The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 706
706 – ไม่คํานับต่อฟ้าดิน
เมื่อจางยู่เฟยมองออกไปนางก็พบกับหญิงสาวสง่างามนั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกันนางนั่งด้วยท่วงท่าที่ดูดีและเขินอาย
“นั่นมันองค์หญิงหยุนหยานคู่หมั้นของลี่ห่าว ไม่คิดเลยว่านางจะมา”
จางยู่เฟยมองนางแปลกๆทุกคนในสำนักหลิวเซี่ยนรู้เรื่ององค์หญิงหยุนหยานกับคู่หมั้นของนาง
ลี่ห่าวพยายามจะใส่ร้ายซือหยูแต่สุดท้ายก็ล้มเหลว ซ้ำร้ายเรื่องยังพลิกกลับจนหยุนหยานเกือบจะถูกบังคับให้แต่งงานกับซือหยู มันกลายเป็นเรื่องตลกในสำนัก
“ข้าเคยได้ยินว่าหยุนหยานปิดตัวอยู่ในบ้านเพื่อเลี่ยงซือหยูนางจะต้องมาในวันนี้เพราะแรงกดดันจากครอบครัวแน่”
ฉีหงซื่อพูดและหัวเราะ
จางยู่เฟยพยักหน้า
“ดูเหมือนว่าทุกคนที่ซือหยูรู้จักจะมาที่นี่หมดแล้วไม่แปลกที่ทุกคนได้รับเชิญ ขนาดพ่อของศิษย์เจ้ายังได้รับเชิญเลย”
ทั้งคู่หันไปมองศิษย์ของฉีหงซื่อนั่นก็คือลี่จุน เขาเพิ่งจะอายุสิบปีแต่ก็นั่งอย่างสงบนิ่งข้างผู้เป็นพ่อของเขาที่สวมชุดสีทอง
“ท่านพ่อตำนานของทวีปเป็นสหายเก่าของท่านจริงๆ…”
ลี่จุนยืนขึ้นและโค้งคำนับให้กับราชาวัยกลางคนลี่จุนภูมิใจและแปลกใจเป็นอย่างมาก
และลู่จุนผู้นี้ก็เลือกหนทางในการบ่มเพาะพลังเขารู้ความหนักหนาของนามซือหยูดียิ่งกว่าพ่อของเขา นามของซือหยูคือตัวแทนผู้อยู่จุดสูงสุดในโลกการบ่มเพาะ
ดังนั้นซือหยูจึงเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตการได้รับเชิญจากเขาถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
“น้องซือเจ้ายังจำข้าได้หรือไม่? ข้าคือองค์ชายสามที่เจ้าเคยรู้จักนั่นแหละ”
ชายชุดสีทองพูด
“ยินดีด้วยสหายเก่า”
ที่โต๊ะไม่ไกลนักฉีตงไล่ดูจะเสียใจอยู่เล็กน้อย เขาถอนหายใจ
“หึหึชะตาเขียนเอาไว้แล้ว เจ้ายังไม่คิดจะปล่อยไปอีกรึเจ้าตำหนัก? ชะตาของนางก็ถูกตัดสินไว้แล้ว ให้นางแบกรับไว้เองเถอะ”
หลินหยุนฮีพูดและหัวเราะเบาๆเขาพยายามปลอบเจ้าตำหนักฉี
ฉีตงไล่ถอนหายใจอีกครั้งและเหลืองมองฉีหยุนเซี่ยงที่นั่งข้างๆเขาเขารู้สึกหมดหวัง
“ท่านพ่อข้าไม่เป็นไร”
ฉีหยุนเซี่ยงยิ้มอย่างอ่อนโยนแต่ก็ดูเหมือนการฝืนยิ้ม ทุกคนบอกได้เลยว่านางกำลังคิดหนัก
ด้านหลังมีโต๊ะที่เป็นที่สนใจอย่างมากเพราะมันเต็มไปด้วยหญิงสาวงดงามจากทั้งทวีปผู้คนกลุ่มเดียวที่เป็นเช่นนี้ก็คือคณะวิหคเพลิง
“ท่านอาจารย์ท่านไม่รู้สึกแย่รึ?”
เฟิงเซี่ยนถามและเกือบจะหัวเราะแต่นางก็พยายามจะพูดให้เบาที่สุด
จ้าวคณะวิหคเพลิงพยายามจะไม่สนใจ
“ไม่มีสิ่งใดระหว่างข้ากับเขานอกจากส่วนของอดีตส่วนเจ้าก็ต้องรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน ไม่ใช่หรอกรึ?”
