The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 727
DND.727 – การมาของจักรพรรดิโลหิต
เซี่ยจิงหยูมือสั่นเมื่อได้ยินคำพูดของซือหยูหยดสุราร่วงลงบนโต๊ะทิ้งรอยเอาไว้ราวกับคราบน้ำตา
“ข้าดีใจจริงๆที่เจ้ายังคิดถึงข้าแม้ในตอนนี้”
เซี่ยจิงหยูยิ้มเบาๆรอยยิ้มนั้นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งในเวลาต่อมา
“แต่สายไปแล้วข้าเผาเซี่ยนเอ๋อจนเป็นธุลีไปแล้ว เจ้าช่วยนางไม่ได้แม้จะมีโอสถฟื้นชะตา”
ความบ้าคลั่งและโหดเหี้ยมปรากฏในใบหน้าของนาง
“นางไม่ควรจะฝันถึงสิ่งที่ข้าไม่มีวันได้รับแม้ข้าจะต้องสละทุกสิ่งไป…ฮ่าๆๆๆ…”
เซี่ยจิงหยูหัวเราะอย่างสุขใจเสียงหัวเราะของนางทั้งบ้าคลั่ง ดุร้าย และเศร้าหมอง
นางเผาเซี่ยนเอ๋อไปแล้วรึ?
ปั้ง!
ซือหยูถอยหลังไปสองก้าวดวงตาเยือกเย็นได้แข็งทื่อไป สิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดที่สุดกลับเกิดขึ้นในท้ายสุด เซี่ยนเอ๋อถูกเซี่ยจิงหยูเผาไปแล้ว
“เจ้าโกหกข้าใช่ไหม?”
ซือหยูก้มหน้าสิ่งรอบข้างจางลง เขามิอาจเห็นสิ่งตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นดอกท้อ เหล่าบุพผา หรือหิมะ
ความเยือกเย็นแผ่ออกมาจากหัวใจอุณหภูมิโดยรอบได้เยือกเย็นลงราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ เกล็ดหิมะปรากฏขึ้นพร้อมกับดอกท้อที่ถูกแช่แข็ง
แก่นแท้ดวงใจน้ำแข็งของเขาแตกสลายหัวใจของเขาเองก็เช่นกัน
เซี่ยจิงหยูมองอาทิตย์อัสดงและจันทราลอยผ่องนางพูดช้าๆ
“ข้าโกหกได้แม้แต่สวรรค์แต่ข้าไม่เคยโกหกเจ้า”
“เจ้าไม่ต้องตามหาเซี่ยนเอ๋ออีกแล้วข้าเผานางไปแล้ว นางถูกฝังไปตลอดกาล”
เซี่ยจิงหยูมองซือหยูและพูดออกมา
“ตอนนี้เจ้าเสียใจแล้วรึยังล่ะ?อย่างที่ข้าพูด เจ้าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
ความเจ็บปวดกัดกินหัวใจของซือหยูราวกับมีคนเอามีดแหลมเสียดแทงเข้ามาจนแตกสลายภาพของเซี่ยนเอ๋อฉายซ้ำในจิตใจ รอยยิ้มอันไร้เสียงสาของนาง ความร่าเริงของนาง และความน่ารักของนาง
เขามาช้าไปเขาไม่มีวันได้พบหญิงสาวน่ารักคนนั้นอีกแล้ว นางจะอยู่ในโลกแห่งความตายไปตลอดกาล
ความโศกเศร้าและทุกข์ทรมานเอ่อล้นในหัวใจสิ่งรอบข้างมลายหายรวมถึงบุพผาภายในหิมะ
เขาไม่ได้ยินเสียงใดอีกแล้วเขารู้สึกเพียงความเจ็บปวด ความหวังสุดท้ายของเขาได้ขาดสะบั้นลงไปหลงเหลือเพียงความเยือกเย็น
“เซี่ยจิงหยู”
ซือหยูเงยหน้าน้ำเสียงของเขาไม่ต่างจากตอนที่พูดกับศัตรู แม้ดวงตาจะเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แต่มันก็ดูไม่ต่างจากดวงตาของคนตาย มันไร้แววตาของคนเป็นโดยสิ้นเชิง
“หากเจ้ามองเห็นอนาคตเจ้าก็คงเห็นอนาคตของตัวเจ้าเองสินะ?”
