The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 711
DND.711 – ต่อสู้เพียงลําพัง
ซือหยูหายใจเข้าลึกพลังวิญญาณในโลกหมุนเป็นเกลียวเข้ามาเป็นวายุ อากาศโดยรอบถูกดึงเข้าหาซือหยู เพียงพริบตาเดียว พื้นที่ในระยะห้าลี้จากซือหยูก็ได้กลายเป็นสุญญากาศ มันเริ่มที่จะมืดสนิท
ถ้าหากสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะพบว่าอากาศที่ถูกดึงเข้าหาซือหยูได้ถูกบีบอัดจากเบาจนกลายเป็นก้อนพลังดำสนิทมันดูเหมือนกับผีเสื้อทมิฬที่โบยบินไปมาในฝ่ามือของเขา
“อรหันต์แปดอักษร!”
ซือหยูตะโกนคลื่นพลังทมิฬรอบข้างปะทุออกมา มันกลายเป็นหมอกทมิฬจำนวนมาก
หมอกเหล่านี้ได้กระจายไปยังพื้นที่โดยรอบและฉีกกระชากทุกสิ่งบนเส้นทางมันทำให้มิติโดยรอบดำสนิทจากพลังมหาศษล แม้แต่คลื่นเสียงจากกู้ไทซูเองก็แหลกสลายไป
“วิชาคลื่นเสียงระดับตำนานขั้นกลาง?”
กู้ไทซูตกตะลึงเขามิอาจมองเด็กหนุ่มตรงหน้าได้อย่างปะลุปรุโปร่ง…
เขามีระดับปัญญาที่น่ากลัวขนาดนี้ได้ยังไง?เขายังเชี่ยวชาญวิชาระดับตำนานด้วย!
ในวิชามากมายนับไม่ถ้วนวิชาคลื่นเสี่ยงคือวิชาที่บ่มเพาะได้ยากที่สุด แต่ซือหยูก็บ่มเพาะมันได้ในระดับที่เหนือกว่าคนทั่วๆไป คลื่นทมิฬได้มาถึงตัวเขาขณะที่ตกใจ
กู้ไทซูถอนหายใจเบาและรีบถอยไปห้าลี้คนในก้นบึ้งมังกรตัวแข็งทื่อ ภูติระดับเก้าได้ถูกซือหยูไล่เหยียบย่ำอย่างไม่น่าเชื่อ และดูเหมือนว่าจ้าวศักดิ์สิทธิ์จะทำอะไรซือหยูไม่ได้! พวกเขายังคิดว่าซือหยูอาจจะฆ่ากู้ไทซูได้ด้วยซ้ำ!
“กู้ไทซูใช้พลังจริงๆของเจ้ามาสิ”
ซือหยูโบกมือขจัดคลื่นอากาศทมิฬทิ้งไป
“จ้าวเทวะอย่างเจ้าไม่ควรจะน่าเวทนาเช่นนี้นะ”
เพราะกู้ไทซูคือยอดฝีมือลำดับหนึ่งแห่งดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจากตำหนักเมฆาม่วง!พลังของเขาคงจะไม่ได้มีแค่ที่เขาใช้ออกมาแน่
ไม่ว่าจะด้วยวิชาบ่มเพาะอาวุธ และฐานพลัง ทั้งหมดมันสามัญเกินไป เขาดูไม่เหมือนภูติขั้นสูงจริงๆ ซือหยูสงสัยว่าเขาไม่ใช่กู้ไทซูตัวจริงด้วยซ้ำ!
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
เสียงผู้คนบินดังก้องภูติสามสิบเอ็ดคนบินกลับมา
ซือหยูสีหน้าหม่นหมองเมื่อครูก่อน เขาเพียงแค่ต้องรับมือกับกู้ไทซูเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้เขาต้องเจอกับภูติระดับสูงอีกสามสิบคน! ซือหยูรู้ดีว่ายากที่เขาจะเผชิญหน้ากับกลุ่มภูติจำนวนมากเช่นนี้
“รีบฆ่ามันให้ตายอย่าปล่อยให้มันมีโอกาสใช้ฝ่ามือเทพดับสวรรค์อีก”
สองศักดิ์สิทธิ์ตะโกนและเป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมซือหยูด้วยพลังทั้งหมดที่มี
คนอื่นตามเขาเข้าไปรุมซือหยูดูเหมือนว่าพวกเขาอยากจะกำจัดซือหยูในกระบวนท่าเดียว ลำแสงหลากสีหลายสิบกระบวนท่าพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกัน
ซือหยูถอยและไม่เผชิญหน้าตรงๆแต่เมื่อเขาถอย รอยแยกของมิติก็ได้ปรากฏที่ด้านหลัง
เขารีบใช้สัมผัสตรวจสอบมันและพบว่ามันคือคลื่นเสียงที่น่ากลัวมันคือวิชาของกู้ไทซู!
