The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 721
DND.721 – เนตรอสูรกลืนสวรรค์
“อย่างที่คิดเลยจากสิ่งที่เจ้าต้องเจอ เจ้าไม่เคยกลัวความยากลำบาก”
ผู้เฒ่าฉิวไม่แปลกใจกับคำตอบของซือหยูเขาคือคนที่เผชิญหน้ากับความยากลำบากโดยไม่หันหลังกลับตลอดมา
และเซี่ยนเอ๋อยังตายไปแล้วแม้ว่าเขาจะดูเยือกเย็น เขาก็ต้องเก็บซ่อนความบ้าคลั่งในใจเอาไว้อยู่แน่ นางคนจะสับสนถ้าเขาปฏิเสธในครั้งนี้
“ซือหยู…”
ผู้เฒ่าฉิวลังเลก่อนจะยืนขึ้นถอนหายใจ
“ไม่ว่าเจ้าจะชุบชีวิตเซี่ยนเอ๋อได้หรือไม่ข้าหวังให้เจ้าถนอมตัวและมีชีวิตต่อไป”
“แม้จะเป็นยามก่อนตายนางก็มิได้ชิงชังหรือผิดหวังในเจ้า”
ผู้เฒ่าฉิวเดินผ่านซือหยูและยื่นกล่องหยกครามให้กับเขาจากนั้นจึงเดินลงจากภูเขาไป พอถึงตอนนั้น น้ำตาจึงได้ไหลพรากออกมาเพราะความโศกเศร้า
เพราะเซี่ยนเอ๋อคือศิษย์ของนางมันเจ็บปวดเมื่อได้เห็นศิษย์ตายด้วยความเศร้า แม้นางนางจะยิ้มอย่างพอใจก่อนตาย แต่นางก็เห็นว่าเซี่ยนเอ๋อต้องการจะอยู่กับซือหยูต่อไป
“ข้ารู้แล้ว…”
ซือหยูตอบนางที่เดินจากไปแล้วด้วยเสียงอันแหบพร่าที่ดูใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อมันช่างคล้ายกับเสียงของคนที่แก่เฒ่า
ทุกคนเห็นความสุขุมของเขาได้อย่างชัดเจนและนั่นไม่ใช่เพราะเขาไร้หัวใจ แต่เป็นเพราะเขากำลังโศกเศร้า ตอนนี้เขาไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว เขาไม่กลัวว่าตัวเองจะตายด้วยซ้ำ
เขาไม่เหลือสิ่งใดให้ไขว่คว้าอีกแล้วไม่มีใครที่จะทำให้เขามีชีวิตชีวาขึ้นมา จะเป็นจะตายก็ไม่ต่างกันสำหรับซือหยูในตอนนี้
ถ้าหากเขาไม่เหลือโอกาสในการช่วยเซี่ยนเอ๋ออย่างน้อยนิดนี้อยู่เขาก็คงจะกลายเป็นศพที่เดินได้ เส้นผมของเขาขาวโพลนในหลายวันคืนที่พ้นผ่าน มันบ่งบอกถึงความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดี
ซือหยูที่ไร้อารมณ์เปิดดูกล่องหยกครามทันทีที่สัมผัสก็รู้สึกได้ถึงพลังอันดุร้ายที่แผ่เข้ามายังเขา ราวกับว่ามีสัตว์ประหลาดชั่วร้ายถูกผนึกอยู่ในกล่องใบนี้
เมื่อเปิดกล่องก็ได้พบกับดวงตาใสดั่งแก้วสีเลือด มันมีเส้นโลหิตมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ด้วย ดวงตานี้ใหญ่พอๆกับผลลิ้นจี่หรือดวงตามนุษย์
มีรอยข่วนอยู่ที่ขอบกล่องให้เห็นเพราะความเก่าแก่ของมันแต่ดวงตานี้ยังคงมีแววสดใสที่แสดงถึงคุณสมบัติวิญญาณอันสูงส่ง แม้แต่เส้นเลือดก็ยังคงสดใหม่ราวกับว่าดวงตานี้เพิ่งถูกควักออกมา
“แม้จะผ่านมาหลายปีแต่มันก็ไม่เน่าเปื่อย มันคือเนตรของแก่นแท้วิญญาณของจริง!”
ซือหยูยืนยันได้ว่าคำพูดของผู้เฒ่าฉิวเป็นเรื่องจริง
ดวงตานี้มีพลังแสงสว่างที่เป็นพลังตรงข้ามกับพลังที่ชั่วร้ายไม่แปลกใจที่ถูกเรียกว่าเนตรเงินล้างอสูร แต่เขาก็สงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง…
คัมภีร์ที่ผู้เฒ่าฉิวพูดถึงอยู่ที่ไหนกัน?
