The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 669
669 – บึงกาฬ
เขาใช้มือขวาขยับไปมาขณะที่มือซ้ายกําสร้อยของเจ้าตําหนักหนานกวงไว้แน่น เงาดําที่เป็นพิษนั้นถูกพัดพาไปพร้อมกับเกราะราชาศิลานิรันดร์ที่ปรากฏออกมา
พรึ่บ!
หมอกพิษพยายามพุ่งเข้าใส่ตัวซือหยู และชั้นม่านเกราะของซือหยููก็เริ่มส่องแสงแปลบปลาบมีควันดําพุ่งขึ้นมา ดูเหมือนว่าชั้นเกราะจะถูกพิษกัดอยู่
เมื่อหมอกดพิษขนาดเท่าฝ่ามือซึมเข้ามามันก็เข้าไปหาร่างของซือหยู ตอนนี้แค่สูดหายใจเข้าไปก็ทําให้ซือหยูตายได้ และยังมีไอพิษอีกมหาศาลอยู่ตรงหน้า!
ซือหยูอัดพลังชีวิตลงในสร้อยที่มือซ้าย มันเปล่งแสงออกมาและดูดซับพิษทั้งหมดเข้าไปในทัน
เขาแทบจะเอาตัวไม่รอด แต่ไม่นานก็มีเมฆขาวก้อนยักษ์เข้ามาล้อมตัวเขา! สร้อยในมือที่เปล่งแสงออกมาสั่นเบาๆ มันปกป้องเจ้าตําหนักหนานกวงมานาน มันคงจะถึงขีดจํากัดแล้วมันดูดซับพิษของม้าเมฆาได้ไม่มากไปกว่านี้แล้ว
ซือหยูต้องรีบตัดสินใจในเวลาย่ําแย่ เขาสูบอากาศบริสุทธิ์จนเต็มปอดและเริ่มใช้อรหันต์แปดอักษร อากาศรอบๆที่ถูกสูบได้กลายเป็นคลื่นเสียงอันทรงพลัง เขาปลดปล่อยพลังคลื่นเสียงนั้นออกทางปาก
พลังสั่นสะเทือนอันรุนแรงตามมาพร้อมกับคลื่นเสียง จากนั้นไอพิษทั้งหมดก็ถูกพัดออกไป
พอเป็นเช่นนี้จึงนับได้ว่าซือหยููพ้นภัยจริงๆ เมื่อได้มองรอบๆอย่างชัดเจนเขาก็ใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
เขาอยู่บนยอดเขาเขียวขจี ท้องนภาสีครามสดใส มีเมฆาลอยคล้อยตามอย่างสงบ แสงตะวันสดใสทอดยาวลงบนทุ่งหญ้าเขียวขจีแห่งนี้
ทุ่งหญ้านี้เต็มไปด้วยสัตว์ป่าแปลกๆมากมายและสมบัติที่มีคุณสมบัติวิญญาณ มันกระจายอยู่ในทุกมุมของทุ่งหญ้าแห่งนี้ราวกับไข่มุกที่งดงาม ที่พื้นยังมีพลังวิญญาณที่หนาแน่นจนกลายเป็นหมอกบางๆ ม่านพลังที่หนาแน่นนี้ห่มทุ่งหญ้าจนน่ามอง
ซือหยูหยุดไม่ได้ที่จะหายใจเอาพลังวิญญาณเข้าไป จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าความเหนื่อยอ่อนได้หายไป จิตใจของเขาได้ปลอดโปร่งขึ้น พลังชีวิตในร่างกายที่หายไปยังฟื้นฟูกลับมาด้วยความรวดเร็ว
ไม่นาน เขารู้สึกตัวเบาและมีกําลังวังชาดี
“พลังวิญญาณหนาแน่นจริงๆ!”
ซือหยูไม่อยากจะเชื่อ เพราะที่นี่มีพลังวิญญาณหนาแน่นกว่ากระโจมเทพสวรรค์ถึงสามเท่าเขาสงสัยด้วยซ้ําว่าตัวเองอยู่ในทวีปเฉินหลงหรือไม่!
