The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 692
692 – ซากทัพที่แตกพ่าย
มีชายวัยกลางคนที่สวมผ้าคลุมอยู่อีกหนึ่งคนเขานั่งหลับตาบ่มเพาะพลังอยู่
ข้างกายเขามีชายหนุ่มหนึ่งคนยืนอยู่ด้วยความนับถือชายผู้นี้เคยต่อสู้กับซือหยูมาก่อน เขาคือหกศักดิ์สิทธิ์! เขาที่เป็นภูติระดับสามกำลังอารักขาให้กับชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาผู้นี้!
“นั่นมันใครกัน?”
ซือหยูหรี่ตามองด้วยเนตรวิญญาณ
ทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็ลืมตาขึ้นเนตรวิญญาณของซือหยูถูกสะท้อนกลับ! นี่เป็นครั้งแรกที่พลังจิตวิญญาณของเขาถูกสะท้อน!
ชายวัยกลางคนในผ้าคลุมหรี่ตามองไปไกลดูเหมือนเขาจะรับรู้ตัวตนของซือหยูแล้ว
“น่าสนใจจริงๆอาณาจักรทมิฬส่งคนสำคัญมาที่นี่สินะ? ถ้าเจ้ามาถึงแล้ว ทำไมไม่แสดงตัวออกมาเล่า?”
เสียงของชายวัยกลางคนนั้นดูหยาบลึก
“ยินดีต้อนรับท่านสี่ศักดิ์สิทธิ์ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”
คนจากฝั่งต่างโลกรวมถึงห้าศักดิ์สิทธิ์ต่างคุกเข่าต้อนรับการลืมตาตื่นของเขา
ซือหยูเบิกตากว้างสี่ศักดิ์สิทธิ์รึ?
ทำไมสี่ศักดิ์สิทธิ์ถึงมาอยู่ที่นี่?ไม่ใช่ว่าห้าศักดิ์สิทธิ์คือคนระดับสูงสุดที่จิวโจวส่งมารึ?
“เจ้าทำได้ดีที่ยื้อเวลาให้ข้าผ่านจิวโจวมาถึงที่นี่ได้”
สี่ศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจยาวเขาดูสดชื่น
สี่ศักดิ์สิทธิ์ยิ้มมองเหล่าจ้าวแห่งความมืดเขามองไปที่จ้าวหนึ่ง
“ภูติระดับหกฐานพลังของเจ้าเทียบเท่าข้า ไม่คิดเลยว่าที่แบบนี้จะเพาะบ่มภูติระดับหกขึ้นมาได้ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องมาอยู่ในขอบเขตภูติเมื่อสามปีก่อน…”
สี่ศักดิ์สิทธิ์พูดด้วยความมั่นใจที่มุมปากของเขาแสยะยิ้มมองมาทางซือยหูที่อยู่ห่างออกไปสิบลี้
ในตอนนั้นจ้าวหนึ่งใช้มือกดหน้าท้องที่เลือดไหล ใบหน้าแก่เฒ่าของเขาบิดเบี้ยวราวกับกำลังเจ็บปวดอย่างรุนแรง
ตามทางมายังที่นี่เขาสังหารทหารในทัพของห้าศักดิ์สิทธิ์ไปมากมาย แม้ว่าทัพทมิฬจะมาช่วยจากด้านหลัง เขาก็ยังได้เปรียบ
เมื่อห้าศักดิ์สิทธิ์ถูกไล่ต้อนจนมาถึงรอยแยกมิติพวกเขาก็ควรจะถูกฆ่าทั้งหมด รอยแยกมิติจะถูกปิดไปตลอดกาล แต่ในช่วงเวลาสุดท้าย กลับมีชายคนหนึ่งก้าวออกมาจากรอยแยกมิติ!
การจู่โจมทันทีทันใดของเขาทำให้เจ้าหนึ่งบาดเจ็บอย่างรุนแรงเมื่อเขาปรากฏตัวก็ดูเหมือนว่าเขาไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่และต้องพักเพื่อปรับพลังในเวลาสั้นๆ คนอื่นๆไม่กล้าจะเคลื่อนไหวตั้งแต่ตอนนั้น
จ้าวหนึ่งใบหน้าหม่นหมองเขาหนักใจอย่างใหญ่หลวง แม้ทั้งคู่จะเป็นภูติระดับหก แต่เขาอ่อนแอกว่าสี่ศักดิ์สิทธิ์
แม้ศัตรูจะโจมตีออกมาอย่างคาดไม่ถึงแต่การที่จ้าวหนึ่งตอบสนองไม่ทันก็บ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของสี่ศักดิ์สิทธิ์ การมาของชายผู้นี้ได้พลิกสถานการณ์ไปโดยสิ้นเชิง
“ถ้าเจ้ายอมแพ้ตอนนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดไปได้…”
สี่ศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างสบายใจ
“เจ้ายังไม่แกร่งพอที่จะสู้กับข้าอย่ามาสละชีวิตเปล่าๆเลย”
จ้าวหนึ่งจ้องมองและตะโกน
“เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วมาสู้ด้วยกันเถอะ!”
