The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 722
DND.722 – ราชาผู้โดดเดี่ยวแห่งเฉินหลง
“ก็ยังไม่พอ…”
ซือหยูพูดกับตนเองเบาๆ
ฟู่กุยเป็นหนึ่งในสิบองครักษ์แสงกระจ่างดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่ทรงพลังอย่างมากแม้แต่ในองครักษ์แสงกระจ่างด้วยกันเอง นั่นหมายความว่าพลังของเขาจะต้องเหนือกว่าจ้าวเทวะทั่วไปอยู่มากโข
มันง่ายที่เกราะราชาศิลานิรันดร์จะป้องกันการโจมตีจากภูติแต่มันคงจะทำอะไรกับผู้ที่แข็งแกร่งระดับจ้าวเทวะไม่ได้มากนัก เขาจึงต้องการสิ่งป้องกันตัวที่แข็งแกร่งกว่านั้น
ซือหยูใช้วิญญาณเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยกและไปยังต้นทับทิมวิญญาณขนนกเขาพบว่ามีหนอนผีเสื้อนอนอย่างเกียจคร้านอยู่ในใบทับทิมสีขาวหิมะ
ผีเสื้อโกลาหลนั้นตัวใหญ่กว่าเดิมหลังจากที่ได้กินแก่นโลหิตของจักรพรรดิโลหิตเข้าไปและตามที่หวูอู๋ยี่บอก มันได้ใกล้จะพ่นไหมออกมาแล้ว
แต่เมื่อซือหยูมาถึงก็พบว่ามันยังคงไม่ปล่อยไหมออกมามันยังคงนอนอย่างขี้เกียจดังเดิม! ว่ากันว่าไหมของมันนั้นมิอาจทะลุผ่านได้ เป็นเรื่องยากที่แม้แต่อสูรเนรมิตรจะฉีกมัน ซึ่งบอกได้เลยว่ามันจะมีผลอย่างมากต่อการป้องกันตัวของซือหยู!
ซือหยูหันกลับไปอย่างไร้อารมณ์เขาจะออกจากที่นี่ในอีกไม่นาน แต่เขาก็เห็นบางสิ่งบางอย่างในใบไม้ใต้ตัวหนอน
เขาเห็นว่ามีบางสิ่งอยู่ที่นั่นแต่ตาเปล่ามิอาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาครุ่นคิดก่อนจะยกมือเด็ดใบนั้นขึ้นมา เขายื่นนิ้วชี้ยกหนอนผีเสื้อมาสังเกตใกล้ๆ
หนอนที่นอนอาบแสงอาทิตย์อย่างเกียจคร้ายพลิกตัวเล็กน้อยตัวอ้วนกลมของมันแสดงความไม่พอใจนักก่อนจะยอมรับชะตาปล่อยให้ถูกมองดูหัวจรดเท้า ซือหยูหยิบหนอนขึ้นมาและหันไปมองใบไม้ในมือ เขาดูที่ผิวใบแต่ก็ไม่พบสิ่งที่แปลกอะไร
แต่เขารู้สึกลึกๆว่ามันแปลกมากและไม่ใช่เขาที่คิดไปเอง
“ทำไมข้าไม่เห็นมันล่ะ?”
ซือหยูพูดเบาๆเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมีเพลิงปรากฏในมือ เพลิงนั้นเผาใบไม้จนเป็นเถ้าถ่านก่อนจะดับมอดไป
ซือหยูเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเพลิงของเขาถูกบางอย่างดูดซับเข้าไป!
“มีอะไรแปลกๆในใบไม้จริงๆด้วย!มันซัดฝ่ามือข้าตอนที่ใบไม้ถูกเผา!”
ซือหยูอุทานออกมา
เขากัดลิ้นพ่นโลหิตใส่มือเมื่อโลหิตกระจายในฝ่ามือก็พบว่ามีเส้นโลหิตบางๆปรากฏขึ้น
ซือหยูใช้เนตรวิญญาณมองมันอย่างละเอียดที่สุดเขามองเส้นไหมโลหิตจนพบว่าแท้จริงแล้วมันคือสิ่งใด มันคือไหมไร้สีที่มองไม่เห็น มันแข็งแรงและบางเป็นอย่างมาก มันแทบจะไม่มีมวลสารอยู่เลย
ดังนั้นจึงเป็นการยากที่ตาเปล่าจะมองเห็นได้ถ้าหากเขาไม่พ่นโลหิตลงไป เขาก็คงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ในมือของเขา!