“ลอบโจมตีงั้นรึ?”
ซือหยูมองกู้ไทซูที่ปรากฏตัวข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อใดมิอาจทราบ
ซือหยูคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนหยิ่งผยองอย่างกู้ไทซูจะลอบโจมตีใคร
“เจ้าคือกู้ไทซูจริงๆรึ?”
ซือหยูส่ายหน้าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เมื่อต่อสู้กันมาครู่หนึ่งซือหยูบอกได้เลยว่ามีสิ่งที่แปลกมากจากกู้ไทซู เขาเริ่มคิดแล้วว่าคนที่สู้ด้วยไม่ใช่กู้ไทซูตัวจริง!
“ข้าก็ไม่เคยพูดว่าข้าคือกู้ไทซู”
กู้ไทซูเย้ยหยัน
ซือหยูแววตาเยือกเย็น
“ใครสนกันเล่าว่าเจ้าเป็นใคร?ถ้าเจ้าแสดงตัวออกมาวันนี้ก็อย่าคิดว่าจะรอดไปได้”
ขณะที่คลื่นเสียงพุ่งเข้าใส่เขาจากด้านหลังและภูติระดับสูงอีกสามสิบคนล้อมเขาเอาไว้ซือหยูมิได้แสดงความตื่นตระหนกออกมา เขากลับใจเย็นยิ่งกว่าเดิม
ไม้หกทิศปรากฏรอบตัวซือหยูมันคือสมบัติวิเศษที่มีพลังทำนายอนาคตและเข้าขวางกระบวนท่าของศัตรูได้ล่วงหน้า
ในขณะเดียวกันแสงจันทร์ได้ก่อตัวที่ฝ่ามือซ้ายของซือหยู มือขวาของเขากำลังรวบรวมคลื่นลมจากรอบข้าง เขาคิดจะใช้ฝ่ามือเทพดับสวรรค์กับอรหันต์แปดอักษรพร้อมกัน
กู้ไทซูกับสองศักดิ์สิทธิ์สีหน้าหม่นหมอง
“ขวางมัน!อย่าให้มันใช้วิชาได้!”
กู้ไทซูตะโกนเสียงดังขณะที่พุ่งเข้าใส่ซือหยู
สองศักดิ์สิทธิ์รับรู้แล้วว่าเด็กหนุ่มผมสีเงินผู้นี้อันตรายเพียงใดเขาเลิกล้มความคิดที่จะจู่โจมระยะไกลไปในทันที เขาพุ่งไปหาซือหยู พลังสองภูติระดับเก้าสองคนนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าจะตายก่อนได้ใช้วิชา…”
สองศักดิ์สิทธิ์ตะโกนและพุ่งเข้าไปข้างหน้า
ซือหยูหัวเราะชอบใจและมองคนทั้งสองที่พุ่งเข้าใส่เขาตอบกลับด้วยความมั่นใจ
“ดูเหมือนเจ้าสองคนจะตายก่อนข้านะ”
สายฟ้าฉาบรอบตัวซือหยูเขาใช้เลี่ยงสายฟ้าและยักย้ายตัวเองออกไป เขาปรากฏตัวอีกครั้งที่ระยะครึ่งลี้เหนือหัวพวกเขา
แสงจันทร์อันตระการตาปรากฏในมือซ้ายขณะที่ทั้งร่างของเขาปกคลุมไปด้วยคลื่นลมทมิฬรัศมีสีดำทำให้เขาดูชั่วร้ายเป็นอย่างมาก
“ตายไปซะ!”
ซือหยูซัดมือซ้ายไปยังกู้ไทซูขณะที่ซัดมือขวาไปยังฝั่งของกลุ่มภูติสามสิบคน
พลังมหาศาลสองพลังพุ่งเข้าใส่ศัตรูเสียงดังลั่นจนหูหนวกดังขึ้น พลังทำลายล้างทำให้ทุกคนตกตะลึง
เมื่อความโกลาหลจบลงพวกเขาพบว่ากู้ไทซูกระเด็นไปครึ่งลี้ โลหิตไหลออกมาจากมุมปากของเขา ส่วนภูติระดับสูงอีกสามสิบเอ็ดคนหกเว้นสองศักดิ์สิทธิ์ที่ยังอยู่ดี ภูติสองคนที่รับพลังข้างหน้านั้นร่างแหลกสลายไปก่อนที่จะตาย
เหล่าผู้คนในก้นบึ้งมังกรตื่นเต้นจนกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวซือหยูเพิ่งจะต่อสู้กับคนสามสิบสองคนด้วยตัวคนเดียว! และทั้งหมดยังเป็นภูติระดับสูงอีกด้วย! พลังการต่อสู้ที่น่ากลัวได้ทำให้พวกเขาตกตะลึงและหวาดกลัว!
