The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 657
ตอน,657 – ก้าวสู่ขอบเขตแก้วสามดวง
ซ่า!
เสียงลุกไหม้ดังขึ้นเมื่อบางส่วนของพิษถูกเพลิงเผา แต่มันก็แค่ส่วนเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนที่เหลือกําลังจะแล่นถึงหัวใจของซือหยู!
ซือหยูไม่ได้กังวลแม้จะใกล้ตาย เขาถอนหายใจยาวเพื่อให้ใจเย็นลง เขาหยิบร่มวิเศษบัวแดงออกมาและเรียกเพลิงของมันมาใช้
เพลิงนี้แข็งแกร่งมาก มันเผาภูติให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าต้นกําเนิดอัคคีเสียอีก!
เมื่อเพลิงพิโรธบัวแดงเข้าสู่ร่าง พิษสีน้ำนมเริ่มที่จะหายไปราวกับเป็นแค่กองหิมะ ไม่นานพิษสีน้ำนมที่ทําลายภายในซือหยูก็หายไปจนหมด
ซือหยูถอนหายใจยาวและเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ใครจะไปคิดว่าคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากอย่างเขา ทั้งยังเจอบททดสอบมามากมายจะเกือบตายเพราะสมุนไพรวิญญาณเล่า?
ไม่แปลกใจเลยที่ท่านอาจารย์บอกว่าข้าจะตายถ้ากินมั่นตรงๆ แค่พิษจากขนเส้นเดียวก็เกือบจะเอาชีวิตของข้าไปแล้ว!
ข้าคงช่วยชีวิตตัวเองไว้ไม่ได้ถ้ากินมั่นทั้งต้น ต่อให้ข้าใช้เพลิงพิโรธบัวแดงทั้งหมดก็เถอะ!
หลังจากที่เขาผ่านพ้นวิกฤติมาได้ ซือหยูเริ่มที่จะจริงจังกับมาเมฆากว่าเดิมมาก!
ซือหยูยืนขึ้นอย่างระวังและเรียกลูกไฟเพลิงบัวแดงออกมา เขากําลังคิดว่าเพลิงจะเผาพิษอันตรายทั้งหมดไปได้หรือไม่ เรื่องอันตรายอย่างเดิมจะได้ไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง
และเมื่อเพลิงลุกอยู่เหนือฝ่ามือ จู่ๆซือหยูก็คิดอะไรได้บางอย่าง…
คงน่าเสียดายที่จะทําลายพิษพิฆาตเช่นนี้ ถ้าเขาเอาไปได้ดีๆ มันจะกลายเป็นกระบวนท่าสั่งหารที่ทรงพลัง!
ซือหยูค่อยๆดึงเอาเส้นขนของมันออกมาทีละเส้นและเก็บไว้อย่างดี เขามีเส้นขนเกือบสามร้อยเส้น
หลังจากที่ดึงขนม้าเมฆาออกมาหมดแล้ว เขาก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย ขั้นต่อไปนี่แหละ เวลาที่ข้ารอคอยมาถึงแล้ว!
เกลียวทางช้างเผือกเล็กๆปรากฏในมือเมื่อเขาถือมาเมฆา เหล่าดาราข้างในเกลียวดูเหมือนกับทรายที่เปล่งแสงออกมาได้ มันช่างสวยงามและน่าอภิรมย์ พิษไหลออกมาจากม้าเมฆาด้วยความเร็วสูง มันถูกขับออกมาเพราะทรายดาราทางช้างเผือก
ร่างของม้าเมฆาเริ่มโปร่งใส มันดูเหมือนกับหยกขาวที่สวยงาม
ผ่านไปนาน ทรายดาราทางช้างเผือกได้หายไป มาเมฆาที่เป็นแก้วใสได้ถือกําเนิดขึ้นมา เขามองด้วยเนตรวิญญาณและพบว่านอกจากพิษสีน้ำนมจะหายไป สิ่งปนเปื้อนต่างๆในร่างของมันก็หายไปด้วย พิษที่ต้องใช้วัตถุดิบมากมายในการสร้างได้ถูกทรายดาราทางช้างเผือกชําระล้างในพริบตาเดียว!