ซือหยูพูดกับนางราวกับคนแปลกหน้า
เซี่ยจิงหยูมิได้กลัวเขานางยังคงหนักแน่นเยือกเย็น นางยิ้มอย่างขมขื่น
“ข้าต้องเห็นอยู่แล้วไม่นานก็จะตาย ตายอยู่ในมือทั้งสองของเจ้า”
ถ้านางรู้ว่านางจะตายแล้วทำไมนางถึงยังทำลายร่างของเซี่ยนเอ๋ออีกเล่า?
ตอนที่ผู้คนรู้ว่ากำลังจะตายคนเหล่านั้นจะคิดอ่านได้อย่างบริสุทธิ์ แต่นางกลับใช้วิธีที่จะทำให้ซือหยูต้องโศกเศร้าไปตลอดชีวิต
“ถ้าเจ้ารู้อยู่แล้วก็จงตายไปซะ”
ซือหยูมองเซี่ยจิงหยูเนตรสวรรค์เหนือชั้นฟ้าที่จ้องมองซือหยูหลับตาลงก่อนจะเบิกโพล่งขึ้นมาอีกครั้ง
แม้แต่จ้าวเทวะก็แหลกสลายเพราะเนตรนี้มิต้องพูดถึงเซี่ยจิงหยู
เซี่ยจิงหยูยิ้มเบาๆจากนั้นจึงยิ้มเยาะ
“ข้าตายในมือเจ้าก็จริงแต่ข้าไม่เคยพูดว่าข้าจะตายเพราะเจ้า”
เมื่อนางพูดก็ได้มีร่างเงาปรากฏเหนือศีรษะ
นั่นคือเสี้ยววิญญาณของฮงหลวน
นางถือหอคอยจักรพรรดิด้วยใบหน้าชั่วร้ายนางหัวเราะเมื่อมองดูซือหยู
“ต่อให้เป็นคนอย่างเจ้าก็มีวันนี้รึ?ในตอนนั้น เซี่ยจิงหยูยอมแม้แต่จะต้องแต่งงานกับราชาเขตกลางเพื่อที่จะช่วยชีวิตเจ้า น่าประทับมิใช่รึ? แต่วันนี้นางหักหลังและยังบังคับให้เจ้าต้องฆ่านางด้วยมือตัวเอง”
“เจ็บใจสินะ?”
ฮงหลวนหัวเราะอย่างชั่วร้ายและบ้าคลั่ง
“ก็ดีนี่แหละชะตาของเจ้า แต่มันยังง่ายไป มันยังไม่พอ”
“เฉินหลงคือบ้านเกิดของเจ้ามิใช่รึ?ข้าจะให้เจ้าได้เห็นการทำลายล้างที่เจ้าจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่า”
ฮงหลวนแทบคลั่งเมื่อยกคอหอยจักรพรรดิและโยนออกไป
หอคอยจักรพรรดิขยายขนาดขึ้นและพุ่งไปที่หน้าเนตรสวรรค์
พลังทำลายล้างที่เนตรสวรรค์ปล่อยออกมานั้นถูกหอคอยจักรพรรดิขัดขวางและทำอะไรหอคอยไม่ได้
แววตาของฮงหลวนเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
“ข้าจะสละเสี้ยววิญญาณนี้ก็เพื่อเจ้า…จงเตรียมตัวไว้ซะยอดฝีมือทั้งหมดในเฉินหลงจะต้องถูกประหาร”
นางพูดและบินขึ้นฟ้านางกระแทกกับหอคอยจักรพรรดิ วิญญาณของนางแตกสลายเพราะแรงปะทะ มันกลาเยป็นเศษแก้วนับไม่ถ้วนและถูกหอคอยดูดซับเข้าไป
หอคอยจักรพรรดิที่ไร้พลังมิติได้เปล่งแสงออกมาอีกครั้งประตูมิติเปิดขึ้นมาแล้ว
ครืน!
เมื่อมันเปิดทั้งโลกเฉินหลงตลอดไปในทวีป ท้องสมุทร และนภาได้สั่นสะเทือน พลัววิญญาณได้ปั่นป่วน ลาวาได้ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของปฐพี มันเผาป่าเขา รอยแยกมิติสีดำมากมายได้ปรากฏบนทุกมุมโลก
ราวกับว่าโลกเฉินหลงกำลังจะแตกสลายในอีกไม่นานปรากฏการณ์ที่น่ากลัวนี้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตในทวีปแตกตื่น
เรื่องเช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในตอนที่ซือหยูอยู่ใต้ก้นบึ้งมังกรและต่อสู้กับจักรพรรดิโลหิตที่พยายามจะมาเฉินหลง
แต่ครั้งนี้ปรากฏการณ์ได้รุนแรงกว่าเดิมเป็นสิบเท่า มีบางอย่างได้มาถึงโลกของเฉินหลงจนมิอาจทนรับการมีอยู่ของเขาได้
จิวหยวนโจวที่อยู่ในก้นบึ้งมังกรหน้าซีดราวกับกระดาษเขาสั่นไปทั้งตัว
“จักรพรรดิ…โลหิต…”
ซือหยูเงยหน้ามองหอคอยจักรพรรดิ
“ร่างหลักของจักรพรรดิโลหิตรึ?”