นั่นก็เพราะเขาเห็นว่าเหล่าสมุนไพรล้ําค่าที่ขึ้นในทุ่งหญ้านี้ล้วนเป็นสมบัติที่หาได้ยากในทวีปเฉินหลง ดินแดนแห่งนี้มีทรัพยากรมหาศาล แม้จะรวบรวมจากทวีปเฉินหลงมาหลายร้อยปีก็มิอาจที่จะเทียบกับที่นี่ได้
ถึงอะไรบางอย่าง
อาณาจักรทมิฬมีคนมากมาย แต่ที่นี่ก็มีปัจจัยที่จะดูแลทุกคนเพียงพอ หัวหน้าผู้ตรวจการไปเองก็บอกว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่อาณาจักรทมิฬเก็บรวบรวมมากว่าหมื่นปี
แล้วที่ที่ใช้เก็บของที่หัวหน้าผู้ตรวจการไปไม่เต็มใจจะบอกข้า…มิใช่ว่ามันคือที่นี่หรอก?
หลังจากที่ครุ่นคิด ซือหยูเริ่มที่จะเชื่อว่าที่นี่คือแหล่งเก็บสมบัติของอาณาจักรทมิฬที่ใช้เก็บทรัพยากรมาหมื่นปี! มีการหมุนเวียนของทรัพยากรที่นี่มานานแล้ว พลังวิญญาณก็ถูกอัดแน่นอยู่ในนี้ความหนาแน่นของพลังวิญญาณเหนือกว่ากระโจมเทพสวรรค์อยู่หลายขุม
ซือหยูตกใจเมื่อมองสิ่งตรงหน้าการสะสมทรัพยากรหมื่นปีนี้น่ากลัวยิ่งนัก! นั่นหมายความว่าทุ่งหญ้าเล็กๆแห่งนี้ควรจะยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าที่ใดในทั้งทวีป!
ผ่านไปนาน ซือหยูกลับมาได้สติและพักหายใจ เขามองรอบๆด้วยความตื่นเต้นเขามิใช่สุภาพบุรุษที่มีคุณธรรมสูงส่งนัก และถ้าบังเอิญมาถึงที่นี่ เขาก็จะไม่กลับไปมือเปล่าแน่!
ถ้าเขาแจกจ่ายทรัพยากรเหล่านี้ออกไป เขาอาจจะทําให้พันธมิตรผู้คุมสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นอีกเขาอาจจะเพิ่มพลังโดยรวมของกองทัพได้ในระยะเวลาอันไส้น และแม้ว่าอาจจะยังไม่พอที่จะทําสงครามกับห้าศักดิ์สิทธิ์อย่างน้อยมันก็ทําให้ทั้งกองทัพมีหวังเมื่อต้องเผชิญหน้า!
“กิเลนน้อย ข้าฝากเจ้าด้วย”
ซือหยูปล่อยกิเลนน้อยออกมา ด้วยพลังการดูดซับของมันมันจะเก็บสมบัติมหาศาลเหล่านี้ได้ในเวลาอันสั้น
เมื่อกิเลนน้อยตกลงมาที่แขนของซือหยูู มันเพิ่งจะลืมตาจากการนอนหลับแต่เมื่อสัมผัสพลังวิญญาณอันหนาแน่นมันก็ตัวสั่นดวงตาสีม่วงเบิกกว้างราวกับระฆัง
กิเลนน้อยตื่นเต้นอย่างมาก มันชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้วแม้ว่ามันจะไม่ต้องการมันก็อยากจะเก็บสะสมซือหยูเคยเห็นแล้วว่ามันเก็บรวบรวมสิ่งของได้มากมายแค่ไหนในกระโจมเทพสวรรค์
“อี้ๆๆ!”
กิเลนน้อยหัวเราะ มันหายตัวไปโดยไม่รอให้ซื้อหมูสั่ง!ซือหยูเห็นมันอีกครั้งที่ตีนเขา มันกําลังวิ่งเป็นเส้นทางและกลืนกินเหล่าสมุนไพรต่างๆตลอดทาง
มันไม่ได้ดูดกลืนไปแค่สมบัติที่มีคุณสมบัติวิญญาณ มันยังดูดเอารากหญ้าวัตถุดิบที่เสียหายและของอื่นๆไปด้วย ไม่ว่าจะผ่านที่ไหน ที่นั่นก็จะกลายเป็นที่โล่งเตียน
ซือหยูเอามือปิดปากและเริ่มอับอายแปลกๆ
การไม่เหลืออะไรไว้เลยจะไม่โหดร้ายไปหน่อยรี?