เขารู้สึกที่งในสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้อีกครั้ง เทียนขี่จื้อทิ้งสมบัติที่ประเมินค่ามิได้ไว้ให้เขาจริงๆ
ในตอนนี้ ม้าเมฆาที่บริสุทธิ์อย่างสุดขั้วไม่มีอันตรายอีกแล้ว มันเป็นเพียงก้อนพลังงานอันบริสุทธิ์ แม้แต่ภูติก็ต้องน้ำลายไหลเมื่อเห็นมัน!
ซือหยูทนความยั่วยวนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเงยหน้ากินมันลงท้อง พลังอันร้อนแรงไหลผ่านลําคอ ซือหยูหน้าแดงก่ำ เขาเริ่มไอ
แต่แม้กระนั้นมันก็มีรสชาติที่น่าอัศจรรย์ ถึงจะผ่านไปสิบห้านาทีรสชาติก็ยังอัดแน่นอยู่ในปากรสชาติที่ร้อนรุ่มราวกับเพลิงได้ไหลลงสู่ท้อง เขารู้สึกราวกับมีเพลิงคลั่งลุกไหม้อยู่ในท้อง มันค่อนข้างเจ็บปวด
พลังร้อนสูงได้เข้าสู่จุดกําเนิดพลังที่มีแก้วอยู่สีดวง แก้วสองดวงนั้นเป็นแก้วพลังชีวิต ส่วนอีกสองดวงคือแก้วสายฟ้าที่ปรากฏขึ้นมาอย่างลึกลับ สุดท้ายคือแก้วพลังวิญญาณที่ยังไม่กลายเป็นแก้วพลังชีวิต
หลังจากที่พลังร้อนเข้าสู่ท้อง มันได้เข้าโอบล้อมแก้วทั้งสี่ดวง ความร้อนสูงได้ทําให้แก้วทั้งสีดวงตอบสนองต่างกันออกไป แก้วเหล่านั้นปล่อยพลังออกมาและพยายามขวางการรุกล้ำ
แก้วพลังชีวิตปล่อยพลังชีวิต แก้วสายฟ้าปล่อยสายฟ้า แก้วพลังวิญญาณปล่อยพลังวิญญาณ พลังชีวิตกับสายฟ้าต่อต้านมันได้อย่างดี แต่พลังวิญญาณที่อ่อนแอที่สุดนั้นมิอาจขวางให้พลังร้อนสูงเข้าไปได้
แก้วพลังวิญญาณหนึ่งในสิบส่วนได้กลายเป็นสีแดงเพลิงเพราะถูกความร้อนสูงรุกล้ำเข้าไป ซือหยูมองแก้วพลังที่ถูกบุกรุกอยู่ทุกขณะ
พื้นที่ในแก้วพลังวิญญาณถูกยึดไปมาก มันทําให้แก้วพลังวิญญาณอัดตัวเองจนแน่น ผ่านไปครู่หนึ่ง วี่แววของพลังชีวิตได้ถือกําเนิดขึ้นมา มันคือพลังใหม่ที่เกิดขึ้นเมื่อพลังวิญญาณถูกอัดแน่นจนถึงจุดขีดสุด
พลังวิญญาณเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อถูกพลังร้อนสูงอัดจนแน่น นั่นทําให้พลังชีวิตเกิดขึ้นอีกมาก ผ่านไปครึ่งชั่วยาม แก้วพลังวิญญาณสามในสิบส่วนได้กลายเป็นแก้วพลังชีวิต!