เขาปล่อยพลังชีวิตออกมาและใช้มันทำลายเส้นไหมบางๆนั้นแต่มันก็สั่นสะเทือนเส้นไหมไม่ได้แม้แต่น้อย
ซือหยูมีแก้วพลังชีวิตหกดวงที่สมบูรณ์แบบหลังจากที่สร้างจุดกำเนิดพลังขึ้นใหม่นั่นหมายความว่าพลังที่เขาปล่อยออกมาเมื่อครู่นั้นมหาศาลจนทำให้เกิดคลื่นยักษ์ในท้องทะเลได้ แต่เส้นไหมนี้กลับไม่แม้แต่ขยับเขยื้อน!
ตอนนี้เส้นไหมถูกเพลิงเข้าจู่โจมมันได้ดูดซับเพลิงเข้าไปด้วยตัวมันเองเพราะพลังป้องกันพิเศษของมัน ดังนั้นจึงยืนยันได้แล้วว่าเส้นไหมนี้คือไหมของผีเสื้อโกลาหล!
ว่ากันว่ามันยากมากที่พลังของอสูรเนรมิตรจะทำให้เส้นไหมของมันเสียหายแต่แม้ว่าเส้นไหมของเขาจะมาจากผีเสื้อกลายพันธุ์ที่ไม่ได้แข็งแกร่งจริงๆ มันก็ควรจะมีพลังป้องกันที่มากพอตัว ซือหยูเก็บเส้นไหมของมันด้วยความระมัดระวังและมองจนทั่วหุบเขา
เขาพบว่ามีสาวน้อยร่างเล็กถูกวิบัติอัสนีกดพลังเอาไว้นางหน้าซีดราวกับคนตาย สีหน้าของนางท้อแท้หมดอาลัย เขายังเห็นอีกว่าพลังชีวิตของนางอ่อนแอเหลือเกิน
ความหยิ่งยโสทั้งหมดที่นางมีได้มลายหายไปสิ้นเมื่อเจอการทรมานจากวิบัติอัสนีแม้แต่สติส่วนหนึ่งของนางก็ถูกวิบัติอัสนีลบหายไป
เป๊าะ!
ซือหยูดีดนิ้วสลายวิบัติอัสนีจางตี๋เก้อที่เป็นอิสระล้มลงไปกองกับพื้น
“เจ้ายังไม่คิดจะก้มหัวให้ข้าอีกรึ?”
ซือหยูถามออกไป
จางตี๋เก้อสั่นไปทั้งตัวเสียงของซือหยูไม่ต่างกับภูติดุร้ายต่อนางแม้นางจะเป็นภูติผีตัวจริงก็ตาม นางก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความยากลำบาก
“นายท่านโปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ”
จางตี๋เก้อถูกทรมานจนหวาดกลัวเขาจากก้นบึ้งของจิตใจ
ซือหยูมองนางอย่างไร้อารมณ์
“เจ้าควรจะสวดวิงวอนที่ข้ากลับมาอย่างปลอดภัยเพราะถ้าข้าตาย มุกวิญญาณเก้าหยกจะสลายไป เจ้าจะถูกผนึกที่นี่ไปตลอดกาล”
ซือหยูไม่รอให้นางตอบก่อนที่จะเรียกวิญญาณกลับเข้าร่างเขาลืมตาช้าๆและพบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆเขาอย่างเงียบเชียบ นางมีร่างกายอันยั่วยวนและใบหน้าที่เย็นชาแต่ดูน่ารัก
“นายน้อยจะไปแล้วรึ?โปรดพาข้าไปกับท่านด้วยเถอะ”
หวูอู๋ยี่มองซือหยูขณะที่ขอร้องให้ได้ติดตามเขาไปด้วย
เมื่อครั้งแรกที่นางถูกเขาจับตัวเพราะความเข้าใจผิดนางโศกเศร้าและชิงชังเขา แต่ความรู้สึกเหล่านั้นได้หายไปหมดแล้ว ตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณต่อเขามาก นางยังมอบร่างกายให้แก่เขา นั่นจึงเป็นเหตุให้นางต้องการจะติดตามเขาไปเพื่อต่อสู้ครั้งสุดท้ายด้วยกัน และใช้ชีวิตกับเขาด้วย
ซือหยูหันไปมองหวูอู๋ยี่ความอบอุ่นปรากฏในสายตาเย็นชาของเขา แต่เขาก็ส่ายหน้าปฏิเสธนาง
“เจ้าควรอยู่ที่นี่และไม่ว่าข้าจะกลับมาหรือไม่ เจ้าก็ยังมีหวังและชีวิตข้างหน้า เจ้าจะเจอกับอันตรายเท่านั้นถ้าตามข้าไป”
ซือหยูก้าวเพียงก้าวเดียวสายฟ้าเข้าล้อมร่างกาย เขาเดินทางสิบลี้ในก้าวเพียงก้าวเดียวนี้
เขาไม่ให้โอกาสหวูอู๋ยี่ได้ไล่ตามด้วยซ้ำเพราะเขาได้ทำให้เซี่ยนเอ๋อเป็นเช่นนั้นไปแล้ว เขาไม่อยากจะทำให้หวูอู๋ยี่ผิดหวังไปอีกคน
“เจ้าพันธมิตรซือมาแล้ว!”