เขามองรอบๆและพบว่ามีร่องรอยของวิญญาณด้วยเนตรวิญญาณของเขาซึ่งพลังนั้นก็ได้ทะลวงดวงตาของเขาในทันที! ซือหยูถูกพลังบางอย่างดูดเข้าไปอย่างแรง เขาถูกพาไปยังสถานที่อื่นในทันที
ตอนนี้เขามองไม่เห็นสิ่งใดมีเพียงความมืดมิดที่ล้อมรอบเขาอยู่ สิ่งเดียวที่อยู่ที่นี่มีเพียงสัตว์อสูรตัวใหญ่อัปลักษณ์ที่นอนลงกับพื้น
มันมีขนสีแดงชาดราวกับปีศาจขนปุยในนิทานเด็กมันดูกระหายเลือดจนน่ากลัว!
หัวน่าเกลียดของมันมีเขาสีขาวที่แหลมคมสองข้างมันคมยิ่งกว่าสมบัติใดที่ซือหยูเคยพบมา ใบหน้าของมันขาวซัดราวกับหิมะ มันมีปากใหญ่เป็นหนึ่งในสามของใบหน้า และในปากยังเต็มไปด้วยฟันคมกริบ!
เนตรสีเงินของมันแปลกประหลาดกว่าสิ่งใดดูเหมือนว่ามันยิ้มเบาๆและมองไปยังท้องนภา แม้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้จะเป็นเพียงรูปปั้น ซือหยูก็รู้สึกถึงพลังเก่าแก่ที่แผ่มาจากมันอย่างไม่รู้จบ ราวกับว่าสัตว์อสูรตัวนี้เดินทางข้ามเวลามาจากอดีตกาล
ความรู้สึกแปลกนี้คงทำให้ใครหลายคนหวาดกลัวแต่จิตใจซือหยูนั้นเยือกเย็นอย่างเคย
นี่คือแก่นแท้วิญญาณรึ?ซือหยูครุ่นคิดขณะที่มองดวงตาของมัน
แล้ว…คัมภีร์อยู่ที่ไหนล่ะ?
แกร๊ก!
ในตอนนั้นเองสัตว์อสูรได้รับรู้ถึงการมาของซือหยู มันลืมตาซ้ายขึ้นมา แสงสีเงินพุ่งออกมาปกคลุมพื้นที่โดยรอบ มีอักษรที่ดูแปลกๆปรากฏขึ้น มันไม่ใช่ภาษามนุษย์
“ภาษาอสูรรึ?”
ซือหยูพูดเบาๆ
ในช่วงเวลาครึ่งปีที่เขาปิดประตูฝึกจนเขาได้เรียนรู้ภาษาต่างๆมากมายที่หยุนย่าสีอัดข้อมูลเอาไว้ในดวงวิญญาณของเขา ภาษาทั้งหมดที่หยุนย่าสีเคยศึกษาอย่างภาษามังกร ภาษาภูติผี ภาษาหนอน ทุกอย่างล้วนอยู่ในสมองของซือหยู
เขารู้ว่ามันเป็นภาษาอสูรด้วยการมองเพียงครั้งเดียว
“เนตรอสูรกลืนสวรรค์หนึ่งในเก้าเนตรที่แข็งแกร่งที่สุดในโบราณกาล เนตรนี้กลืนกินสิ่งชั่วร้ายได้ และมันยังกลืนกินได้ทั้งสุริยา จันทรา และดารา!”
ซือหยูพูดภาษาประหลาดออกมาเบาๆมันคือภาษาอสูรที่คนอื่นมิอาจเข้าใจได้
“นี่คือเนตรอสูรกลืนสวรรค์เพราะผู้เฒ่าฉิวไม่เข้าใจภาษาอสูร นางเลยตั้งชื่อมันว่าเนตรเงินล้างอสูรเพราะมันมีพลังทำลายสิ่งชั่วร้าย”
ซือหยูเข้าใจทุกอย่างแล้ว
ตอนที่ผู้เฒ่าฉิวได้เนตรเงินนี้มานางพยายามจะเข้ามาในมิติวิญญาณของมัน แต่นางไม่เข้าใจภาษาอสูร นางจึงต้องวิเคราะห์จากคุณสมบัติว่าพลังของมันสามารถกำจัดพลังสวรรค์ที่หลงเหลืออยู่ในดวงตาซือหยู
“นี่มันอะไรกัน!นางไม่รู้ภาษาอสูร แต่นางก็เดาได้ว่าเนตรนี้ต้องใช้สมุนไพรบาดาล โลหิตมังกร และมุกเงินเลี่ยงสายฟ้า นางต้องพยายามอย่างหนักกว่าจะสรุปเรื่องพวกนี้ได้…”
ซือหยูรู้ว่าวิชานี้แท้จริงเป็นของตระกูลอสูรที่ต้องการคุณสมบัติสองอย่างในการบ่มเพาะอย่างแรกก็คือการมีร่างแก่นแท้วิญญาณ มีเพียงร่างแบบนี้เท่านั้นที่จะทนรับเนตรอสูรกลืนสวรรค์ได้
อย่างที่สองคือการปลูกถ่ายเนตรอสูรกลืนสวรรค์ในที่สุดซือหยูก็เข้าใจทุกอย่างเมื่ออ่านถึงขั้นนี้!
