาเพื่อเรียกร่มวิเศษบัวแดง เพลิงร้อนจัดลอยฉาบนภาเผาพิรุณโลหิตที่ลอยอยู่
เสียงกรีดร้องดังมาจากในเพลิงที่แผดเผาพิรุณ
“หอกของข้า!”
เซี่ยหวู่เสียใจยิ่งนัก
เขาลงแรงอย่างมากในการบ่มเพาะหอกเมฆาเลือด เขาตกตะลึงเมื่อเห็นว่ามันถูกซือหยูทำลาย!
เขาจ้องซือหยูอย่างโกรธแค้น เซี่ยหวู่สายตามุ่งมั่น
“ก็ได้ เจ้าบังคับให้ข้าทำแบบนี้เองนะ…”
เซี่ยหวู่กัดฟันพ่นแก่นโลหิตออกมาในมือขวาและเขียนอะไรบางอย่าง แก่นโลหิตของเขาได้กลายเป็นยันต์ที่ดูประหลาด มันพุ่งตรงไปยังกองเพลิง กองเพลิงดับมอดลงไปในไม่นาน เสียงกรีดร้องของหอกหยุดลง
ซ่า
วายุปรากฏในเพเลิง มันล้อมรอบเปลวเพลิงทั้งหมด คนจากเฉินหลงไม่คาดคิดว่าเขาจะดับเพลิงได้
ในเวลาเดียวกันพวกเขายังรู้สึกได้ถึงพลังชั่วร้ายที่ก่อตัวขึ้นในเพลิง ราวกับว่ามีจิตวิญญาณที่ทรงพลังกำลังเกิดขึ้นจากเพลิงนั้น
“ออกมา! ตะขาบเลือดเกล็ดมุก!”
เขาตะโกน
โฮก
ในตอนนั้นเอง เพลิงพิโรธบัวแดงได้ถูกดูดเข้าไปในวายุ เพลิงจำนวนมากหายไปแทนที่ด้วยตะขาบขนาดมหึมา
มันสีแดงทั้งตัวและมีขายาวหลายร้อยข้าง ดวงตาแทรกอยู่เต็มบริเวณท้อง ขนาดของดวงตานั้นไม่เท่ากันและน่าขนลุก มันยืนราวกับมนุษย์และอ้าปากดูดเพลิงทั้งหมดลงสู่ท้อง
เพลิงพิโรธบัวแดงเป็นเพลิงที่แม้แต่ภูติยังต้องเกรงกลัว แต่ตะขาบตัวนี้กลับดูดกลืนเพลิงเข้าไปได้!
“ตะขาบเลือดเกล็ดมุก? หนอนวิญญาณรึ?”
วู่เหิงเบิกตากว้าง
“วิญญาณชั่วร้ายในหอกเมฆาเลือดของเจ้าก็คือหนอนวิญญาณรึ?”
เขาดูหวาดกลัว
หนอนวิญญาณ? ซือหยูตกใจเล็กน้อย เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าหนอนวิญญาณนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพวกที่ปรากฏอยู่ในการจัดลำดับ
“ฮื่ม! ข้าตั้งใจจะให้แก่นโลหิตมันกินมากกว่านี้ มันจะได้เปลี่ยนร่างและได้ร่างเดิมคืนมา แต่ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากปลุกเสี้ยววิญญาณมันออกมาก่อน! เจ้าทุกคนเตรียมตัวตาย!”
เซี่ยหวู่พูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเกลียดชัง
จิตสังหารของเขาพุ่งถึงขีดสุดเมื่อจ้องมองซือหยู ในอดีต เขาเคยเจอตะขาบเลือดเกล็ดมุกที่ถูกแช่แข็งโดยบังเอิญในสถานที่ี่หิมะตกหนัก
เขาใช้เวลายาวนานมากในการฟื้นคืนชีพมันขึ้นมาเพื่อจะได้ใช้งานมันด้วยตัวเอง แต่ร่างและวิญญาณของตะขาบที่ถูกแช่แข็งมานานต้องการแก่นโลหิตของคนที่แข็งแกร่งจำนวนมากในการฟื้นฟู
ในจิวโจว การกระทำชั่วร้ายเช่นนั้นจะถูกลงโทษอย่างหนัก เขาจึงใช้โอกาสที่ได้มาเฉินหลงที่ไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องแบบนี้
จำนวนคนที่ตายเพราะหอกเมฆาเลือดนั้นมีไม่ต่ำกว่าล้านคน แม้ว่าฐานพลังของคนเหล่านั้นจะไม่มากและแก่นโลหิตไม่สมบูรณ์แบบพอ จำนวนมหาศาลก็ช่วยทดแทนข้อด้อยได้ ตะขาบเลือดเกล็ดมุกจึงฟื้นคืนร่างมาได้สามในสิบส่วนอย่างรวดเร็ว
เซี่ยหวู่คิดว่าเขาจะใช้โอกาสในเฉินหลงฟื้นฟูมันอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ต้องมาเจอกับคนที่แข็งแกร่งอย่างซือหยูเสียก่อน
ตะขาบเลือดเกล็ดมุกบาดเจ็บหนักตอนที่ซือหยูกำมือบดขยี้หอก เพื่อไม่ให้ตะขาบถูกเผาทั้งเป็น เซี่ยหวู่จึงไม่มีทางเลือกนอกจากปลดปล่อยมันออกมาก่อนเวลาอันควร
และเมื่อปลดปล่อยมันออกมา นั่นเท่ากับว่าสิ่งที่เขาพยายามทำมาทั้งหมดได้สูญเปล่า ตะขาบเลือดเกล็ดมุกได้มาอยู่ในสภาพอ่อนแอที่เซี่ยหวู่เคยเจอมันในครั้งแรก
วู่เหิงหน้าซีด
“ระวังนะ หนอนวิญญาณตัวนี้แข็งแกร่งมาก มันคือหนอนวิญญาณลำดับสองในอันดับของหนอนวิญญาณทั้งหมด!”
