The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 709
709 – โฉมหน้าจริงของจ้าวศักดิ์สิทธิ์
คลื่นแรงกดดันที่มีแต่จ้าวเทวะสร้างได้แผ่ออกมาซือหยูเคยเดาว่าเขาคงไม่ได้ต่อสู้กับจ้าวศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียวในศึกนี้ เพราะจะมีภูติอีกหลายคนปรากฏตัวด้วย
แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะมีจ้าวเทวะมาด้วย!จากที่เขาเคยได้เจอกับลู่จือยี่ เขาเข้าใจดีว่าจ้าวเทวะน่ากลัวอย่างไร จ้าวเทวะมิใช่สิ่งที่ภูติจะเทียบได้เลย
แค่ประสงค์เดียวของจ้าวเทวะก็ชี้ชะตาของภูติได้และแม้แต่ซือหยูจะมีไพ่ตายซ่อนเอาไว้หลายใบ เขาก็ยังรู้สึกหมดหวังถ้าต้องเจอกับจ้าวเทวะ
แม้ว่าเขาจะทำท่าทีเยือกเย็นเขาก็เป็นกังวลอย่างสุดขั้ว เขาระวังตัวอย่างมากเพราะรู้ว่าจ้าวเทวะจะลงมือได้ทุกเมื่อ
ผู้เฒ่าจิวที่อยู่ในก้นบึ้งมังกรรู้สึกเศร้าหมอง
“องครักษ์แสงกระจ่างฟู่กุย”
ทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตกลางก็คือเหล่าองครักษ์แสงกระจ่างซึ่งนำโดยผู้ที่เชี่ยวชาญฝ่ามือดับสวรรค์และองครักษ์เงาทมิฬก็นำโดยจ้าวศักดิ์สิทธิ์
ในอดีตทวีปเฉินหลงถูกทำลายโดยฝ่ามือเทพดับสวรรค์ อารยธรรมมากมายถูกทำลายในการโจมตีนั้น และที่เฉินหลงยังมีรอยฝ่ามือมหาศาลหลงเหลือมาจนถึงตอนนี้
ชายในชุดสีอำพันผู้นี้อยู่ห่างจากก้นบึ้งมังกรหลายสิบลี้แต่เขาก็ได้ยินเสียงอุทานเบาๆของผู้เฒ่าจิวแสงสีเขียวในเบ้าตาของเขาละมาทางก้นบึ้งมังกร
ดูเหมือนว่าเขามองทะลวงไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์เข้าไปได้
“จิวหยวนโจวอดีตองครักษ์แสงกระจ่างลำดับสาม…”
เขาพูดเสียงทุ้มต่ำ
ความนับถือปรากฏบนใบหน้าเขาไปช่วงหนึ่งแต่เมื่อเห็นสภาพของผู้เฒ่าจิวในตอนนี้เขาก็ยิ้มเยาะที่มุมปาก
“องครักษ์แสงกระจ่างในอดีตที่ขึ้นชื่อในด้านพลังต่อสู้ตอนนี้กลับเป็นแค่นกกระจอกที่ซ่อนตัวอยู่หลังเด็กคนเดียวให้ปกป้อง น่าขันนัก”
ผู้เฒ่าจิวกำหมัดเมื่อได้ยินคำเย้ยหยันเขากัดฟันตอบ
“เจ้ามันก็แค่ช่วยเหลือคนชั่วฆ่าคนนับล้านบาปกรรมจะเอาคืนเจ้าในสักวัน และเจ้าก็จะต้องทนทุกข์ทรมานในสิ่งที่ทำลงไป”
ในอดีตเขาบาดเจ็บหนักจากจักรพรรดิโลหิตเพราะขัดขืนที่จะทำตามคำสั่ง ผู้เฒ่าจิวพูดถึงความอยุติธรรมที่เขาได้รับในครั้งนั้น
“หึหึบาปกรรมเรอะ? องครักษ์แสงกระจ่างในอดีตทำได้แค่เห่าแล้วรึไง?”
