The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 671
671 – ชิงมุกเงิน
“ท่านสนใจมุกเลี่ยงวารีงั้นรึ?”
เจ้าของร้านยิ้มอย่างนอบน้อมเดินมาหาซือหยู
มุกเลี่ยงวารี? ซื่อหยูแอบดีใจ มุกเงินตรงหน้าเขาดูหม่นแสงลงไปมาก ดูเหมือนมันจะเป็นสมบัติธาตุวารี!
แต่มุกเม็ดนี้คล้ายกับมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าในตํานานที่บันทึกของผู้เฒ่าผิวเขียนเอาไว้อย่างมาก มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าในที่ขาดแคลนอย่างทวีปเฉินหลง มันน่าตกใจจริงๆ!
“มันราคาเท่าไหร่?”
ซื่อหยูพยายามสะกดอารมณ์เอาไว้ทําให้ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจมันนัก
เจ้าของร้านหลบตาอันมีเล่ห์เหลี่ยมและพูด
“ถ้าท่านอมมุกเลี่ยงวารีเอาไว้ในปาก ท่านจะอยู่ใต้น้ำได้เป็นสิบวันโดยไม่ต้องหายใจแม้สักครั้ง! มันเป็นสมบัติเทพระดับกลางที่หายากมาก และถ้าท่านมีสมบัติเทพระดับกลางขอย่างอื่นมาแลกล่ะก็ หึหึ”
มีคนอยู่หลายคนที่นี่ และเจ้าของร้านก็ไม่ได้แอบพูด ดังนั้นหลายคนจึงแอบหัวเราะในใจเมื่อได้ยินว่าเขาจะขายมันในราคาของสมบัติเทพระดับกลาง! พวกเขาเริ่มพูดถากถาง…
“สมกับเป็นไอ้โจรน้อย มันโลภมากนัก อยากจะขายสมบัติเทพระดับต้นอย่างมุกเลี่ยงวารีกับสมบัติเทพระดับกลาง!”
“จะมีคนโงโดนมันฟันกําไรอีกแล้วสินะ! คนทํากําไรที่มีชื่อของหอวา รีสวรรค์ก็คือมันนั่นแหละ! สองในสามที่มันขายเป็นของปลอม ส่วนของดีจริงๆก็ขายแพงมาก! มันโกงคนมาเยอะจนชื่อเสียงเน่าเฟะแต่เด็กนั่นก็มาซื้อของจากมันอีก!”
“เขายังเด็ก ดูจะยังไม่รู้เรื่องรู้ราวเท่าไหร่นะ…”
“เฮ้อ…เขาได้แต่ยอมรับโชคชะตาเท่านั้นแหละ ถ้ามาเจอกับไอ้โจรนั่น!”
“แต่ถูกฟันกําไรเสียตอนนี้ก็เป็นบทเรียนที่คุ้มค่า เขาไม่ได้ขาดทุนเท่าไหร่หรอกน่าที่ดี”
สีหน้าของซือหยูไม่ได้เปลี่ยนไปสักนิดเดียวเมื่อได้ยินเสียงของคนรอบๆ
“สมบัติเทพระดับกลางรึ? ข้าไม่มีหรอก”
ซือหยูยักไหล่อย่างหมดหวัง
นี่เป็นเรื่องจริง เขาไม่มีสมบัติเทพระดับกลางเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
“หม? ดูเหมือนเขาจะไม่ได้โง่นี่ ไปเถอะ ไม่มีอะไรสนุกๆให้พวกเราดูแล้ว ”
บางคนในกลุ่มคนหัวเราะ
เจ้าของร้านหนวดกระตุก เขาลูบมือทั้งสองและหัวเราะขณะที่พูด
“ถ้าท่านไม่มีสมบัติเทพระดับกลาง เช่นนั้นแลกกับสมบัติเทพขั้นต้นสามชิ้นก็ได้”
หลายคนหยุดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาหวังว่าโจรน้อยจะฟันกําไรจากเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้
“ข้าไม่มีสมบัติเทพระดับต้นเหมือนกัน”
ซือหยูส่ายหน้า
เจ้าของร้านสีหน้าหม่นหมอง เขาเริ่มมองซือหยูอีกครั้งและขมวดคิ้ว นั่นก็เพราะเขาเห็นว่าซือหยูดูไม่ธรรมดาและสวมเสื้อผ้าที่ที่เหมือนกับมาจากสํานักที่ร่ำรวย! แต่ซื่อหยูกลับไม่มีสมบัติเทพแม้แต่ชิ้นเดียว เจ้าของร้านรู้สึกท้อแท้
“ท่านลูกค้า ร้านข้าไม่ได้ซื้อขายด้วยชื่อเสียงของสํานักใดทั้งนั้น เหตุใดท่านไม่ไปร้านอื่นเล่า?”