แต่เขาก็หยุดกิเลนน้อยไม่ได้ในตอนนี้ เขาก้มหน้ามองภูเขารอบๆด้วยสายตาหม่นหมอง
ที่นี่มีภูเขาลูกเดียวที่มีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มันโล่งเตียนว่างเปล่าไม่มีแม้กระทั่งหนอนหรือพืชผักเหลืออยู่แม้แต่ผืนดินเองก็หายไป มันไม่มีชีวิตของสิ่งใดเหลืออยู่อีก มันกลายเป็นแค่ภูเขาลูกที่ตายแล้ว
เหตุผลเดียวที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะมีสิ่งที่ทรงพลังในภูเขานี้ หรือไม่ก็เพราะตัวภูเขาเองที่พิเศษและไม่เหมาะที่จะให้สิ่งใดอยู่อาศัย ซื่อหยุไม่พบว่ามีสัตว์อสูรอยู่ที่นี่ แสดงว่าที่นี่จะต้องไม่เหมาะที่จะให้สิ่งใดอยู่ได้
เขาใช้เนตรวิญญาณมองทะลวงไปในภูเขา เขาเบิกตากว้างทันทีเขาดีใจอย่างมาก นั่นก็เพราะเขาเห็นลูกมม้าสีขาวราวหิมะอยู่ในส่วนลึกสุดของพื้น
“ม้าเมฆา!”
แม้แต่กระโจมเทพสวรรค์ก็มิอาจเพาะบ่มสิ่งนี้ได้แต่ที่เก็บสมบัติหมื่นปีของอาณาจักรทมิฬกลับมีมัน! ม้าเมฆาของไปจงจะต้องมาจากที่นี่ เงาทมิฬที่จู่โจมือหยุตอนที่เขามาถึงที่นี่ก็ต้องเป็นพิษของม้าเมฆาเช่นกัน!
ซือหยูตาลุกวาว เขาห่มกายด้วยพลังวิญญาณและขุดดินไล่ตามมันไปแม้ม้าเมฆาจะเป็นสมุน ไพร มันก็มีสติปัญญาสูงส่งและขยับตัวได้เองมันเคลื่อนไหวเร็วขึ้นไปอีกเมื่อสัมผัสได้ว่าซือหยูไล่ตามมัน
“จะหนีข้าเรอะ?”
ชื่อหยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และไล่ตามมันต่อไป ซื่อหยุไล่มันจนมาถึงกลางภูเขาแต่จู่ๆพลังของม้าเมฆาก็หายไปเฉยๆ
เขาขุดภูเขาต่อไปและพบว่าตรงกลางภูเขานั้นเป็นช่องว่างมีอุโมงค์หลายขนาดที่นําไปยังโลกภายนอกอุโมงค์เหล่านี้คือทางออกจากที่นี่!
ช่องว่างกลางภูเขาไม่ได้ใหญ่มากนัก มันกว้างแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้นแสงสีม่วงเข้มส่องประกายตามผนังมันคือพิษร้ายแรงถึงตายที่บ่มเพาะที่นี่มานานมาก
“พิษรุนแรงมาก”
ซือหยูพูดกับตัวเอง เขาเรียกเกราะราชาศิลานิรันดร์ขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะถ้าคนที่ยังไม่เป็นภูติสัมผัสผนังนี้เบาๆทั้งร่างของเขาก็จะเน่าเปื่อยและตายทันที! นี่คือ ความร้ายแรงของพิษ!
ซือหยูลอยอยู่กลางช่องว่างเพื่อไม่ให้สัมผัสกับพิษ เขาจ้องมองพื้นที่ส่วนกลางที่นี่มีบึงสีดํา และหมอกสีม่วงหนาที่ลอยออกมาหมอกนี้คือหมอกพิษที่เหมือนกับหมอกที่ระเบิดออกมาในชั้นแปด!
หมอกพิษที่มาทุกครึ่งชั่วยามมาจากที่นี่? ซื่อหยุคิดและเหม่อลอย
เขาจ้องมองบึงพิษและหรี่ตา เขาใช้เนตรวิญญาณมองก้นบึง
“มันอยู่ในนั้นจริงๆด้วย!”