วิชานี้ต้องสร้างจากคนตระกูลอสูรที่อยากจะปลูกถ่ายเนตรไปยังร่างของเขาเขาต้องสร้างมันขึ้นมาเพราะตนเองได้เนตรนี้มาอยู่ในมือ!
เนตรอสูรกลืนสวรรค์ในกล่องหยกครามจะต้องเป็นของสัตว์อสูรหน้าตาอัปลักษณ์ตรงหน้าเขาและมันจะต้องมีสิ่งที่แข็งแกร่งชิงดวงตามา! คนผู้นั้นคงเตรียมจะปลูกถ่ายเนตรนี้แล้ว แต่ด้วยเหตุบางอย่าง เขาได้ทำกล่องนี้หายจนผู้เฒ่าฉิวมาเจอเข้า!
แต่เรื่องพวกนั้นไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องกังวลเขาออกจากมิติเนตรเมื่อเข้าใจทุกอย่าง เขารู้แล้วว่าทำไมผู้เฒ่าฉิวถึงให้เขาเตรียมวัตถุดิบเหล่านี้มา
โลหิตมังกรนั้นมาจากแก่นแท้วิญญาณมันมีพลังของแก่นแท้วิญญาณที่มากพอ ส่วนมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าก็เป็นสิ่งที่มีคุณสมบัติตามธรรมชาติที่หนาแน่น มันจะกลายเป็นตัวแบกรับการปลูกถ่ายเนตรอสูรกลืนสวรรค์ ส่วนสมุนไพรบาดาลจะเป็นตัวกลางในการหลอมรวมระหว่างโลหิตมังกรกับมุกเงินเลี่ยงสายฟ้า
ต้องผ่านขั้นตอนเหล่านี้เท่านั้นมนุษย์จึงจะทนรับเนตรอสูรกลืนสวรรค์ไหว ซือหยูที่เข้าใจหลักการทั้งหมดเริ่มทำตามขั้นตอนทันที
เขาบดสมุนไพรบาดาลและเก็บใส่ขวดก่อนจะผสมโลหิตมังกรกับมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าตามลงไปทั้งสองสิ่งมีพลังหยางที่มหาศาล การปะทะกันจะทำให้เกิดระเบิดอย่างรุนแรง แต่เพราะสมุนไพรบาดาล ทั้งสองเลยหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ ทั้งสองสิ่งจึงเริ่มที่จะหลอมรวมกัน
ผ่านไปสามชั่วยามสมุนไพรบาดาลบด โลหิตมังกร และมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าได้หายไป มีเพียงมุกสีเขียวเงินขนาดเท่าลูกตาอยู่ในขวดผสม การหลอมรวมที่สมบูรณ์ได้ทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมา! สิ่งนี้มีคุณสมบัติที่จะทนรับเนตรอสูรกลืนสวรรค์!
ซือหยูถือเนตรอสูรกลืนสวรรค์กับมุกสีเขียวเงินเขานำมันมมารวมกัน มุกเงินได้เปิดอ้าด้วยตัวของมันเองและกลืนเนตรอสูรกลืนสวรรค์เข้าไป มันหลอมรวมกันเรียบร้อยแล้ว
ซือหยูรู้สึกว่ามือของเขาหนักขึ้นเมื่อเนตรกับมุกได้หลอมรวมกันนั่นก็เพราะว่าเนตรในตอนนี้ได้หนักกว่าเดิมขึ้นมามากกว่าสิบเท่า มันเริ่มปล่อยพลังสวรรค์ที่น่ากลัวออกมา มันควรจะทำลายสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดได้!
ลำแสงปรากฏในดวงตาที่มืดบอดของซือหยูพลังสวรรค์พิโรธถูกเนตรอสูรกลืนสวรรค์ลบหายไป
“อีกแค่ก้าวเดียวข้าจะต้องใส่เนตรนี้ในตัวข้า!”