รอยยิ้มของเฟิงเซี่ยนจางหายไปนางเงียบไปก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“มีไม่กี่คนนักที่จะกล้าทำเรื่องเช่นนี้!เขาไม่เหมือนใครจริงๆ…”
มีคนอื่นพูดขึ้นมาบ้าง
คนที่รู้เรื่องอดีตของซือหยูจะเข้าใจความตั้งใจของเขาเขามักจะทำตามใจอยากเสมอ
ดังนั้นจึงไม่แปลกสำหรับพวกเขาที่ซือหยูจะเลือกไม่คำนับต่อฟ้าดินเพราะมีหลายต่อหลายครั้งที่เขาได้เพิ่มพลังและสถานะขึ้นมา รวมถึงตอนที่เขาบ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์…เขาไม่เคยก้มหน้าให้กับสวรรค์แม้สักครั้ง
ทุกคนยิ้มมองซือหยูด้วยความเงียบเขากำลังจะดำเนินงานวิวาห์ด้วยวิถีของตนเอง
ซือหยูใจเย็นอย่างมากเมื่อดึงมือน้อยของเซี่ยนเอ๋อไปโค้งคำนับต่อดยุคเซี่ยนหยูที่นั่งอยู่เบื้องหน้าแต่ทันทีที่ทั้งคู่โค้งคำนับ ท้องฟ้าก็ได้มืดครึ้มลง วายุสายฟ้ายังเริ่มก่อตัวขึ้นอีก
ทั้งก้นบึ้งมังกรถูกรายล้อมไปด้วยเมฆครึ้มในทันทีปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนั้นทำให้เหล่าแขกชักสีหน้า
“เกิดอะไรขึ้น?”
จ้าวคณะวิหคเพลิงถามด้วยความตกใจและมองไปยังท้องนภาด้วยหน้าตาที่สับสน
เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเมื่อครึ่งปีก่อนในตอนที่พลังอันน่ากลัวได้มาถึงเฉินหลง บรรยากาศรื่นเริงถูกลบหายไปทันที
หลายคนมิอาจทนนิ่งเฉยได้ผู้เฒ่าจิวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขามองไปยังท้องนภาด้วยความกลัว
“บัญชา…สวรรค์…”
ผู้เฒ่าจิวพูดเสียงสั่น
เซี่ยนเอ๋อตัวสั่นอยู่บนเวทีนางเข่าอ่อนเมื่อสัมผัสแรงกดดันมหาศาลจากเบื้องบน นางเอนกายเข้าหาซือหยูโดยไม่รู้ตัว ซือหยูจับมือของนางเอาไว้และมองไปยังท้องนภามืดมิดอย่างใจเย็น
“สุดท้ายเจ้าก็มาบัญชาสวรรค์เอ๋ย นานมาแล้วนะ”
เสียงของซือหยูเย็นชาอย่างมากราวกับเขาคิดไว้แล้วว่ามันจะเกิดขึ้น
ท้องนภาสั่นสะเทือนสายฟ้าปรากฏ สายฟ้าลั่นดังจนแสบแก้วหู
เมฆามืดเหนือศีรษะซือหยูได้หมุนวนเป็นวายุเขาเงยหน้ามองและเห็นว่ามีพลังที่ชวนให้หัวใจหยุดเต้นออกมาจากวายุ!
“เจ้าต้องคำนับต่อฟ้าดินหากจะดำเนินงานวิวาห์ต่อไป!”
เสียงดังมาจากทุกมุมของทวีป
แม้เสียงจะมาถึงทุกคนแต่พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าเสียงนั้นดังมาจากจิตใจของตนเอง ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก…
ฟ้าดินกำลังพูดอยู่รึ?
ซือหยูจะต้องคำนับต่อฟ้าดินก่อนคำนับต่อวิหารงั้นรึ?
ผู้เฒ่าจิวจ้องมองวายุอย่างเคร่งเครียดเขาลืมตากว้างและตัวสั่นด้วยความกลัว
แต่ซือหยูกลับไม่รู้สึกอะไร
“นี่เป็นงานแต่งงานของข้าข้าไม่ต้องการคำอนุญาตจากฟ้าดิน ไสหัวไปซะ! จงไปให้ไกลจนข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้”
เขาจับมือเซี่ยนเอ๋อและพูดเบาๆ
“เซี่ยนเอ๋อทำต่อไปกันเถอะ”
หัวใจที่สั่นระรัวของนางกลับมาสงบลงหลังจากที่รู้สึกถึงแรงบีบจากมือซือหยูนางเดินตามซือหยูไปและคำนับต่อดยุนเซี่ยนหยู ดยุนเซี่ยนหยูตกใจกับปรากฏการณ์ประหลาด แต่เขาก็ใจเย็นอย่างมากและยอมรับการคำนับของทั้งคู่
“คำนับแรก…”
ผู้เฒ่าเฉินพยายามใจเย็นซือหยูกับเซี่ยนเอ๋อโค้งคำนับหลังจากที่ได้ฟัง
ครืน
เสียงสายฟ้าโกรธเกรี้ยวดังขึ้นสายฟ้าเริ่มลากเลื้อยอยู่บนท้องนภาไม่หยุด ทุกคนตาพร่าเพราะแสงจากสายฟ้าเบื้องบน
พร้อมกันยังมีคลื่นใหญ่ก่อตัวที่ผิวทะเลคลื่นนี้สูงไปถึงนภา มันส่งเสียงดังลั่นเมื่อซัดกลับไปยังผืนน้ำ
ปั้ง
เสียงสายฟ้าพุ่งลงมาจากวายุสายฟ้าเข้าใส่ซือหยูกับฉินเซี่ยนเอ๋อมันดูราวกับเป็นวันสิ้นโลก!