เซี่ยจิงหยูหัวเราะบุพผารอบตัวนางฉีกขาดเป็นกลีบนับไม่ถ้วนและลอยขึ้นมาเมื่อเจอกับแรงกดดันมหาศาล
เซี่ยจิงหยูที่อยู่ท่ามกลางกลีบบุพผาดื่มสุราในแก้วของนางจนหมดในอึกเดียว
“นี่คือสิ่งที่ข้าเห็นการทำลายล้างโลก และความตายของทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น”
“เจ้าข้า นภา ผืนดิน เหล่ามด สามัญชน และทุกสิ่งจะกลายเป็นเถ้าถ่านหลังจากการมาของจักรพรรดิโลหิต นั่นคือสิ่งที่ข้าได้เห็น ข้าได้เห็นจุดจบของโลก”
ดูเหมือนว่านางจะเห็นจุดจบของโลกมาก่อนแล้วและนางได้เห็นสิ่งเดียวก็คือโลกที่ถูกทำลายอันว่างเปล่า
สิ่งสิ่งมีชีวิตจะถูกกวาดล้างโดยฝ่ามือของจักรพรรดิโลหิตและการขัดขืนล้วนไร้ความหมาย
ทุกคนจะตายรึ?ซือหยูไม่สงสัยอะไรนักเพราะพลังของจักรพรรดิโลหิตมากพอจะสังหารทุกคนจริง และนี้คือร่างหลักของเขาที่มายังโลก
ฮงหลวนใช้เสี้ยววิญญาณสุดท้ายของนางเป็นพลังขับเคลื่อนหอคอยจักรพรรดิจนถึงขีดสุดและจะทำให้ร่างหลักของอสูรเนรมิตรมาถึงเฉินหลงได้
เรื่องราวเป็นเช่นนี้สินะ?ซือหยูเงยหน้ามองท้องนภา เขายิ้มเบาๆบนใบหน้าที่เศร้าหมอง มันเป็นรอยยิ้มขมขื่นถึงที่สุด
“เซี่ยนเอ๋อสุดท้ายแล้ว ข้าจะได้ลงไปเจอเจ้าเสียที”
ถ้าหากจักรพรรดิโลหิตมาที่นี่แม้ว่าเขาจะช่วยเซี่ยนเอ๋อด้วยโอสถฟื้นชะตา แต่มันก็คงจะไร้ความหมายอยู่ดี เพราะพวกเขาทั้งหมดจะตายในตอนท้ายสุด
ปั้ง!ปั้ง! ปั้ง!
รอยแยกมิติขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ามันทอดยาวสิบลี้ราวกับท้องนภาเป็นกระจกที่แตกกลาง
เพลิงใต้ดินพวยพุ่งขึ้นมาท้องสมุทรและทั้งทวีปลุกไหม้ในกองเพลิงเหล่านี้ สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอตายหมดในพริบตา
เฉินหลงกำลังจะถูกทำลายโดยทะเลเพลิงเหล่านี้มันกำลังจะถูกทำลายเหมือนกับโลกที่จักรพรรดิโลหิตทำลายไปดังครั้งก่อน
“หึหึเหมือนเดิมจริงๆ โลกอ่อนแอใบนี้รับพลังอะไรไม่ได้เลย”
เสียงเยาะเย้ยดังก้องไปทั้งโลกมันดังถึงหูทุกคน
ชายร่างสูงออกมาจากหอคอยจักรพรรดิเขาสวมผ้าคลุมสีเลือด ชุดเกราะสีเลือด ผมขาวของเขายาวไปถึงแผ่นหลัง มันพัดสยายออกมาอย่างน่ากลัว
ราวกับในดวงตาของเขามีดวงดาวดาวตะวัน และดวงจันทร์อยู่ในนั้น มันดูกว้างขว้างไร้ขอบเขตราวกับจักรวาลที่มีทุกสิ่งอยู่ภายใน
มีมงกุฎลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาในมงกุฎนั้นมีรูปสลักของจักรวาลสลักเอาไว้
เขาราวกับเสาสวรรค์ที่ค้ำจุนโลกทั้งใบและการปรากฏตัวของเขาทำให้โลกเฉินหลงระส่ำระสาย รอยแยกมิติขนาดยักษ์นับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นมา รอยแยกเหล่านั้นแผ่ขยายและทำลายโลกทั้งใบ