ซือหยูวางเนตรลงในหน้าผาก
ในตอนนั้นเขารู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสจนร่างกระตุก แต่แม้กระนั้น เขาก็ต้องคงความสุขุมเอาไว้ หากมองดูเฉยๆจะพบว่าเขาไม่ได้แสดงความเจ็บปวดออกมาเลย
มีรอยแยกปรากฏที่หน้าผากของซือหยูเมื่อเนตรใหม่ได้ฝังลงไปความเจ็บปวดนี้ไม่ต่างกับการเฉือนเนื้อของเขาเพื่อให้พื้นที่มากพอจะรับสิ่งแปลกปลอม มันเจ็บปวดจนเขาแทบทนไม่ไหว
แต่ซือหยูไม่ได้รู้สึกเจ็บมากนักเมื่อได้ผ่านความเจ็บปวดที่หนักหนายิ่งกว่าจากการสร้างจุดกำเนิดพลังขึ้นใหม่เมื่อการหลอมรวมจบลง รอยแยกที่หน้าผากของเขาได้ปิดลงไปเอง หลงเหลือเพียงแค่รอยแผลแดงบางบนหน้าผาก
เมื่อหลอมรวมสำเร็จพลังสวรรค์พิโรธที่เหลืออยู่ในดวงตาของเขาได้กระจัดกระจายไปในทันที ราวกับว่าพลังสวรรค์ของเนตรอสูรกลืนสวรรค์นั้นขเป็นพลังที่แท้จริงยิ่งกว่า ขณะที่พลังที่กู้ไทซูทิ้งเอาไว้นั้นเป็นของปลอม!
ที่โลกภายนอก…
ซือหยูที่เพิ่งจะผ่านความเจ็บปวดจากการปลูกถ่ายเนตรได้ลืมตาขึ้นช้าๆดวงตาของเขาที่เคยมืดบอดและไร้แววได้กลับมามีสีสันตามเดิม เขากลับมามองเห็นโลกอีกครั้ง!
แม้เขาจะไม่เคยพบสภาพตาบอดจริงๆเพราะเนตรวิญญาณแต่การมองโลกด้วยเนตรวิญญาณกับดวงตาเปล่านั้นแตกต่างกันมาก ในที่สุดเขาก็ได้เห็นโลกอันคุ้นเคยที่ทำให้เขาอบอุ่นใจอีกครั้ง
ซือหยูกระพริบตาขวามันเปล่งแสงสีแดงเพลิงออกมาและทะยานสูานภา เมื่อเขากระพริบตาซ้าย แสงสีม่วงได้สาดส่องออกมา ในที่สุดเขาก็ได้พลังมิติและห้วงเวลากลับมาอีกครั้ง!
“พลังข้าจะเป็นยังไงบ้างนะ?”
ซือหยูพูดเบาๆ
เขาค่อนข้างคุ้นชินกับพลังทั้งสองเขาจึงตัดสินได้ว่าพลังนั้นเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนเพียงแค่ใช้พลังเล็กน้อย เมื่อวารีสีเพลิงไหลซึมไปที่มังกรตัวที่สาม พลังมิติและเวลาของเขาได้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ดังนั้นเขาจึงไม่ถูกจำกัดว่าจะใช้พลังได้แค่วันละครั้งอีกแล้วตอนนี้เขาใช้พลังได้วันละสิบสองครั้ง แต่เขาก็เขาก็ต้องรอหนึ่งชั่วยามในการใช้แต่ละครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นเขาในตอนนี้ยังใช้พลังเร่งเวลาได้นานถึงสิบลมหายใจจากสามลมหายใจ และเขาใช้พลังหยุดเวลาได้สามลมหายใจจากลมหายใจเดียว นอกจากนั้นเขายังยักย้ายตัวเองไปได้ไกลกว่าเดิมร้อยลี้จากแค่สิบลี้ในอดีต
และเหนือสิ่งอื่นใดเขารู้สึกว่าเขาสามารถควบคุมพลังทั้งสามได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่เขาต้องทดสอบในการต่อสู้เพื่อให้แน่ใจ
ซือหยูยืนขึ้นช้าๆและมองจุดสูงสุดของนภาเขาอยากจะไป แต่ก็รู้ว่าเขายังขาดบางสิ่งอยู่
เขาพลิกฝ่ามือตราหยกหลากสีได้ปรากฏในมือ มันมีพลังทำลายล้างอัดอยู่หนาแน่น สายฟ้าทุกสายข้างในนั้นเหนือกว่าวิบติอัสนีทั้งหมดรวมกัน
“จิตวิญญาณสายฟ้าหลอมรวมเสร็จแล้วสินะ?ข้าจะได้ใช้พลังสูงสุดของมันแล้ว!”
เป็นฝีมือซือหยูร่างมืดที่หลอมรวมจิตวิญญาณสายฟ้ากับตราสายฟ้าห้าธาตุเพราะซือหยูตอนนั้นมิอาจเอาชนะและผนึกจิตวิญญาณสายฟ้าได้ตอนนี้เขามีโอกาสสูงมากที่จะทำสำเร็จ!