แต่พลังวิญญาณเริ่มลดน้อยลงไป แก้วพลังวิญญาณเริ่มที่จะดูดซับพลังจากโลกภายนอกอย่างบ้าคลั่งเพื่อเติมเต็มพื้นที่ว่างที่ขาดหาย! พลังวิญญาณมหาศาลโอบล้อมร่างของซือหยู พลังที่เข้าไปอัดแน่นทําให้แก้วพลังวิญญาณที่เหลือเปลี่ยนเป็นแก้วพลังชีวิตอย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนเช่นนี้เกิดขึ้นต่อไปอีกครึ่งวัน ซือหยูยังคงหลับตาอยู่ใบหน้าเผยรอยยิ้มอันสงบสุข
พลังชีวิตไร้ขอบเขตแล่นผ่านทั่วร่าง มันเหมือนกับแม่น้ำเชี่ยวกรากที่ปล่อยแรงกดดันมหาศาล
พลังวิญญาณทั้งหมดของเขาหายไปแล้ว มีแค่พลังชีวิตที่อยู่ในร่างกาย
จุดกําเนิดพลังของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ซือหยูรู้สึกราวกับได้เกิดใหม่ พลังชีวิตได้เป็นพลังที่ดุร้ายและแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อยหนึ่งในสาม นั่นหมายความว่าพลังของวิชาและสมบัติวิเศษทั้งหมดของเขาจะยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม!
ตอนนี้ ต่อให้เขาเอาชนะภูติระดับสี่ไม่ได้ เขาก็หนีออกมาได้ง่ายๆ ชีวิตของเขาจะปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อถึงคราวมีปัญหา!
เขาลืมตาช้าๆ ลําแสงพลังชีวิตพุ่งออกมาจากดวงตา
สมกับเป็นม้าเมฆา แม้จะผ่านมานาน แต่ผลของมันก็ยังไม่หายไปจนหมด
ซือหยูยิ้มเบาๆ เขาเดาะลิ้นสงสัย ถึงเขาจะเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงซึ่งห่างไกลจากการเป็นภูติแค่ก้าวเดียว พลังความร้อนสูงในร่างก็ยังคงอยู่ในจุดกําเนิดพลัง มันยังคงอัดแน่นในแก้วพลังชีวิตต่อไป มันทําให้พลังชีวิตของเขาบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
เมื่อมันไปถึงจุดสุดยอดเมื่อใด พลังชีวิตจะพบกับความเปลี่ยนแปลง เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะได้กลายเป็นภูติ!
เขากําหมัดทั้งสองข้างและสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่ง ซือหยูมั่นใจในพลังยิ่งกว่าเดิม
น่าเสียดายที่สมบัติหายากอย่างมาเมฆานั้นมีอยู่น้อย มิเช่นนั้นเขาก็คงจะสร้างยอดฝีมือที่แข็งแกร่งได้อีกหลายคนโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเสียมันไป! ความคิดนี้ทําให้ซือหยูแอบถอนหายใจด้วยความโศกเศร้า
ซือหยูยืนขึ้นปัดใบไม้ที่ร่วงใส่ตัว เขามองไปยังทิศทางของอาณาจักรทมิฬ
“ได้เวลาไปที่นั่นเสียที”
ราชาแห่งความมืดเป็นราชาไร้เทียมทานที่ลึกลับ ขณะที่ตําหนักเจ็ดจ้าวแห่งความมืดก็มีเจ็ดจ้าวแห่งความมืดรุ่นก่อนๆอยู่ ซือหยูคิดว่าถ้าโลกเฉินหลงเปลี่ยนแปลงมาแล้วสามเดือน ผู้คนที่นั่นก็น่าจะทะลวงขีดจํากัดมาได้ ฐานพลังของพวกเขาคงจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เพราะหัวหน้าผู้ตรวจการอย่างไปจงเองก็เป็นภูติระดับหนึ่งแล้ว แล้วพลังของพวกสัตว์ประหลาดในตําหนักเจ็ดจ้าวเล่า? พวกเขาจะต้องน่ากลัวจนคิดไม่ถึงแน่!