ถ้าเขาปล่อยให้สี่ศักดิ์สิทธิ์ออกไปจากที่นี่สิ่งที่เขาพยายามมาทั้งหมดจะสูญเปล่า ทวีปจะถูกพวกจิวโจวยึดครองอีกครั้ง จากนั้นทหารนับไม่ถ้วนของอาณาจักรทมิฬก็จะตายอย่างสูญเปล่า
“ฆ่ามัน!”
เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวดังมาจากทุกคนเหล่าจ้าวแห่งความมืดล้วนส่งเสียงพร้อมที่จะทำสงคราม
ในด้านจำนวนพวกเขามีอยู่มากกว่าเห็นๆ แม้ว่าจะทำอะไรสี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ แต่พวกเขาก็พอจะกำจัดทหารที่เหลือได้
ท่าทางสบายใจของสี่ศักดิ์สิทธิ์จางหายไปแทนที่ด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าจะอวดดีไปหน่อยแล้ว!ฆ่ามันให้หมด!”
เขาตะโกน
สี่ศักดิ์สิทธิ์ยกมือขึ้นคว้าพลังชีวิตรอบข้างซัดใส่ทหารที่พุ่งจู่โจมเขาก้อนพลังไร้ลักษณ์ระเบิดกลางดงทหาร
ปั้ง
ทหารสิบคนกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที!ห้าศักดิ์สิทธิ์ หกศักดิ์สิทธิ์ เก้าศักดิ์สิทธิ์ และฮงหยูกับเหล่าทัพทมิฬเริ่มที่จะจู่โจมตามมาพร้อมกัน ทั้งสองฝ่ายกำลังนองเลือด!
แต่ดูเหมือนว่าทางฝ่ายอาณาจักรทมิฬจะไม่สู้ดีนักแม้ว่าตำหนักเจ็ดจ้าวจะมาพร้อมกับกำลังจำนวนมากที่พอจะต้านกับเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์ไหว แต่ฮงหยูก็ยังบังคับทัพทมิฬต่อได้เพราะประสบการณ์ในสงคราม
ทุกการเคลื่อนไหวของทัพทมิฬสามารถสังหารทหารจำนวนมากของอาณาจักรทมิฬได้ประสิทธิภาพของทัพทมิฬนั้นเหนือกว่าสี่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ
“ยังไงก็เป็นกองทัพของราชาข้าล่ะนะ”
สี่ศักดิ์สิทธิ์แสดงความนับถือต่อเหล่าทหารของฝ่ายตนเอง
“ข้ายิ่งสงสัยเรื่องเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เข้าไปใหญ่ยากที่จะเชื่อว่ามีคนอย่างเขาอยู่ในทวีปเฉินหลง”
ห้าศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างพอใจทัพทมิฬแข็งแกร่งจนกำจัดทัพอาณาจักรทมิฬได้ในเวลาไม่นาน! สิ่งที่เกิดขึ้นราวกับการไล่สังหารอยู่ฝ่ายเดียว!
แน่นอนว่าคนที่สนับสนุนส่วนใหญ่ก็คือสี่ศักดิ์สิทธิ์พวกเขาเหนือกว่าจ้าวหนึ่งได้ก็เพราะมีสี่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย มิเช่นนั้นพวกเขาก็คงจะทำอะไรต่อหน้าภูติระดับหกไม่ได้เลย
ทุกคนในตำหนักเจ็ดจ้าวหวาดกลัวในความไร้เทียมทานของทัพทมิฬถ้าพวกเขายังต่อสู้ตัวไป สิ่งเดียวที่รอคอยอยู่ก็คือความพ่ายแพ้อย่างหมดท่า ตอนนี้มันแย่เสียยิ่งกว่าแย่!
“ข้าจะรับมือสี่ศักดิ์สิทธิ์พวกเจ้าหาทางรับมือทัพของมัน!”
จ้าวหนึ่งตะโกนและโจมตีต้านสี่ศักดิ์สิทธิ์
ในเวลาเดียวกันจ้าวเจ็ดที่เป็นภูติระดับสองได้ก้าวออกจากศัตรูที่ล้อมรอบ เขาเสนอตัว
“เดี๋ยวข้าจะกลับมา!”
