The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 659
659 – คิดแผนไปยอดเขา
“เกิดในยุคเดียวกับชายคนนั้นเป็นโชคร้ายของคนรุ่นหลังจริงๆ”
ยิ่งเฉิงยักไหล่อย่างหมดหวัง ตราบเท่าที่ซื่อหยุยังอยู่ในทวีปเฉินหลง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครยืนเหนือกว่าและมีชื่อเสียงขึ้นมา
แต่หลิงเอ๋อที่อยู่ข้างๆกลับบิดปากอย่างเหยียดหยาม
“เจ้านี่มันสิ้นหวังจริงๆ! ไม่มีแม้แต่ใจสู้ ไม่แปลกใจที่เจ้าไม่เหนือกว่าซือหยู เจ้ารู้หรือไม่ว่าซือหยูเพิ่งจะได้เหยียบทวีปเฉินหลงเมื่อสี่ปีก่อน ตอนนั้นพวกเราเป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว แต่ตอนนั้นเขาเป็นแค่คนที่อ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น แม้แต่สามปีก่อนเราก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขา”
นางถอนหายใจและพูดต่อ
“แต่ซื่อหยุต่อสู้กับพันธมิตรร้อยดินแดนจนได้เป็นวีรบุรุษ เอาชนะเจ้าตําหนักรองทุกเขต ยังสร้างสถานที่ให้กับหวานใจของเขา เขายังเอาชนะยอดฝีมือทุกคนในทวีปเหนือแล้วกลายเป็นยอดฝีมือลําดับหนึ่งของที่นั่น”
นางส่ายหน้า
“และตอนนี้เขากลับมาที่เฉินหลงแล้ว เขาเลิกใช้นามราชาปีศาจหิมะทมิฬและแสดงฐานะจริงเป็นซือหยู เขาใช้พลังของตัวเองช่วยพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ให้รอดพ้นวิกฤติมาได้ จากนั้นเขาก็นําพันธมิตรไปคว้าชัยชนะครั้งแรกของทวีป เขากําจัดกิ่งภูติของต่างโลกไปหลายร้อยคน เขายังฆ่ากึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงได้แค่พลิกฝ่ามือ! ด้วยชัยชนะนี้ เขาเลยได้นําดินแดนที่ถูกยึดครองไปกลับคืนมา!”
นางประทับใจซือหยูอย่างมาก นางพูดต่อ
“เขาประสบความสําเร็จเพราะความพยายามอย่างหนัก ชายคนใดที่สําเร็จได้เช่นนี้ล้วนตายตาหลับ เขาไม่ใช่คนอย่างเจ้า เจ้าก็ดีแต่บ่นกับอิจฉาเท่านั้น”
หลิงเอ๋อพูดไม่หยุดเมื่อพวกเขาพูดถึงซือหยู นางพูดโดยไม่ทิ้งช่วงให้ใครได้แทรก ยิ่งเฉิงอับอายมาก เขาพูดอะไรไม่ออก
ชายวัยกลางคนหัวเราะเบาๆ
“แม่หนู ข้าไม่เคยเห็นเจ้าแบบนี้เลย ถึงเราจะทําภารกิจกันอยู่แต่เจ้าก็รู้เรื่องพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ดีเหลือเกิน เจ้ายังทวนอดีตของเขามาไม่ต่ํากว่าสามครั้ง ข้าชักจะเบื่อหูแล้วนะ!”
หลิงเอ๋อหน้าแดงระเรื่อ นางจ้องมองเขาอย่างดุร้าย
“ท่านพ่อพูดอะไรน่ะ? ข้าก็แค่ทําหน้าที่ของหน่วยรวบรวมข้อมูล! ข้าก็เลยรู้เรื่องของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มาด้วย!”
ชายวันกลางคนหัวเราะอีกครั้ง
“หึหึ ข้าไม่ได้พูดว่าเจ้าคิดจะทําอะไรเสียหน่อย เจ้าจะร้อนตัวไปทําไมกัน?”