ฟู่กุยเย้ยหยัน
“ตอนนั้นข้าต้องเรียกเจ้าตามยศอย่างนับถือ แต่ตอนนี้เจ้ามันก็แค่สุนัขเร่ร่อนเท่านั้น!”
ผู้เฒ่าจิวอัปยศอย่างมากแต่เขาก็ไม่มีทางกู้หน้าได้
“เจ้าหดหัวอยู่ในกระดองของเจ้าไปเถอะพอข้าเจอจักรพรรดิจิวโจวเมื่อไหร่ ข้าจะกลับมาฆ่าเจ้าด้วยมือตัวเอง”
ฟู่กุยเย้ยหยันเขาอีกครั้งก่อนจะหันไปมองซือหยู
“เจ้าเด็กนี่น่าสนใจ!ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้ามีใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์มากขนาดนี้ได้ยังไง ยากที่จะหามันแม้แต่ในจิวโจว”
ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์คือไผ่เทวะลำดับหนึ่งและมันก็สูญพันธุ์ไปแล้ว มีเศษส่วนที่เหลืออยู่ของมันอยู่ในมืออสูรเนรมิตรเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย และพวกมันก็ถูกรดโดยแก่นโลหิตของพวกเขาทุกวัน
มันคือสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากมากเขาไม่รู้จริงๆว่าเด็กจากดินแดนบ้านนอกอย่างเฉินหลงมีใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์มากจนน่ากลัวขนาดนั้นได้อย่างไร
“ดูเหมือนข้าจะต้องจับเจ้ามาทรมานเค้นความลับเอาสินะ”
ฟู่กุยหรี่ตามอง
ซือหยูสีหน้าหม่นหมองเขาใช้เนตรวิญญาณมองรอบๆ คนในก้นบึ้งมังกรรู้สึกหนักใจเมื่อมองซือหยู พวกเขาคิดว่าซือหยูอาจจะกลายเป็นเถ้าถ่านได้ทุกเมื่อ!
ซือหยูมองฟู่กุยและตอบอย่างเย็นชา
“ก็ยังไม่รู้ว่าใครจะตายในวันนี้…”
ซือหยูไม่เคยกลัวการต่อสู้แม้ว่าศัตรูของเขาจะเป็นจ้าวเทวะก็ตาม
“อย่าไปสนใจมันเลยข้าจะจัดการไอ้เด็กนี่เอง เจ้าไปหาจักรพรรดิจิวโจวเถอะ”
ชายหนุ่มบนหอคอยพูดขึ้นมาน้ำเสียงของเขาดูจะไม่หวาดกลัวจ้าวเทวะเลย
ฟู่กุยจ้องมองซือหยูและหรี่ตาไปครู่หนึ่งเขาหันบินไปยังทวีป ซือหยูมองเขาด้วยเนตรวิญญาณ
ในตอนนั้นหอคอยได้ขยับอีกครั้ง มันปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาหลายครั้ง
“ภูติระดับเก้า”
ซือหยูลืมตากว้างอีกครั้งเขารู้สึกว่ามีพลังที่แข็งแกร่งมากปะปนออกมา แม้มันจะไม่เทียบเท่าจ้าวเทวะ แต่มันก็แข็งแกร่งจนเขาเทียบไม่ติด
เขามองดูมันใกล้และพบคนหลายสิบคนที่สวมเสาื้อผ้าแตกต่างกันได้ปรากฏออกมาจากหอคอยแต่ละคนปล่อยพลังที่ทั้งทวีปต้องสั่นคลอน คนที่อ่อนแอที่สุดคือภูติระดับเจ็ดที่แข็งแกร่งพอๆกับสามศักดิ์สิทธิ์ที่เชี่ยวชาญวิชาน้ำแข็ง!