คนในเฉินหลงไม่เข้าใจคำพูดของเขา แต่ซือหยูเข้าใจดีและระวังตัวอย่างมาก
โฮก
ดวงตาหลายพันดวงที่ท้องของตะขาบเลือดเกล็ดมุกมองซือหยูพร้อมกัน ดวงตาแดงก่ำเหล่านั้นเผยจิตสังหารและความโกรธ
ตะขาบรู้ดีว่าซือหยูคือคนที่บังคับให้มันต้องออกมา มันร้องคำรามเสียงดัง ดวงตาแดงก่ำหลายร้อยปล่อยลำแสงสีแดงเข้าล้อมซือหยู
ซือหยูชักสีหน้าเล็กน้อย เกราะราชาศิลานิรันดร์ปรากฏออกมา เศษแก้วถูกใช้ลงในเกราะเพื่อปล่อยพลังสูงสุด
ฉั่วะ
แม้ว่าเกราะจะแข็งแกร่ง แต่ม่านเกราะก็ขาดราวกับเยื่อกระดาษ แต่หากมองดีๆจะพบว่าม่านเกราะมิได้สลายไปเพราะพลัง แต่มันสลายไปจากการโดนกัดกร่อน! เสาแสงสีแดงหลายร้อยพุ่งใส่ร่างของซือหยู
ปั้ง
ซือหยูรู้สึกราวกับถูกภูเขาลูกยักษ์ทุ่มใส่ เขาต้องรีบหลบพลังระลอกต่อไปและไม่ได้มองดูบาดแผลของตัวเอง
ในตอนนั้น เส้นโลหิตทั้งหมดในตัวซือหยูได้เปลี่ยนเป็นสีทอง เขาตะโกนเรียกพลังทั้งหมดไปที่เท้า พลังที่ดันเขาไปข้างหลังเริ่มสลายไป ซือหยูถึงได้หยุดอยู่กับทที่
เขาถูกดันไปไกลหลายลี้ รอยเท้าลากยาวลึกบนพื้นปรากฏยาวตามระยะ ทุกคนตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาแทบจะไม่เชื่อว่ากายามังกรของซือหยูถูกผลักไปไกลเช่นนั้น! ทุกคนในเฉินหลงใจหาย
“นายน้อย ให้ข้าช่วยท่านเถอะ!”
วู่เหิงบินมาช่วยซือหยูทันที
ตอนแทนเขามั่นใจกับพลังของซือหยูมาก แต่ตอนนี้เขาต้องรีบมาช่วยเพราะเขารู้แล้วว่าตะขาบเลือดเกล็ดมุกนั้นน่ากลัวเพียงใด!
“นายท่าน ให้พวกข้าช่วยด้วยเถอะ!”
ลั่วซวงกับหลี่เจิงพยักหน้าและพูดขึ้นพร้อมกัน
ไม่มีใครอยากจะยอมแพ้ พวกเขานำหน่วยกวาดล้างมาอยู่ข้างซือหยู
“ท่านเจ้าพันธมิตร ท่านยังมีพวกเรา!”
ทุกคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์พูดออกมาพร้อมกัน พวกเขาไม่อยากจะให้ซือหยูสู้แต่เพียงคนเดียวและรีบพุ่งเข้ามาดู
เซี่ยหวู่หัวเราะเสียงดัง
“นั่นมันอะไรกัน? พวกเจ้าหนีไปไหนไม่พ้นหรอก อยู่ที่นี่เป็นอาหารตะขาบไปซะเถอะ!”
เขาตะโกน
“ทหารเงาทมิฬฟังข้า ฆ่ากองทัพเฉินหลงให้หมด! อย่าให้ใครรอดไปได้!”
กึ่งภูติที่เหลือฟังคำสั่งเซี่ยหวู่ กำลังของเขามีกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงอยู่หนึ่งคนและกึ่งภูติที่อ่อนแอกว่าอีกยี่สิบกว่าคน เท่านี้ก็เพียงพอที่จะฆ่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทั้งหมื่นคนแล้ว!