พวกเขารู้ว่าฐานะหมายเลขหนึ่งแห่งเฉินหลงเป็นของซือหยูแต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้! แม้ว่าคนทั้งทวีปจะร่วมมือกันฆ่าเขา พวกเขาก็อาจจะเอาชนะซือหยูไม่ได้!
แต่แม้กระนั้นผู้เฒ่าจิวก็ยิ่งสีหน้าหม่นหมอง หวูอู๋ยี่ที่อยู่ข้างๆอุ้มเซี่ยจิงหยูด้วยความกังวลในแววตา
“ผู้เฒ่าจิวท่านมีวิธีช่วยเขาหรือไม่? ถึงนายน้อยจะชนะได้ แต่แก้วพลังของนายน้อยแตกสลายไปแล้วหนึ่งดวง เกรงว่าพลังชีวิตเขาจะเหลือไม่มากพอ”
หวูอู๋ยี่รู้สภาพของซือหยูดีที่สุด
นั่นก็เพราะความแตกต่างมหาศาลในด้านฐานพลังเขายังใช้วิชาระดับสูงอย่างต่อเนื่อง แต่วิชาเหล่านั้นเรียกพลังชีวิตของเขาไปมหาศาล แม้ซือหยูจะดูเยบือกเย็น แต่เขาก็กำลังจะถึงขีดกำจัดแล้ว
ผู้เฒ่าจิวเป็นห่วงอย่างมากเขาสลดใจเมื่อได้ฟังความกลัวของนาง
“การต่อสู้นี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้เราเป็นได้แค่ตัวถ่วงเท่านั้น”
เขาพูดต่อ
“แต่ข้าไม่รู้เลยว่าทำไมเขาถึงไม่มาซ่อนในก้นบึ้งมังกรกับพวกเราเป็นไปไม่ได้ที่จ้าวเทวะจะทะลวงผ่านใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์มากเท่านี้ ทำไมเขาต้องเลือกการต่อสู้ที่สิ้นหวังที่จะต้องตายด้วยเลบ่า?”
เขารู้ว่าซือหยูมิใช่คนบ้าบิ่นที่จะเสี่ยงตัวเองโดยไร้เหตุผลที่ดีและเขาเพิ่งจะแต่งงานกับเซี่ยนเอ๋อ ผู้เฒ่าจิวคิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาได้
หวูอู๋ยี่เองก็สั่นไปทั้งตัวเมื่อพบว่านางมิอาจหยั่งรู้ได้ว่ามีเบื้องหลังใดอยู่ในการกระทำของซือหยูแต่นางก็ยังคงคิดว่าซือหยูกำลังพยายามจะส่งตัวเองไปตาย
เซี่ยนเอ๋อที่อยู่ในอ้อมแขนของนางขมวดคิ้วตื่นขึ้นมานางตื่นขึ้นเพราะความเจ็บปวดจากตำแหน่งที่ถูกซือหยูทำให้สลบ
“พี่ซือหยู…”
นางร้องออกมาด้วยความตกใจนางหันไปรอบๆเพื่อมองหาซือหยู
หวูอู๋ยี่พยายามทำให้นางใจเย็น
“นายน้อยยังปลอดภัยดีแต่เขายังต่อสู้กับพวกศัตรูอยู่ เจ้าใจเย็นลงก่อน”
เซี่ยนเอ๋อมองตามสายตาของคนในก้นบึ้งมังกรไปดูที่ภายนอกภาพซือหยูที่ลอยอยู่บนฟ้าและผมสีเงินที่พัดไปมาได้สะท้อนเข้าตานาง
ดวงตาของเขาเด็ดเดี่ยวและเยือกเย็นนางจำได้ว่าสายตานี้คือสายตาขณะที่เขากำลังเจอกับศัตรู แต่มันก็ดูแตกต่างกว่าปกติ เพราะตอนนี้ซือหยูดูหน้าซีด
“พี่ซือหยูต้านไม่ไหวอีกแล้วข้าจะต้องไปช่วยเขา”
เซี่ยนเอ๋อแทบหัวใจหยุดเต้นเมื่อเห็นสถานการณ์นางพยายามจะดิ้นออกจากหวูอู๋ยี่
แต่หวูอู๋ยี่ก็จับนางไว้แน่นขึ้น
“แม่นางเซี่ยนอย่าผลีผลามนัก เจ้าอ่อนแอเกินไป เจ้าไปตอนนี้ก็เป็นตัวถ่วงเขาเท่านั้น”
เซี่ยนเอ๋อเห็นแค่เพียงซือหยูในสายตานางไม่ฟังคำหวูอู๋ยี่เลย
“ปล่อยข้านะ!ข้าเคยเสียพี่ซือหยูไปแล้วครั้งหนึ่ง ข้าจะไม่ทิ้งเขาไปอีกแล้ว ต่อให้ข้าตายกับเขาก็ไม่เป็นไร”
หวูอู๋ยี่ไม่ปล่อยนางนางจับเซี่ยนเอ๋อแน่นยิ่งกว่าเดิมและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“หุบปาก!”