เจ้าของร้านแสร้งทําเป็นสุภาพและเป็นมิตรขณะที่พยายามจะไล่เขาไป
ซื่อหยุไม่คิดจะมีปากเสียงกับเขา เพราะเขาก็ไม่มีสมบัติเทพระดับต้นหรือระดับกลางทั้งนั้น สมบัติระดับต่ำสุดที่ซือหยูมีก็คือสมบัติเทพระดับสูง!
“แล้วสมบัติเทพระดับสูงเล่า? ถ้าเจ้าให้ข้าแลกได้ เจ้าเอาสมบัติเทพระดับต่ำสักสามชิ้นมารวมกับมุกเลี่ยงวารี เจ้าจะว่าอย่างไร?”
ซื่อหยูพูดและหยิบเอาค้อนเหล็กที่มีควันดํารอบๆออกมา
แรงดันวิญญาณอันรุนแรงปะทุออกมาจากค้อน ทุกคนรอบๆที่เพิ่งจะล้อเลียนซือหยูรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล พวกเขาเงียบกริบลงไป
พวกเขาเบิกตากว้างราวกับระฆัง พวกเขาตกใจเป็นอย่างมากและจ้องมองค้อนอสูรทมิฬในมือซือหยูตาไม่กระพริบ เสียงคนกลืนน้ำลายดังขึ้นพร้อมกัน เสียงนี้ราวกับฟองน้ำที่แตก
ทวีปเฉินหลงนั้นแร้นแค้นขาดแคลนทรัพยากร เป็นไปไม่ได้ที่คนนอกจากภูติจะมีสมบัติเทพระดับสูง แต่ตอนนี้มีคนหนึ่งคนที่นําสมบัติเทพระดับสูงมาแลกกับมุกเลี่ยงวารี!
แม้แต่เจ้าของร้านก็งุนงง เขาเบิกตากว้าง เขาจ้องมองค้อนอสูรทมิฬด้วยแววตาว่างเปล่า
ราคาของสมบัติเทพระดับสูงนั้นเทียบเท่ากับสมบัติเทพระดับกลางห้าชิ้น การแลกมันกับมุกเลี่ยงวารีและสมบัติเทพระดับต่ำอีกสามชิ้นนับว่าเป็นกําไรอย่างงาม ดังนั้นทุกคนคงจะเป็นบ้า ถ้าหากได้รับข้อเสนอเช่นนี้
แต่หน้าผากของเจ้าของร้านในตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ เขาคิดว่าจะทิ้งสมบัติเทพสามชิ้นไปได้อย่างไร
“เอาล่ะ เจ้าจะแลกกับข้าหรือไม่? ถ้าเจ้าไม่อยากแลก ข้าก็จะไปร้านอื่นแล้ว”
ซื่อหยุทําท่าที่ราวกับไม่สนใจมุกเลี่ยงวารี เขาหวังว่าเจ้าของร้านจะมองไม่ออก
เจ้าของร้านเริ่มกระวนกระวาย
“ท่านลูกค้า ขออภัยที่ข้าไม่รู้จักและดูหมิ่นท่าน ท่านก็เห็นว่าร้านข้าเล็กนัก ข้าซื้อสมบัติเทพระดับสูงของท่านไม่ไหว”
เจ้าของร้านหน้าแดง เขามองซือหยูผิดไปจริงๆ
ซือหยูมองเขาอย่างใจเย็น
“ถ้าเจ้าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก เจ้าก็ลงเอยด้วยการขายหน้าตัวเองเช่นนี้ เอามุกเลี่ยงวารีมาให้ข้าได้แล้ว…”
ซื่อหยูพูดกและหันกลับ เขาเตรียมจะโยนค้อนอสูรทมิฬให้กับเจ้าของร้าน
“ท่านลูกค้า ท่านจะซื้อมันด้วยสมบัติเทพระดับสูงจริงๆรึ?”
ดวงตาของเจ้าของร้านแทบจะหลุดออกจากเบ้า
ทุกคนที่มองดูทั้งคู่ตอบสนองแบบเดียวกัน พวกเขาจ้องมองซือหยูด้วยแววตาว่างเปล่า เขาจ้องมองซือหยูผู้ที่กําลังจะโยนค้อนอสูรทมิฬให้กับเจ้าของร้าน!