ซือหยูใจหาย สถานการณ์เริ่มไม่สู้ดีแล้ว
“วู่เหิง จงนำหน่วยกวาดล้างกับพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ข้าจะให้พวกเจ้าจัดการเซี่ยหวู่กับคนที่เหลือ ส่วนข้าจะจัดการตะขาบเลือดเกล็ดมุกเอง”
ซือหยูจ้องมองตะขาบ เขากังวลกับพลังของมันมาก
แต่เขาก็มิอาจละเลยเซี่ยหวู่กับคนที่เหลือ มิเช่นนั้นเขาจะสูญเสียอย่างไม่จำเป็น
วู่เหิงลังเลก่อนจะตะโกน
“พวกเจ้าตามข้ามา!”
ลั่วซวงกับหลี่เจิงลังเลก่อนจะตามเขาไป พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์
แม้พวกเขาจะมีจำนวนมากก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าจะมีโอกาสชนะ นั่นก็เปราะกำลังของภูติระดับสามอย่างเซี่ยหวู่นั้นมหาศาลเกินไป
“พวกเจ้าจำคำสัญญาที่ให้ไว้ได้หรือไม่?”
วู่เหิงถามและมองคนรอบๆ
วู่เหิงเห็นว่าพวกเขาคิดจะถอยเมื่อมองในแววตา ความคิดในใจของพวกเขาที่เกิดขึ้นก็คือความกลัวที่ต้องต่อสู้กับศัตรูไร้เทียมทานอย่างเซี่ยหวู่
“พวกเจ้าต่อสู้เพื่อสิ่งใด? เพื่อตัวพวกเจ้า หรือเพื่อมิตรสหายกับคนที่พวกเจ้ารัก?”
คำพูดของซือหยูถูกพูดซ้ำโดยวู่เหิง เมื่อเขาถามออกไป แรงฮึดสู้ในกองทัพก็ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะพวกเขาล้วนจำได้ถึงเหตุผลที่พวกเขาติดตามซือหยูมาต่อสู้ในทวีปเหนือแต่ทีแรก นั่นก็คือเพื่อคนรักที่ตายไปอย่างไร้ค่า และตอนนี้ศัตรูที่ยิ่งใหญ่มาอยู่ตรงหน้า พวกเขามิอาจถอยได้
“พวกเจ้าคือความหวังของเฉินหลง คือความหวังของคนที่จากไป บอกข้า เจ้าเตรียมจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร? เจ้าจะซ่อนตัวอย่างคนตาขาวหรือสู้จนถึงที่สุดเพื่อคนเหล่านั้น?”
คำพูดอันทรงพลังของวู่เหิงทำให้พวกเขากลับมาคิดสู้อีกครั้ง
“ข้า! จะ! สู้!”
ทุกคนตะโกนพร้อมกัน
วู่เหิงพูดถูก! พวกเขาทำได้แค่ต่อสู้เท่านั้น! พวกเขาตั้งมั่นว่าจะต่อสู้จนถึงที่สุด!
“ฆ่ามันเพื่ออนาคตของเฉินหลง!”
วู่เหิงตะโกนและบินไปยังเซี่ยหวู่
“ตายซะเถอะ!”
เสียงตะโกนของคนหมื่นคนดังขึ้นพร้อมกัน พลังมหาศาลของคนทั้งหมื่นสั่นคลอนทั้งฟ้าดิน
กึ่งภูติของเซี่ยหวู่ที่เผยจิตสังหารเมื่อครู่ถึงกับตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงตะโกนดัง แม้แต่ละคนจะฆ่าคนที่ไม่กลัวตายเหล่านี้ได้ง่ายๆ พวกเขาก็รู้สึกตกใจ พวกเขารู้สึกราวกับต้องเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์ป่าที่ดุร้าย!
เซี่ยหวู่แผ่จิตสังหารออกมา
“พวกเจ้าก็แค่ฝูงมดปลวก ตะโกนเสียงดังแล้วมันจะทำไม? ชะตาพวกเจ้าถูกลิขิตแล้ว ทหารเงาทมิฬ ฆ่ามันให้หมด!”
เขาซัดฝ่ามือออกไป หมัดพลังชีวิตกำปั้นใหญ่พุ่งเข้าใส่กองทัพพันธมิตรผู้คุมสวรรค์
ปั้ง…
หลายสิบคนร่างระเบิดเป็นชิ้นๆ พวกเขาไม่เหลือซากเลย!
“ไอ้พวกขยะเอ้ย”
เซี่ยหวู่ตะโกนและหัวเราะ เขาซัดฝ่ามืออีกครั้ง
ซูม
หนึ่งคนบินเข้าไปขวางหมัด นั่นก็คือวู่เหิง เขาตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”
วู่เหิงรู้ว่าเซี่ยหวู่คือคนที่อันตรายที่สุดที่นี่ ถ้าเขาไม่ยื้อเซี่ยหวู่ เซี่ยหวู่คนเดียวก็คงฆ่าคนทั้งหมื่นคนตายหมด!