ยิ่งเฉิงสีหน้ายิ่งซับซ้อนเข้าไปใหญ่ เขาที่ทํางานในหน่วยข้อมูลคุ้นเคยกับการอ่านสีหน้าคน เขาพบว่ามีบางอย่างที่แปลกไปในเรื่องที่หลิงเอ๋อได้สืบเรื่องเจ้าพันธมิตรของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์อย่างละเอียดเช่นนี้
และเมื่อชายวัยกลางคนพูดถึง เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าหลิงเอ๋ออาจจะตกหลุมรักเจ้า พันธมิตรคนใหม่ ถึงเขาจะอิจฉา แต่เขาก็ทําอะไรไม่ได้นอกจากสิ้นหวัง
เพราะข่าวลือบอกว่ามิเพียงแต่เจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะแข็งแกร่ง เขายังอายุน้อยและหน้าตาหล่อเหลา และเขาก็ยังมีคุณธรรมและซื่อสัตย์
ดูเหมือนทุกอย่างของเขาสมบูรณ์แบบ เขายังนําชัยชนะครั้งแรกมาสู่ทวีป นั่นทําให้ผู้คนเริ่มมีใจสู้ขึ้นมา เขาได้กลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปเฉินหลงอย่างไม่ต้องสงสัย
สตรีใดเล่าจะไม่ยอมรับและหลงรักคนเช่นนี้?
“ท่านพ่อ ถ้ายังพูดไร้สาระต่อไปข้าจะโกรธแล้วนะ”
หลิงเอ๋อพูดกับพ่อด้วยความโกรธขณะที่หน้าแดง
แต่ชายวัยกลางคนก็คิดว่ามันตลกอยู่บ้าง
“ก็ได้ก็ได้ ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว”
แต่เขาก็ยังพูดอยู่ในใจ จะอย่างไรบุรุษในตํานานเช่นนั้นก็คงไม่ได้สัมผัสกับคนอย่างพวกข้า ถึงลูกข้าจะหลงรัก ข้าก็ช่วยอะไรนางไม่ได้อยู่ดี
“แย่แล้ว! มีคนกําลังมาทางนี้”
ชายวัยกลางคนอุทาน
หลิงเอ๋อที่กําลังโกรธเห็นคนที่กําลังมาพอดี นางคิดว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้ระบายความโกรธ นางยืนขึ้นและตะโกน
“ข้าจะจัดการมันเอง!”
นางเป็นกิ่งภูติที่มีแก้วหนึ่งดวง สามารถนับได้ว่านางเป็นยอดฝีมือที่โดดเด่น แต่ถึงอย่างนั้นพ่อของนางก็เป็นห่วงนาง เขาตะโกนตามหลัง
“หลิงเอ๋อ…”
แม้ชายวัยกลางคนจะตะโกนให้นางหยุดก็สายไปแล้ว เขาทําได้แค่ตามไปด้วยโดยหวังว่าจะปกป้องนางได้บ้าง
ยิ่งเฉิงก็ออกมาด้วย เขาเห็นชายหนุ่มอยู่ตรงหน้า นอกจากใบหน้าที่หล่อกว่าใครแล้ว เขาสวมชุดที่ไร้เครื่องตกแต่ง เขาดูไม่มีอะไรพิเศษเลย
“ท่านพ่อ ให้ข้าลองดูก่อนแล้วค่อยตัดสินว่าเขาเป็นคนจากต่างโลกหรือไม่”
หลิงเอ๋อพุ่งไปหาชายคนนั้นทันที
“คลื่นปีแสง!”
หลิงเอ๋อตะโกนพร้อมกับดีดนิ้ว ดอกบัวสามดอกปรากฏเหนือศีรษะ กลีบของมันพุ่งตรงไปยังชายหนุ่มพร้อมกัน
ซือหยูไม่มีทางเลือก เขาแค่อยากจะมาทักทายทั้งสามคนก่อนจะหาข้อมูลเรื่องวิธีเข้าไปที่ยอดเขาใหญ่ และถามด้วยว่ามันมีประตูหรือไม่
เขาไม่คิดเลยว่าสาวน้อยจะกระโดดออกมาจู่โจมเขา! และเขาก็รู้ดีว่านี่เป็นความเข้าใจผิด ซือหยูจะไม่ทําให้นางบาดเจ็บ!
“วิชาวารีรึ?”
ซือหยูบอกได้เลยว่าพลังของมันยังอ่อนไปถ้าเทียบกับเซี่ยจิงหยูที่เชี่ยวชาญวิชาวารี
“ไม่เลว..”
ซือหยูหัวเราะ เขาจงใจกดฐานพลังของตัวเองและปล่อยพลังชีวิตเทียบเท่ากับกิ่งภูติที่มีแก้วดวงเดียว เขาเปลี่ยนพลังเป็นเกราะป้องกันตัว
แพละ!
เมื่อกลีบดอกบัวปะทะกับโล่ เสียงสะท้อนดังขึ้นพร้อมกับโล่ที่ระเบิด พวกมันกลายเป็นหยดพิรุณนับไม่ถ้วนลอยกลับมาที่นาง นางตกใจที่ซือหยูป้องกันกระบวนท่าของนางได้ง่ายๆ
ดวงตาของนางดูเจ้าเล่ห์ยิ่งขึ้น
“วิชาวารีของข้าไม่ได้อ่อนแอแบบนั้นหรอก!”