ซือหยูเริ่มที่จะทนไม่ไหว
“เอามันมาให้ข้า”
เจ้าของร้านกลับมาได้สติ เขาดีใจมาก และเขายังตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว เพราะเขาจะได้กําไรครั้งใหญ่!
“ขอรับ…”
ทุกคนมองด้วยความอิจฉาและตกใจ เจ้าของร้านหยิบเอามุกเลี่ยงวารีให้กับซือหยู
ซือหยูตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น เขาแทบจะไม่เชื่อว่าเขาจะได้ข้อเสนอนี้มา! แต่เมื่อซือหยูยื่นมือไปรับก็มีสายลมรุนแรงพัดมาที่ด้านหลัง
ตัวสายลมมิได้กว้างนักแต่ก็มีพลังที่รุนแรง มันทําให้ซือหยูรู้สึกว่ามีอันตรายกําลังเข้ามา เขารีบหลบโดยไม่ลังเล
แกรั้ง!
เสียงแหลมใสดัง พัดพุ่งเข้าไปกระแทกมุกเลี่ยงวารี พัดถูกถือด้วยมือที่ดูซ้ำๆและมีอายุแต่มีนิ้วที่ยาวมาก นิ้วของเขาเปล่งแสงสีอมเขียว มันเป็นมือที่เหมือนกับมือของคนตาย!
“หึหึ คิดจะแลกมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าขั้นต้นกับสมบัติเทพขั้นสูงแค่ชิ้นเดียวเรอะ? ถูกต้องแล้วที่เจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์หลอกผู้คนแบบนี้?”
เสียงแหบพร่าดังมาจากด้านหลัง มันมาพร้อมกับสายลมอันเยือกเย็นที่ทําให้ตัวสั่น
ซือหยูหันไปมองอย่างใจเย็น เขาเห็นใบหน้าซีดของชายหนุ่มตรงหน้า ชายหนุ่มผู้นี้มีผมสีเทาสะท้อนสีอําพัน ใบหน้านั้นดูเหมือนจะมีพลังสีเขียวๆอยู่ด้วย เขาดูไม่เหมือนมนุษย์แม้แต่น้อย ทุกลมหายใจของเขาถูกปล่อยออกมาเป็นความเยือกเย็น
ร่างกายของเขาปล่อยรังสีแห่งความตายที่ทําให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจออกมาเต็มไปหมด ชายคนนี้ดูราวกับซากศพเสียยิ่งกว่าราชาโลกดับสูญของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์! แต่ซือหยูมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าวิญญาณของเขาเป็นของสิ่งที่ยังไม่ตายด้วยเนตรวิญญาณ
“จ้าวสาม!”
บางคนตะโกนออกมา ครึ่งหนึ่งมีความกลัว อีกครึ่งคือความเคารพนับถือ
ครู่ก่อน พวกเขายังคงตกตะลึงเมื่อเห็นการใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายของซือหยู แต่ตอนนี้พวกเขาต้องเงียบลง หลายคนไม่สังเกตเห็นถึงชายหนุ่มสีเขม่ามาจนถึงตอนนี้
ซือหยูหรี่ตา เขาสงสัยว่านี้คือจ้าวแห่งความมืดลําดับสามคนก่อนที่อาศัยอยู่ในตําหนักเจ็ดจ้าวซือหยูเบิกตากว้างเมื่อมองดูเขา เขาบอกได้เลยว่าจ้าวสามคือภูติระดับสี่
เขาเป็นแค่ลําดับสามแต่ก็มีพลังภูติระดับสี่แล้ว ซื่อหยุสงสัยว่าลําดับสองกับจ้าวแห่งความมืดคนแรกจะแข็งแกร่งเพียงใด! เพราะทั้งสองยังไม่ได้แสดงตัวออกมา
ฐานพลังของเจ็ดจ้าวแห่งความมืดเหนือกว่าที่คนจากภายนอกคิดเอาไว้ ทวีปเฉินหลงมิได้เป็นทวีปบ้านนอกที่มีภูติแค่สามคนอีกแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจ้าวสามจะคิดไม่ดีกับซือหยูเท่าใดนัก
“จ้าวสามรี? ไม่มีใครสอนเจ้ารีว่าใครมาก่อนได้ก่อน?”