หลังจากที่ซือหยูนับจำนวนเขาก็พบว่ามีภูติระดับเจ็ดยี่สิบคน ภูติระดับแปดสิบคน และภูติระดับเก้าอีกหนึ่งคนที่กำลังจะได้เป็นจ้าวเทวะ!
“สามศักดิ์สิทธิ์กับพวกขยะนั้นพึ่งพาไม่ได้พวกเราก็เลยต้องมาลงมือเองสินะ”
ภูติระดับเก้าที่เป็นผู้นำพูดขึ้นมาเขาเป็นชายวัยกลางคนผมขาวที่ในดวงตามีเส้นโลหิตแปลกๆรายล้อม พลังอันตรายแผ่ออกมาจากดวงตาของเขา
สามสิบเอ็ดคนตรงหน้าซือหยูนี้สามารถบดขยี้เฉินหลงจนแหลกสลายได้แม้พันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะสร้างภูติมาเป็นร้อยคน พวกเขาก็คงถูกสังหารอย่างง่ายดายเมื่อต้องเจอกับคนเหล่านี้
“ท่านจ้าวศักดิ์สิทธิ์”
ชายผมขาววัยกลางคนโค้งคำนับแก่ชายหนุ่มบนหอคอยคนอื่นๆก็ทำตามเช่นกัน
นี่เป็นการเผยว่าชายหนุ่มบนหอคอยคือจ้าวศักดิ์สิทธิ์จริงๆ…
“สองศักดิ์สิทธิ์เจ้ารับผิดชอบพิชิตทุกมุมในทวีปแล้วไปช่วยฟู่กุยค้นหาจักรพรรดิจิวโจว พบเมื่อไหร่ให้ส่งสัญญาณทันที”
ชายหนุ่มบนหอคอยยืนมือไพล่หลังก่อนจะสั่งการ
“ครับท่าน”
สองศักดิ์สิทธิ์รับคำสั่งและนำคนข้างหลังบินไปสู่แผ่นทวีปทีนี้ก็เหลือแค่ซือหยูกับเขาเพียงสองคน
เมื่อเขามองซือหยูอีกครั้งสีหน้าของเขาก็เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
“ซือหยูในที่สุดข้าก็ได้มีเวลาจัดการกับเจ้าเสียที”
เขาเดินออกมาจากหอคอยสายฟ้าหลายสายสงเสียงคำรามและพุ่งลงไป
หอคอยจักรพรรดิย่อขนาดลงเหลือเท่าฝ่ามือและลอยไปที่มือของชายหนุ่มพลังของหอคอยจักรพรรดิดูอ่อนแอลงไปมาก
“ซือหยูต้องยอมรับจริงๆว่าเจ้าโชคดียิ่งนักในปีที่ผ่านๆมา ไม่มีใครคิดว่าเจ้าจะเติบโตมาถึงเพียงนี้”
ชายหนุ่มเดินช้าๆเมื่อพูด
ซือหยูสีหน้าหม่นหมองยิ่งกว่าเดิมเมื่อสัมผัสได้ว่าพลังของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปในทุกย่างก้าวชายหนุ่มได้เพิ่มพลังจากภูติระดับห้าไปเป็นระดับหก และเป็นระดับเจ็ด!
ทุกย่างก้าวฐานพลังของเขาจะเพิ่มหนึ่งระดับ พลังของเขาเริ่มขึ้นมาเรื่อยๆ มันเป็นพลังที่ซือหยูคุ้นเคย
คนผู้หนึ่งปรากฏในใจซือหยู
“เจ้าคือ…”
รอยยิ้มฉาบใบหน้าชายหนุ่ม
“ดูเหมือนเจ้าจะจำข้าได้แล้วนะซือหยูข้าไม่ได้เห็นเจ้ามานาน เจ้าถูกคนช่วยเอาไว้ในกระโจมเทพสวรรค์ แต่วันนี้…จะไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าได้อีกแล้ว”