เอ๋? ซือหยูแอบแปลกใจกับคําพูดของนาง
ในตอนนั้นเอง เส้นไหมที่มองไม่เห็นด้วยตาเปลบ่าได้ปรากฏจากกลีบบุพผาที่ฉีกขาด เส้นไหมเหล่านั้นเกิดจากหยดพิรุณ เขาเข้าใจแล้วว่าหยดพิรุณนี้เพียงใช้หลอกผู้คน พลังที่แท้จริงคือเส้นไหม!
เส้นไหมได้กลายเป็นแหขนาดใหญ่ กว่าซือหยูจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว แหได้กักขังเขาไว้ภายใน! ซือหยูถูกจับตัวในทันที!
หลิงเอ๋อบินไปที่เขาและหยิบเอากระบีมรกตออกมาจากเอวมาจอคอซือหยู นางพูดอย่างภูมิใจ
“ข้ารู้ว่าเจ้ามันก็แค่เด็กน้อยที่คิดจะหลอกผู้คนให้กลัว! เจ้ามีพลังแค่นั้นแต่ก็กล้ามาที่นี่เพื่อหลอกข้ารี!”
ซือหยูไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ในตอนนี้ นั่นก็เพราะแหพลังชีวิตที่นางสร้างนั้นจะถูกทําลายเมื่อใดก็ได้ที่เขาต้องการ แต่เขาไม่อยากจะให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิด เขาจึงยอมถูกจับตัว
ทั้งอย่างนั้นซือหยูก็สับสนกับคําพูดของหญิงสาวตัวเล็ก
ข้านะพยายามจะไปหลอกพวกเขา? พวกเขานั่นแหละที่เป็นฝ่ายซ่อนตัว! ทั้งยังมาลอบโจมตีซือหยูอีก!
“ท่านหัวหน้าหน่วยเป็นอะไรหรือไม่?”
ยิ่งเฉิงผ่อนคลายขึ้นเมื่อเห็นว่าซือหยูถูกหลิงเอ๋อจับอย่างง่ายดาย
ในตอนนั้น ชายวัยกลางคนถือเข็มทิศสีขาวในมือ เข็มทิศเปล่งแสงสีเลือด
“มันตอบสนอง เขาเป็นคนของโลกเรา หลิงเอ๋อ ปล่อยเขา”
หลิงเอ๋อจับแหเส้นไหมเก็บกลับคืน
“เจ้าหนู เจ้าควรจะบ่มเพาะพลังให้ดีเพื่อให้แข็งแกร่ง ทวีปกําลังวุ่นวาย ยิ่งเจ้าอ่อนแอเท่าใดก็ยิ่งจะถูกส่งไปยมโลกเร็วขึ้นเท่านั้น!”
ซือหยูประสานหมัดและยิ้มเบาๆ
“แม่นาง ข้าจะจําให้ขึ้นใจ”
หลิงเอ๋อกลอกตา
“ยังมีหน้ามายิ้มให้ข้าอีก! เจ้าคนไร้กระดูกสันหลัง”
หลิงเอ๋อหันกลับไปและไม่สนใจเขาอีก
“น้องชาย หวังว่าคงจะอภัยให้พวกเราที่ทํากับเจ้าอย่างนั้น”
ชายวัยกลางคนประสานหมัดขอโทษ เขาดูอ่อนโยนและใจดี
“ไม่เป็นไรหรอก”
ซือหยูโบกมือและยิ้ม
ชายวัยกลางคนถามต่อ
“น้องชาย เจ้ามาทําอะไรที่นี่รี? มีกองทัพจากต่างโลกอยู่ตรงหน้าพวกเรา ถ้าเจ้าถูกเจอตัว และถูกคิดว่าเป็นคนอาณาจักรทมิฬ เจ้าจะแย่เอาได้ สามปีที่ผ่านมา คนอาณาจักรทมิฬทั้งหมดที่ตกไปอยู่ในมือพวกมัน ล้วนถูกการไตร่สวนทรมานจนตาย”
ฟังจากคําพูดของเขา ดูเหมือนว่าคนจากต่างโลกอยากจะรู้วิธีเข้าสู่อาณาจักรทมิฬ พวกเขาจึงต้องถามกับคนข้างในด้วยการทรมาน ซือหยูตาเป็นประกายเมื่อรู้ความจริง
ถ้าหากคนผู้นี้รู้เรื่องอาณาจักรทมิฬ เขาก็ควรจะเป็นคนที่นี่แน่นอน ถ้าเขาซ่อนตัวที่นี่ก็หมายความว่าเขาอยากจะกลับสู่อาณาจักร ถ้าซือหยูตามไป เขาก็จะได้เข้าสู่ยอดเขานั้นอย่างไม่ยากเย็น!