เขาพุ่งออกไปนำทัพหมัดทั้งสองข้างของเขามีเพลิงสว่างจ้า เขานำทัพไปหาเหล่าศัตรู
เหล่าลูกธนูและหอกที่สัมผัสกับหมัดของเขากลายเป็นฝุ่นผงในทันทีทัพอาณาจักรทมิฬส่งเสียงดังและมีแรงสู้
“เจ้าพวกไร้สมองเอ้ย”
ฮงหยูยิ้มเหยียดหยามและออกคำสั่ง
“ตั้งทัพ!”
ทัพทมิฬได้เปลี่ยนกระบวนรบในทันทีเหล่าพลธนูได้มายืนแนวหน้าขณะที่พลหอกอยู่แนวหลัง
พลหอกหยิบเอาหอกยาวออกมาจากด้านหลังและหักมันเป็นสองท่อนยื่นให้กับพลธนูที่อยู่แนวหน้ากระบวนรบนี้นั้นเหมือนกับตอนที่พวกเขาสู้กับพันธมิตรผู้คุมสวรรค์
หอกยาวพุ่งเข้าใส่เป้าหมายหอกได้ระเบิดขณะที่อยู่กลางอากาศ กองเพลิงเล็กนับไม่ถ้วนลุกไหม้ทหารอาณาจักรทมิฬจนกลายเป็นทะเลเพลิง ทหารหลายร้อยคนร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดจากเพลิง
จ้าวเจ็ดคิดอ่านไม่ทันการและตกอยู่ในกองเพลิงด้วยแต่เขาที่เป็นภูติระดับสองใช้พลังชีวิตป้องกันเพลิงไม่ให้เผาผิวกายได้
แต่เมื่อเขาใช้พลังชีวิตหอกยาวเล่มหนึ่งก็มาถึงตัวเขาโดยไม่ทันตั้งตัว! พลังชีวิตที่ปกคลุมผิวกายถูกทำลายในทันทีที่หอกพุ่งทะลวงช่องท้องของเขา!
การลอบจู่โจมนี้มิได้สำเร็จเพราะหอกมาอย่างไร้ซุ่มเสียงแต่มันเป็นเพราะเสียงของเพลิงที่ลุกไหม้ได้กลบเสียงอย่างอื่นไป! ท้องนภาที่เต็มไปด้วยเพลิงยังขัดขวางดวงตาของเขาจนมองไม่เห็นหอก
ฮงหยูที่เชี่ยวชาญการรบนั้นสามารถจัดการกับสภาพแวดล้อมให้เป็นใจได้เพื่อสังหารแม่ทัพฝ่ายตรงข้าม
“ระเบิดไปซะ”
ฮงหยูหัวเราะอย่างเยือกเย็น
หอกเล่มยาวที่แทงร่างจ้าวเจ็ดระเบิดในพริบตาเพลิงได้แผดเผาเขาจากภายใน จ้าวเจ็ดกรีดร้องอย่างน่าเวทนา ภูติระดับสองตายไปทั้งอย่างนั้น!
ทัพทมิฬแทบจะไม่เป็นอะไรเลย!เหล่าจ้าวแห่งความมืดใจหายเมื่อเห็นสิ่งวที่เกิดขึ้น ทัพทมิฬมันเป็นกองทัพแบบใดกัน?
พวกเขาใจหายยิ่งกว่าเดิมเมื่อมองจ้าวหนึ่ง
ในไม่ถึงสิบกระบวนท่าระหว่างเขากับสี่ศักดิ์สิทธิ์บาดแผลชุ่มโลหิตปรากฏอีกครั้งที่อกของจ้าวหนึ่ง โลหิตพุ่งออกมาจากปากของเขา
แต่สี่ศักดิ์สิทธิ์กลับไม่เป็นอะไรเลยเขาไม่ได้ก้าวเดินแม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ!
“ถึงฐานพลังของเจ้าจะอยู่ในขั้นดีพื้นฐานของเจ้าก็อ่อนแอนัก วิชาของเจ้าก็เป็นวิชาระดับต่ำ ถ้าเป็นในจิวโจว เจ้าคงจะสู้กับได้สูสีกับภูติระดับห้าเท่านั้น”
สี่ศักดิ์สิทธิ์วิเคราะห์พลังของจ้าวหนึ่ง
เขาละสายตาไปมองทัพทมิฬ
“ฆ่ามันให้หมดมาจบเรื่องนี้โดยเร็ว”
“ขอรับ!”