“เจ้าหนูถ้าเจ้าต่อต้านสวรรค์ เจ้าก็จงตายไปซะ!”
ฟ้าดินส่งเสียงพูดอีกครั้งพลังสวรรค์พิโรธกำลังก่อตัวขึ้นอีก
เสียงสายฟ้าลั่นหลายร้อยครั้งทำให้ทุกคนใจหายแม้แต่ภูติระดับหนึ่งก็กลายเป็นฝุ่นผงถ้าหากต้องเจอกับพลังระดับนี้ มันน่ากลัวยิ่งกว่าวิบัติอัสนีเสียอีก!
“ท่านเจ้าพันธมิตร!”
หน่วยกวาดล้างตะโกนเสียงดังแม้พวกเขาอยากจะช่วยซือหยู แต่พวกเขาก็สับสนและไม่ได้รวดเร็วไปกว่าสายฟ้า!
แต่ซือหยูไม่เงยหน้ามองสายฟ้าด้วยซ้ำในตอนที่เรียกชุดเกราะหลากสีออกมาอย่างเรียบเฉยเขาหันแผ่นหลังให้กับสายฟ้า ชุดเกราะส่งเสียงคำรามเมื่อสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ การปะทะกันทำให้พลังกระจายไปทั่ว
เสียงระเบิดที่ดังอย่างมากดังขึ้นหนึ่งครั้งพื้นสั่นสะเทือนไปหลายลี้ แรงกระแทกที่เกิดจากการปะทะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สาดใส่ทั้งเกาะ! แต่ที่น่ากลัวกว่าก็คือคลื่นเหล่านั้นกำลังจะซัดใส่แขกที่มาร่วมงาน!
“ลำดับ!”
เสียงตะโกนดังมาจากบางแห่งที่ด้านข้าง
ขณะที่เหล่าแขกกำลังจะถูกคลื่นซัดได้เกิดแสงสว่างจ้าจากใต้เก้าอี้ ม่านแสงขนาดใหญ่ปรากฏเป็นครึ่งวงกลมปกคลุมรอบตัวพวกเขา มันทำให้พวกเขาปลอดภัย!
คลื่นยักษ์ซัดผ่านม่านแสงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่มันก็ไม่ถูกทำลาย
“ลำดับป้องกันภูเขาของคณะวิหคเพลิงรึ?”
บางคนคาดเดา
“ไม่ใช่มันดูเหมือนกัน แต่เกราะนี้ดูน่าตกใจยิ่งกว่า! แม้แต่ภูติระดับห้าก็ทำลายมันไม่ได้!”
ผู้เฒ่าจิวหยุดสงสัยไม่ได้…ใครกันที่เป็นคนบอกให้สร้างสิ่งที่แข็งแกร่งระดับนี้ขึ้นมา?เขาจะต้องไม่ใช่คนจากเฉินหลงแน่!
ทุกคนมองจ้าวคณะวิหคเพลิงตาไม่กระพริบ
เฟิงเซี่ยนถามด้วยความตกใจและสับสน
“ครึ่งปีก่อนซือหยูยืมลำดับมาจากพวกเราก่อนที่จะปิดประตูฝึกตน เขารู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นรึ?”
ทุกคนมองซือหยูที่ยืนอย่างใจเย็นบนเวทีพวกเขาเริ่มคิดว่าบางทีซือหยูอาจจะจงใจเลือกที่จะไม่คำนับต่อฟ้าดินเพื่อที่จะทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาดูใจเย็นเกินไป…เตรียมการมาดีเกินไป!
“คำนับครั้งที่สอง…”
ผู้เฒ่าเฉินยังคงตั้งใจดำเนินงานต่อ
ซือหยูกับฉินเซี่ยนเอ๋อโค้งอีกครั้งจากนั้นก็มีสายฟ้าหลายร้อยสายซัดลงมาอีกครั้ง แต่มันก็กระจายหายไปอย่างง่ายดายโดยวิบัติอัสนีจำนวนมากในชุดเกราะสายฟ้า
“คำนับครั้งที่สาม!”
ผู้เฒ่าเฉินพูดต่อ
สุดท้ายซือหยูกับฉินเซี่ยนเอ๋อได้คำนับสามครั้งต่อดยุคเซี่ยนหยูจนจบ
“บ่าวสาวคำนับกันและกัน!”
ผู้เฒ่าเฉินพูดต่อ
การคำนับสุดท้ายนี้คือการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างบ่าวสาวมันคือการแสดงว่าทั้งคู่จะเป็นสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ!
ซือหยูดึงมือเซี่ยนเอ๋อให้ยืนขึ้นเขามองดวงตาของนางท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยวายุ ใบหน้าเซี่ยนเอ๋อทั้งมีความสุขและตื่นเต้น
ทั้งคู่โค้งคำนับต่อกันในฉากที่เหมือนกับวันสิ้นโลก