“เจ้าพันธมิตรซืออาการบาดเจ็บท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”
หลากหลายคนมองซือหยูด้วยความเป็นห่วงนับถือ และตั้งคำถาม
พวกเขาสงสัยว่าพวกเขาจะต้องทำสิ่งใดเพราะแม้แต่ภูติระดับเก้าก็บดขยี้ซือหยูจนเกือบตายและเสียฐานพลัง! พวกเขาเห็นเรื่องเหล่านี้กับตา พวกเขาจึงทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในก้นบึ้งมังกร
ซือหยูไม่ตอบเสียงตะโกนเหล่านั้นเขาเงยหน้ามองนภานอกก้นบึ้งมังกร ท้องนภาสีครามดั่งกระจกใสที่เพิ่งถูกชะล้าง
ทั้งหมดที่ซือหยูมองเห็นในตอนนี้มีเพียงภาพรอยยิ้มที่เซี่ยนเอ๋อมอบให้เขาก่อนตายแม้นางจะรักซือหยูไม่เต็มใจจะแยกจากเขา นางก็ยังคงคิดจะส่งเขาให้กับเซี่ยจิงหยูและจบความสัมพันธ์ระหว่างกันก่อนที่นางจะตาย ดังนั้นนางจึงไม่มีทั้งความเสียใจและคำบ่นว่า
ความรู้สึกเหล่านั้นถาโถมเข้ามาในใจที่มักจะเยือกเย็นดั่งวารึในบึงของเขาซือหยูลูบอกที่เจ็บแปลบตั้งแต่เซี่ยนเอ๋อตาย
“ข้ายังมีเรื่องต้องสะสางและต้องตอสู้ต่อให้จบข้ายังมีหนี้ค้างที่ต้องชดใช้ ข้าต้องไป โปรดดูแลตัวพวกเจ้าเองด้วย”
ซือหยูมองทุกคนในก้นบึ้งมังกร
เขาประสานหมัดโค้งคำนับแก่ทุกคนใบหน้าของจิวหยวนโจว จ้าวคณะวิหคเพลิง เฟิงเซี่ยน ฉีหยุนเซี่ยงและหวูอู๋ยี่ที่เพิ่งจะถูกเขาสลัดมาล้วนมีความรู้สึกต่างๆปะปนกันไป พวกเขาต่างรู้ว่าซือหยูคิดจะสู้จนตัวตาย แต่ก็ไม่มีใครคิดจะหยุดเขา
“ท่านซือหยูไม่ว่าท่านจะกลับมาได้หรือไม่ ท่านก็จะอยู่ในหัวใจคนเฉินหลงทุกคนตลอดไป โปรดถนอมตัวด้วย”
ผู้เฒ่าเฉินโค้งคำนับให้เขาเมื่อน้ำตาแห่งความขมขื่นร่วงหล่นจากดวงตา
เมื่อคำพูดอันงดงามของเขาดังขึ้นมาเหล่าทุกคนในเฉินหลงก็ตะโกนขึ้นพร้อมกัน
“เจ้าพันธมิตรซือถนอมตัวด้วย!”