แม่ทัพฮงหยูตอบรับด้วยความนับถือเขามองไปยังทัพอาณาจักรทมิฬและหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“พวกมันก็แค่ขยะ!ฆ่ามันต่อไป!”
เมื่อได้ยินคำสั่งที่ดูธรรมดาทัพทมิฬได้เปลี่ยนกระบวนรบอีกครั้ง ทุกการโจมตีของทัพทมิฬจะคร่าชีวิตคนอาณาจักรทมิฬไปมากกว่าสิบชีวิต
ทหารอาณาจักรทมิฬลดจำนวนลงด้วยความรวดเร็วพวกเขาจะต้านต่อไปได้อีกไม่กี่นาทีเท่านั้น!
สถานการณ์ที่พลิกผันทำให้เหล่าจ้าวแห่งความมืดตื่นตระหนกพวกเขากำลังย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด!
“อีกคนหนึ่งไปที!”
จ้าวหนึ่งพูดด้วยสีหน้าหม่นหมอง
ณตอนนี้ มีแค่จ้าวลำดับที่สอง สี่ ห้า และหกเท่านั้นที่รวมกลุ่มกัน จ้าวสองช่วยจ้าวสี่และจ้าวห้ารับมือกับทัพของห้าและหกศักดิ์สิทธิ์ ส่วนจ้าวหกเองก็กำลังต่อสู้กับเก้าศักดิ์สิทธิ์
ทุกคนล้วนสงสัย…พวกเขาจะเอาคนจากไหนมาอีก?
“ข้าเอง!”
จ้าวหกกัดฟันพูด
พลังของเขาไม่ต่างจากจ้าวเจ็ดมากนักทั้งคู่เป็นภูติระดับสอง ถ้าเขาไปตอนนี้ เขาก็อาจจะไม่ได้ลงเอยดีไปกว่าจ้าวเจ็ด นี่คือภารกิจฆ่าตัวตายอย่างเห็นได้ชัด!
แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นดูเหมือนว่าพวกเขาเพียงแค่ยื้อเวลาตายของตัวเอง
จ้าวแห่งความมืดที่เหลือมิอาจผละมือมาได้ต่อให้มีหนึ่งคนที่ผละตัวออกมา คนที่เหลือก็จะตายอย่างแน่นอน
มีเพียงจ้าวหกที่จะยื้อเวลาได้แม้จะไม่มาก แต่การไปของเขาก็คือการส่งตัวเองไปตาย
จ้าวหกหายใจเข้าลึกด้วยความมุ่งมั่น
“ไอ้พวกบัดซบข้าจะฆ่าเจ้าให้หมด!
แม่ทัพฮงหยูหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“อยากตายนักรึไงเจ้าไม่มีสิทธิ์อะไรจะมาสู้กับพวกข้า แต่ถ้าอยากตายก็จงตายไปซะเถอะ”
เหล่าพลธนูและพลหอกรีบเปลี่ยนกระบวนรบแต่จากนั้นก็มีศรพลังชีวิตทะลวงผ่านนภาไปยังทัพทมิฬ
แม่ทัพฮงหยูมองมัน
“ใครน่ะ?ศรพลังชีวิตนี่ไม่ได้ผลหรอก ช่างมันไป…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบศรพลังชีวิตได้ระเบิดออก! มีเส้นขนสีขาวหลายสิบเส้นกระจายออกมาจากแรงระเบิด มันกระจายไปยังทุกทิศทาง
พร้อมกันนั้นเสียงร้องจากความเจ็บปวดดังก้องหูทุกคน คนที่ได้สัมผัสกับขนสีขาวกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที!
เพียงพริบตาเดียวทหารสามสิบคนของทัพทมิฬได้กลายเป็นฝุ่นผง! ภาพอันน่าตกใจทำให้แม้แต่คนในอาณาจักรทมิฬตกตะลึง
“พิษม้าเมฆา!”
แม่ทัพฮงหยูตัวแข็งทื่อในแววตามีความหวาดกลัว
ถ้าหากมองทัพทมิฬตอนนี้ก็จะเห็นว่าท่าทางประดุจเหล็กล้าที่เคยมีได้กลายเป็นความตื่นตระหนกเมื่อมองไปยังทิศของลูกธนูพวกเขาราวกับได้เห็นอสูรปรากฏกาย
“ซากทัพอย่างพวกเจ้ากล้าดียังไงที่มาก่อความวุ่นวายเช่นนี้?”
เสียงเย็นชาดังมาจากชายหนุ่มผมสีเงินเขาปรากฏตัวจากเบื้องบน ในมือของเขามีธนูสีเงินอยู่ด้วย