อสูรเนรมิตรนี่คืออสูรเนรมิตรที่ทำโลกเฉินหลงสิ้นลงไปได้โดยไม่ต้องขยับแม้แต่ดัชนีเดียว
เขาคือจักรพรรดิโลหิตเขาได้ก้าวเข้ามายังเฉินหลงแล้ว
แค่การเหลือบตามองของเขาครั้งเดียวก็กำจัดสัตว์อสูรไปมากมาย
จักรพรรดิโลหิตยิ้มมองเฉินหลงทุกสิ่งที่เขามองทั้งภูเขา แม่น้ำ มัจฉา ต้นหญ้า วิหค สัตว์ป่า ทุกอย่างถูกเผาสู่ความเวิ้งว้าง
แค่การเหลือบมองด้วยสายตาก็ทำให้หนึ่งในสี่ของโลกถูกทำลายสิ่งมีชีวิตนับพันล้านถูกฆ่าเพราะเขา
เมื่อมองไปรอบๆเขาได้พบกับเนตรสวรรค์ที่อยู่เบื้องบน แม้ว่าท้องนภาจะแตกเป็นเสี่ยงเพราะประตูมิติ แต่เนตรสวรรค์ยังคงอยู่ที่เดิม
“ข้าเกลียดการถูกมองเช่นนั้น”
จักรพรรดิโลหิตพูดอย่างเยือกเย็น
ปั้ง!
พอพูดจบโลหิตก็ได้พุ่งออกมาจากเนตรสวรรค์ มันระเบิดหายไป
ซือหยูร้องด้วยความเจ็บปวดโลหิตไหลซึมออกมาจากตาขวาของเขา คำพูดไม่กี่คำของจักรพรรดิโลหิตได้ทำลายเนตรสวรรค์ไปเฉยๆ
ในตอนนั้นเองจักรพรรดิโลหิตละสายตาหันมามองซือหยู
ซือหยูรู้สึกราวกับถูกโลกทั้งใบทุ่มใส่ตัวโลหิตไหลออกมาจากมุมปากทันที เขากระเด็นไปร้อยลี้ แรงที่กระเด็นได้ทำลายภูเขาไปหลายลูก
“ไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าอีก…”
จักรพรรดิโลหิตพูดอย่างเยือกเย็น
ในตอนที่จักรพรรดิโลหิตจะมาที่นี่ผ่านก้นบึ้งมังกรเขาได้สละสมบัติภูติเพื่อมาที่นี่ แต่เขาก็ถูกซือหยูลอบโจมตีด้วยอุบายสกปรกที่ตัดแขนขาเขาไป
เขาจะลืมความอัปยศครั้งนั้นได้รึ?และเพราะเรื่องนี้ สิ่งแรกที่เขาจะทำเมื่อมาถึงเฉินหลงก็คือการสังหารซือหยู
แววตาซือหยูที่บาดเจ็บสาหัสยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเพราะหัวใจเขาได้ตายไปแล้ว เขาไม่สนใจความเป็นตายของตนอีกแล้ว
“หืม?เจ้ารับสายตาของข้าได้โดยไม่ตายรึ?”
จักรพรรดิโลหิตตกใจเล็กๆสายตาของเขาทำลายหนึ่งในสี่ของโลกไปแล้ว แต่มันก็มิอาจสังหารเด็กกึ่งภูติคนเดียวได้
เขาหรี่ตามองอีกครั้งและอุทานด้วยความแปลกใจ
“นั่นมัน…ไหมของผีเสื้อโกลาหล!”
เส้นไหมที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านี้ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้จักรพรรดิโลหิตทั้งมองเห็นและบอกได้ว่ามันคือสิ่งใด
“เส้นไหมของหนอนวิญญาณผีเสื้อโกลาหลเจ้าหนู ตั้งแต่มุกบาดาลของจักรพรรดิอสูรแล้ว เจ้ายังทำให้ข้าตกใจได้อีกครั้ง”
จักรพรรดิโลหิตมองมายังซือหยูที่อยู่ห่างออกไปเขามองราวกับมองมดปลวก
“มันทำให้ข้าอยากฆ่าเจ้ายิ่งกว่าเดิม”