ถ้อยคำอำลานี้ดังก้องก้นบึ้งมังกรจนสั่นไปถึงเมฆากระจ่างมันเป็นบรรยากาศอันหมองหม่นที่ชวนให้เศร้าใจ
ผู้เฒ่าเฉินจับชายผ้าคลุมด้วยมือเหี่ยวย่นและคุกเข่าลงหนึ่งข้างเขาคุกเข่าอย่างสง่างาม
“ท่านเจ้าพันธมิตรเฉินเว่ยฉีผู้นี้จำต้องขอลาท่าน”
ลั่วซวงที่เจ็บปวดถืออาวุธด้วยมือซ้ายและคุกเข่าขวาลงเขาตะโกนสุดเสียง
“นายท่านหน่วยกวาดล้างขออำลาแก่ท่าน”
ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เสียงเหล่าผู้คนพุ่งเข้ามาคุกเข่าลงและตะโกนพร้อมกัน
“ท่านเจ้าพันธมิตรพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ขออำลาแก่ท่าน”
ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ทั้งแสนคนที่ถูกเรียกรวมตัวจากทั้งทวีปที่นี่พวกเขาคุกเข่าลงแม้จะมิใช่คนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ความนับถือ ความเศร้าหมอง ทั้งหมดได้หลอมรวมเป็นเสียงตะโกนที่คำรามก้องก้นบึ้งมังกร
“ท่านเจ้าพันธมิตรคนเฉินหลงขออำลาแก่ท่าน”
เสียงตะโกนจนแสบแก้วหูนั้นน่าตะตกลึงใบหน้าพวกเขาเจิ่งนองไปด้วยน้ำตาอุ่นเมื่อมองราชาของพวกตน เขาคือราชาผู้โดดเดี่ยวที่ต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของพวกเขา
ซือหยูมองพวกเขาและพยักหน้าเบาๆก่อนจะบินออกไป
เมื่อถึงทางเข้าออกของก้นบึ้งมังกรเขาแตะใบไม้สีทองด้วยมือพร้อมกับจิตสังหารที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาที่ไร้ชีวิต
“เปิดผนึก!”
เขาตะโกน
ฟึ่บ!
ใบไม้สีทองเริ่มกระจัดกระจายขณะที่ปล่อยให้จิตสังหารของเขาพุ่งเสียดฟ้า
ฟึ่บ!
ชายผมขาวทะยานขึ้นสู่เหนือก้นบึ้งมังกรดวงตาของเขาแดงดั่งโลหิตและมีแต่จิตสังหาร ดวงตาของเขาราวกับดวงตาของเทพปีศาจ!
รอยแผลสีแดงบางเป็นแนวตั้งระหว่างคิ้วดูไม่ต่างจากผนึกโลหิตปีศาจผมขาวและเนตรโลหิตทำให้เขาดูราวกับเป็นเทพปีศาจจริงๆ!
ซือหยูลอยนิ่งไม่เคลื่อนไหวเขาพูดอย่างเยือกเย็นด้วยแววตานั้น
“จงออกมาแล้วตายไปซะ”
เสียงคำสั่งของเขาก่อให้เกิดคลื่นซัดผิวทะเลที่บ้าคลั่งทุกสิ่งหวาดกลัวและหนีหายจนไม่เหลือใครเหนือพื้นที่แห่งนี้นอกจากเขา
“ข้าต้องเชิญพวกเจ้างั้นรึพวกสามจ้าวเทวะ?”
ซือหยูถามอย่างไม่แยแส
จ้าวเทวะสามคนรึ?คนในก้นบึ้งมังกรเบิกตากว้าง ความโศกเศร้าในใจพุ่งทะยานยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ฟังคำพูดของซือหยู พวกเขารู้ว่าเจ้าพันธมิตรซือจะต้องตายแน่นอนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจ้าวเทวะแค่คนเดียว แต่เขากลับพูดว่ามีจ้าวเทวะถึงสามคน!
ปั้ง!
คลื่นเสียงแตกซ่านมาจากท้องทะเลเบื้องล่างสามคนบินเข้าล้อมรอบซือหยู สองคนเป็นชายวัยกลางคน ขณะที่คนสุดท้ายเป็นสตรีวัยกลางคน
ทั้งหมดมีพลังที่สงบนิ่งและมีแววตาสุขุมพวกเขาค่อนข้างมีระเบียบ
ทั้งสามสวมชุดเกราะสีอำพันและมีมงกุฎหยกอยู่ที่ศีรษะด้วยมีดวงสุริยาที่ลุกไหม้สลักอยู่บนมงกุฎของบุรุษ ขณะที่จันทร์กระจ่างถูกสลักอยู่บนมงกุฎของสตรี
ตะวันจันทราเป็นสัญลักษณ์แห่งแสงกระจ่างเหล่านี้คือสัญลักษณ์ขององครักษ์แสงกระจ่าง!
ทั้งสามคือจ้าวเทวะที่ถูกส่งมาที่นี่เพื่อสังหารซือหยู!สิ่งที่เกิดขึ้นน่าตกตะลึงแม้แต่ในจิวโจว แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เห็นกลุ่มจ้าวเทวะร่วมมือกันสังหารกึ่งภูติแค่คนเดียว!