“ข้าบินหนีมาจากพันธมิตรร้อยดินแดนของทวีปเหนือ ข้ามาที่นี่เพื่อหาที่หลบภัยจากญาติของข้า ข้าไม่คิดว่าอาณาจักรทมิฬจะย่ําแย่เช่นนี้”
ซือหยูรีบแต่งเรื่อง
ชายวัยกลางคนถอนหายใจ
“เจ้าหนีมาที่นี่จากร้อยดินแดนรึ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่แปลกที่เจ้าจะไม่รู้ว่าที่นี่อันตรายแค่ไหน”
แม้เขาจะพูดแบบนั้น แต่จากแววตานั้นไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อเรื่องของซือหยูเลย
“น้องชาย เจ้าควรจะรีบหนีไปจากที่นี่ ที่นี่อันตรายมาก”
ชายวัยกลางคนประสานหมัดให้ซือหยูและบอกลา เขากลับไปหาหลิงเอ๋อและยิ่งเฉิง
ซือหยูคิดในใจ
เขาระวังตัวกับข้านัก เป็นคนที่รอบคอบมาก! ขนาดข้ากดฐานพลังและปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอ เพื่อไม่ให้ดูเป็นภัยแล้วนะ
ซือหยูมองทั้งสามและเริ่มคิดหาทางสานสัมพันธ์ หรือไม่ก็สร้างพันธมิตร
หลังจากที่ชายวัยกลางคนกับอีกสองคนเดินไปหกลี้ ดวงตาของยิ่งเฉิงก็ลุกวาวขึ้นมา
“ท่านหัวหน้า ดูเหมือนเจ้าเด็กนั่นอยากจะตามเราไปที่อาณาจักรทมิฬนะ”
หลิงเอ๋อกระพริบตาตอบ
“ไอ้เด็กนั่นคิดไม่ดีอยู่แน่!”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าเบาๆ
“ข้าก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ถึงเขาจะรู้ไร้พิษภัย ถ้าเราประมาทพาเขาเข้าไปอาณาจักร และถ้าหากเขาเป็นสายลับจากต่างโลก นั่นก็จะเป็นเรื่องใหญ่หลวงเชียวล่ะ”
ยิ่งเฉิงคิดแบบเดียวกัน
“มีคนมากนักที่ถูกพวกต่างโลกติดสินบน ระวังเรื่องพวกนั้นให้มากที่สุดจะดีกว่า”
ทุกคนคิดแบบเดียวกันว่าควรจะเลี่ยงซือหยู
“เดี๋ยวก่อน หยุดเดินเดี๋ยวนี้”
ชายวัยกลางคนหยุดลง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
ในตอนนั้น มีกลิ่นแปลกๆเข้ามาในจมูก หลิงเอ๋อกับยิ่งเฉิงสะบัดมือไล่กลิ่นออกไป ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหายใจเอาอะไรที่พิเศษเข้าไปแล้ว
“แย่ละ! เราถูกเจอตัวแล้ว พวกมันกําลังมา! เราต้องหนี!”
ชายวันกลางคนรีบตัดสินใจและหันหนี
สีหน้าของหลิงเอ๋อกับยิ่งเพิ่งเปลี่ยนไปมาก พวกเขาที่ทํางานเกี่ยวกับข่าวนั้นคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้ดี พวกเขาจึงตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทั้งสามบินไปในที่ที่ซือหยูอยู่พอดิบพอดี
“ยิ่งเฉิง เอาเขาไปกับเจ้าด้วย”
ชายวัยกลางคนตะโกน
แม้ยิ่งเฉิงจะไม่พอใจกับคําสั่งเพราะมันจะทําให้เขาช้าลง แต่เมื่อหัวหน้าหน่วยสั่ง เขาก็ต้องทําตาม เขาจับไหล่ของซือหยูเอาไว้
“ถ้าไม่อยากตายก็อย่าขยับ”
ซือหยูมองรอบๆและเห็นว่ามีกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงสองคนกับกิ่งภูติที่มีแก้วสองดวงเจ็ดคนกําลังไล่ตามทั้งสามคนมา! เขาไม่ขัดขืนยิ่งเฉิงและปล่อยให้ตัวเองถูกพาไป