เขาเห็นลูกม้าขาวนอนอยู่ใต้ก้นบึงโดยไม่ขยับตัว!
จากนั้นเขาก็เห็นว่ามีลูกกลมสีขาวในบึงอีกสามร้อยลูกแต่ละลูกปล่อยพลังที่เหมือนกับม้าเมฆาออกมา! มันมีพิษที่ร้ายแรงเท่ากันด้วย
เดี๋ยวก่อน…นั่นมันเมล็ดม้าเมฆารี? ซือหยูจ้องมองมันไม่ละสายตา
ถ้าหากทั้งหมดนั่นเป็นเมล็ด เช่นนั้น
ซือหยูใจเต้นแรง ยากนักที่คนอื่นจะเพาะเลี้ยงเมล็ดเหล่านั้นเพราะต้องใช้พลังวิญญาณมหาศาลกับสภาพแวดล้อมพิเศษที่เหมาะกับการเติบโตของมัน แต่มันง่ายมากสําหรับซือหยูเพราะเขามีมุกวิญญาณเก้าหยก!
ถ้าเขาให้พวกมันทั้งหมดเติบโตที่นั่น
เพียงแค่คิดก็ทําให้ซือหยูตื่นเต้นจนถึงที่สุดแล้ว!
ข้าจะสร้างกองทัพที่เต็มไปด้วยคนที่แข็งแกร่งด้วยม้าเมฆาพวกนี้
ถ้าเขาเอามันไปรวมกับสมบัติทั้งหมดที่กิเลนน้อยเก็บเอาไว้พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับ!
“สุดท้ายข้าก็ต้องพึ่งตัวเองสินะ”
ซือหยูตาเป็นประกาย เขามีความสุขและดีใจมาก
เขายิ้มอย่างซุกซนเมื่อมองบึงทมิฬ ไม่นานก็มีขวดหยกอยู่ในมือซือหยูขวดหยกเหล่านี้เต็มไปด้วยเมล็ดของม้าเมฆา! น้ําพิษในบึงเองก็ระเหยออกไป!
ม้าเมฆาในก้นบึงมองซือหยูขณะที่ตัวสั่น มันส่งเสียงร้องอย่างโศกเศร้าออกมา
“มันเป็นแค่ต้นไม้ แต่ก็ดูเหมือนกับสัตว์ยิ่งนัก มันยังร้องด้วยความเศร้าได้ด้วยข้าชักจะสงสารแล้วนะ! ของหายากนี้ทําให้ข้ามีความรู้ใหม่จริงๆ!”
ซือหยูยิ้มและเก็บขวดหยกลงไป
เขาไม่จับม้าเมฆาต้นนี้ เขาโบกมือและหันกลับไป
“เจ้าเป็นของล้ําค่าหายาก เจ้าจงมีชีวิตต่อไปเถอะ”
เพราะที่นี่มีม้าเมฆาแค่สองต้น หนึ่งในนั้นถูกซือหยููกินไปแล้วต้นที่เหลือต้นนี้คงทําให้เขาเพิ่มพลังไม่ได้อีกเขาจึงรู้ว่าควรจะไว้ชีวิตมัน
เขากระโดดออกจากบึงและกลับไปที่พื้นภูเขาภายนอกเขามองรอบๆทุ่งหญ้าและเกือบจะตาถลนออกมา ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เขียวขจีได้กลายเป็นภูเขาร้างไว้ซึ่งสิ่งใด!
ไม่มีแม้แต่วัชพืชเหลืออยู่อีก ไม่มีอะไรเหลือให้อาณาจักรทมิฬอีกแล้วกิเลนน้อยกลืนกินทุกสิ่งในสายตาดูเหมือนมันจะไม่หยุดจนกว่าที่นี่จะว่างเปล่า!
“พอได้แล้ว! กลับมา”
ซือหยูเรียก กิเลนน้อยที่ตื่นเต้นก้มหัวลงและกลับมาหาเขาอย่างไม่เต็มใจ
ซื่อหยุไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้กับสิ่วงที่ได้เห็น เขาเสียใจมากและตําหนิกิเลนน้อย
“เจ้าเอาของที่อาณาจักรทมิฬสะสมหมื่นปีมาครึ่งหนึ่งแล้วยังไม่พอใจอีกรึไง!”