ซือหยูเถียงกลับอย่างเยือกเย็น
“ส่วนเรื่องหลอกเขา ที่ดี มุกเงินเลี่ยงสายฟ้าอยู่ที่นี่มานานแต่ก็ไม่มีใครดูออก แต่มีหน้ามาว่าคนที่มีความรู้ที่รู้จักมันทั้งๆที่คนอื่นไม่รู้ได้อย่างไร? คนที่ควรจะถูกหัวเราะเยาะก็คือพวกเจ้าทุกคนที่ไม่รู้จักมันเลย!”
จ้าวสามยิ้มอย่างดุร้าย
“มิใช่แค่เจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะมีพลังระดับดี แต่คําพูดคําจาเองก็เองก็ดีไม่น้อยเหมือนกัน”
ซือหยูยิ้มอย่างเยือกเย็น
“ยังมีเรื่องอื่นอีกที่เจ้าจะต้องตกใจ”
ปั้ง!
ซือหยูสั่นไปทั้งตัว เส้นโลหิตสีทองเผยออกมาเมื่อเขาจะตบพัดทิ้งด้วยมือ
“ถึงคนอยากเจ้าอยากจะปัดพัดของข้า…มันก็แค่…”
จ้าวสามเยาะเย้ยซือหยู
แต่เมื่อฝ่ามือซือหยูสัมผัสกับพัด พลังอันรุนแรงที่เหนือกว่าคาดบัดพัดจนแทบจะหลุดมือของจ้าวสาม มันทําให้เขาอับอายต่อหน้าฝูงชน
แต่จ้าวสามก็เป็นภูติระดับสี่ เขาได้ใช้นิ้วก้อยเกี่ยวพัดให้ไม่หลุดมือ เขาพยายามจะชิงมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าอีกครั้ง
แต่เพียงเวลาสั้นๆซือหยูก็คีบมันมาไว้ในมือ เขาเก็บมันลงในแหวนมิติทันที และตอนนี้มุกเงินเลี้ยงสายฟ้าก็ได้เป็นของเขาแล้ว ถ้าหากมีใครอยากจะขโมยมันก็ต้องชิงไปจากแหวนมิติของซือหยู ซึ่งนั้นก็ต้องข้ามศพของเขาไปก่อน!
“กล้าดียังไงถึงมาทําแบบนี้ทั้งๆ ที่อยู่ในอาณาจักรทมิฬของข้า!”
จ้าวสามหรี่ตาและเริ่มโกรธแค้นจากความอัปยศ เขาชิงมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าล้มเหลวต่อหน้าทุกคน
ซือหยูสะบัดเสื้ออย่างใจเย็น
“แม้โลกจะกว้างใหญ่แต่ก็มีกฏที่ต้องทําตาม เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาขโมยของของคนอื่นรึ?”
ทุกคนหวาดกลัวเมื่อได้ยินคําพูดของซือหยู แม้ว่าดูเหมือนจ้าวสามพยายามจะขโมยมันจริงๆ คําพูดแบบนี้ก็ไม่ควรพูดออกมาต่อหน้าเขา!
นั่นก็เพราะว่าในบรรดาอดีตเจ็ดจ้าวแห่งความมืด จ้าวสามนั้นมีอารมณ์ที่รุนแรงกว่าใครและเป็นคนที่โกรธแค้นอย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีจ้าวแห่งความมืดคนใดที่จะยั่วยุเขาในทุกทาง
“จะถูกต้องหรือไม่ คนที่ตัดสินก็คือข้า”
จ้าวสามโกรธแค้น
“ข้าจะให้เวลาเจ้าสามลมหายใจเพื่อเอามันคืนมา แล้วออกไปจากอาณาจักรทมิฬซะมิเช่นนั้น”
“มิเช่นนั้นอะไรเล่า? ถ้าอยากจะสู้ข้าก็จะสู้กับเจ้า ถึงข้าจะไม่แข็งแกร่ง ข้าก็มีพลังที่มากพอจะจัดการเจ้า”
ซือหยูเยือกเย็นหนักแน่น เขาไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
จ้าวสามไม่พอใจอย่างมาก เขาหัวเราะเยาะ
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะดูถูกข้าได้เพราะเป็นเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เรอะ? ข้าจะบอกเจ้าตรงๆว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ของเจ้ามันไม่ได้อยู่ในสายตาตําหนักเจ็ดจ้าวด้วยซ้ำ! พวกเจ้ามันก็แค่ตัวตลก!”