เซี่ยนเอ๋อตกใจเสียงตะโกนของนางเซี่ยนเอ๋อนับถือหวูอู๋ยี่มาเสมอ แต่นางไม่คิดว่าหวูอู๋ยี่จะกล้าขึ้นเสียงกับนาง!
เซี่ยนเอ๋อมองนางและพบว่าในดวงตาหวูอู๋ยี่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตานางดูหน้าแดง ดวงตาของนางมีความโกรธที่เซี่ยนเอ๋อไม่เข้าใจ
“นายน้อยของข้าเสี่ยงชีวิตเพื่อเจ้าไม่รู้กี่ครั้งเขาเกือบจะตายทุกครั้ง มันยังไม่พอสำหรับเจ้าอีกรึ? เจ้าไม่เข้าใจรึว่าทำไมนายน้อยต้องทำทุกอย่างแบบนี้?”
หวูอู๋ยี่ระเบิดความโกรธและตะโกนสุดเสียง
“ที่หุบเขาเฟิงหวงบนเกาะเฉินยี่เขาสู้กับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อเจ้า ตอนงานแต่งงานของเจ้าในสำนักหลิวเซี่ยน เขาต่อสู้กับผู้เฒ่าขอบเขตมังกรเพื่อเจ้า พอไปที่คณะวิหคเพลิง เขาก็สู้กับเฉินคงเพื่อเจ้า! เขาไม่ได้เกือบตายเพราะการต่อสู้เหล่านั้นหรอกรึ? เขาทำทั้งหมดเพื่อเจ้า! ก็เพราะว่าเจ้ามันอ่อนแอเกินไปจนเขาต้องเป็นห่วงและเสี่ยงชีวิตให้…แต่เจ้าทำอะไรให้เขากัน? เจ้าก็รังแต่จะสร้างปัญหา!”
หวูอู๋ยี่ยกทุกสิ่งออกมาจากอก
“ตอนนี้ถ้าเจ้าออกไป เขาก็จะเสียสมาธิ เขาต้องปกป้องเจ้าเพราะความอ่อนแอและไร้ประโยชน์ของเจ้า สุดท้ายเขาก็อาจจะถูกฆ่าตาย ต้องเป็นอย่างนั้นเจ้าถึงจะพอใจใช่ไหม?”
น้ำตาจากความโกรธไหลอาบแก้มหวูอู๋ยี่
นางกำลังด่าทอเซี่ยนเอ๋อแต่ทุกคนรู้สึกได้ว่านางกำลังด่าทอตนเอง เพราะนางก็ไร้ค่าและอ่อนแอเช่นกัน เซี่ยนเอ๋อสับสนจากท่าทีของนาง นางก้มหน้าและจมอยู่ในความคิด
เซี่ยนเอ๋อรู้สึกว่านางเอาแต่สร้างปัญหาให้กับซือหยูมาโดยตลอดและนาางก็ททำให้เขาเสี่ยงชีวิตหลายครั้งเพื่อช่วยชีวิตนาง และสิ่งที่นางทำให้เขาอย่างเดียวก็คือการเก็บรวบรวมเหล่าทรัพยากรที่ไร้ค่าในการบ่มเพาะพลังให้เขา
ถ้านางจะผลีผลามพุ่งออกไปตอนนี้ก็รังแต่จะทำให้เขาเป็นอันตรายนางอาจจะทำให้เขาตายก็ได้!
ทั้งหมดก็เพราะนางอ่อนแอและไร้ประโยชน์เกินไปนางเอาแต่เอาตัวเข้าไปอยู่ในปัญหา นางกำหมัดแน่นจนไหล่น้อยๆสั่นเครือ นางแตะกระเป๋าที่มีขวดหยกโดยไม่รู้ตัว