The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 729
DND.729 – กายาอมตะ
ราชาแห่งความมืดเหม่อลอยเมื่อมองดูสมบัติวิเศษของจักรพรรดิโลหิตแต่เขาก็รู้สึกตัวในไม่นาน
เขาถามด้วยความตกใจ
“นั่นมันสมบัติอรหันต์สูงสุดรึ?”
จักรพรรดิโลหิตตอบ
“ในอดีตคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนต้องเผชิญหน้ากับอสูรแบบนี้แต่หลังจากเรื่องในอดีต ราชาเขตกลางก็เริ่มศึกษาเรื่องอสูร จากนั้นพวกข้าก็ได้เจอวิธีกำราบมันด้วยพลังอรหันต์”
“พลังอรหันต์จะรับมือกับอสูรได้ในเวลาครึ่งถ้วยชา”
จักรพรรดิโลหิตพูดและซัดมัจฉาไม้ทองออกไปเสียงบทสวดดังก้องโลก เงารูปปั้นทองคำขนาดยักษ์ยังปรากฏออกมาอีกด้วย
เงารูปปั้นทองคำนี้เปล่งแสงสีทองสว่างจ้าออกมาใบหน้าอัปลักษณ์ของอสูรแสดงถึงวามหวาดกลัว มันทำได้แค่ปล่อยพลังอสูรออกมาต้านทานและหยุดไล่ล่าจักรพรรดิโลหิต
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ราชาแห่งความมืดใจหายประตูชีวาล่องเป็นทั้งหมดที่เขาเตรียมการไว้รับมือกับจักรพรรดิโลหิต แต่จักรพรรดิโลหิตกลับมีวิธีจัดการกับมัน! ถ้าจักรพรรดิจิวโจวรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ในอดีต เขาก็คงไม่ต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้!
“จบแล้วรึ…”
ราาแห่งความมืดหัวเราะอย่างขมขื่น
“สิ่งที่ข้าทำมาหลายร้อยปีทั้งหมดกลับปกป้องท่านเฉินไม่ได้”
เขาทำได้แค่มองมัจฉาไม้ในมือจักรพรรดิโลหิตอย่างสิ้นหวัง
เวลาผ่านไปช้าๆแต่อสูรก็มิอาจเป็นอิสระได้จากแสงสีทอง เพียงไม่นาน อสูรก็ร้องคำรามอย่างโศกเศร้าก่อนจะกลายเป็นแสงวทมิฬและกระจายหายไป
จักรพรรดิโลหิตหยุดใช้สมบัติวิเศษของเขาใบหน้าเขาซีดไปบ่งบอกถึงการใช้มัจฉาไม้ที่กินพลังของเขาไป มัจฉาไม้เองก็เสียหายอย่างหนัก ตอนนี้มันเต็มไปด้วยรอยแตกที่พร้อมจะหลุดออกจากันในไม่นาน
จักรพรรดิโลหิตหายใจเข้าลึก
“ข้าดูถูกเจ้าเกินไปถ้าข้าไม่เตรียมพร้อม อุบายของเจ้าอาจจะได้ผลก็ได้!”
จักรพรรดิโลหิตปล่อยจิตสังหารไร้ขอบเขตออกมาเมื่อมองราชาแห่งความมืดผู้ที่ดวงตามีแต่ความเศร้าและหัวเราะอย่างขมขื่น
“ข้าทำให้ท่านเฉินต้องผิดหวังข้าทำตามความปรารถนาของท่านไม่ได้ ข้ายังล้างแค้นไม่ได้อีก ข้าสมควรตายจริงๆ”
จักรพรรดิจิวโจวในอดีตได้เสียฐานะตำแหน่งไปนานแล้วแต่เขาก็ยังมีคนอย่างราชาแห่งความมืดที่ภักดีและทุ่มเทเพื่อเขา! จิตใจของราชาแห่งความมืดนั้นน่านับถืออย่างมาก
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วตายไปซะเถอะ!”
จักรพรรดิโลหิตก้าวออกมาเพียงก้าวเดียวแต่ราวกับโลกทั้งใบได้หมุนตามเขา
เขามาปรากฏตัวหน้าราชาแห่งความมืดและซือหยูในพริบตาเขายื่นดัชนีไปที่หน้าผากราชาแห่งความมืด ดูเหมือนว่าทั้งร่างของราชาแห่งความมืดจะสลายไปจากดัชนีนี้ และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต่อต้านด้วยพลังวิญญาณที่หมดลงไป
“น่าชังชิงนัก!”
ราชาแห่งความมืดตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“ข้าชิงชังที่ข้าไร้พลังจนฆ่าคนทรยศชั้นต่ำอย่างเจ้าไม่ได้!”
ดวงตาที่เปล่งประกายของราชาแห่งความมืดเต็มไปด้วยเพลิงแค้นเขาจ้องมองจักรพรรดิโลหิตและประกาศก้องเมื่อรู้ตัวว่าจะตาย
“จักรพรรดิโลหิตต่อให้ต้องเป็นผี ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”
จักรพรรดิโลหิตยิ้มเยาะ
“เช่นนั้นก็จงเป็นผีไปซะเถอะ!”
เขาพยายามจะใช้ดัชนีจิ้มหน้าผากราชาแห่งความมืดดวงตาของราชาแห่งความมืดทเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเพราะความรู้สึกอันขมขื่นมากมายได้เอ่อล้นออกมาจากใจ
ทุกคนในก้นบึ้งมังกรและทุกสิ่งมีชีวิตในทวีปเงียบลงพวกเขาเคยคิดว่าการมาของราชาแห่งความมืดจะช่วยเหลือพวกเขาได้ แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าคนอย่างราชาแห่งความมืดก็พ่ายแพ้!
แต่ก่อนที่ดัชนีของจักรพรรดิโลหิตจะถึงเป้าหมายก็มีเสียงสายลมพัดอย่างรุนแรงจักรพรรดิโลหิตเบิกตากว้างและดึงมือกลับ
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
“กล้าดียังไงถึงลงมือกับข้า?”
มุกสีครามอำพันลอยกลับไปที่มือซือหยู
“อะไรของเจ้า?เจ้าอยากจะให้ข้ารอคอยความตายเฉยๆรึ?”
ซือหยูแววตาเยือกเย็นเช่นทุกที
จักรพรรดิโลหิตถอนหายใจแรง
“งั้นเจ้าก็ตายไปก่อนแล้วกัน!”
ฟึ่บ!
เขาชี้ดัชนีไปทางซือหยูซือหยูที่มิได้มีสมบัติภูติจะตายแน่นอนถ้าดัชนีได้สัมผัส แต่ซือหยูกลับไม่พยายามหลบ เขาเพียงแค่อ้าปากและพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจออกมา…
“ฉิงหลิง เถียน ไน่ ไก สี…”
คำพูดเต็มไปด้วยจิตสังหารเชี่ยวกรากและพลังอสูรที่อัดรวมกันแน่นมันคือการอัญเชิญ! วิญญาณซือหยูสั่นสะเทือนเมื่อพูดภาษาเหล่านี้ ผนึกฝ่ามือที่หลับใหลอยู่ในจิตของเขามานานได้ลอยออกมาช้าๆ
“ประตูชีวาล่อง?”
จักรพรรดิโลหิตตกใจ
“เป็นไปได้ยังไงที่เจ้าจะมีมัน?”
ซือหยูได้ประตูนี้มาจากซากโบราณที่เขารัตติกาล
ราชาแห่งความมืดตกใจไม่ต่างกัน
“อะไรกัน?นั่นมันประตูของหวูชิง!”
ในอดีตจักรพรรดิจิวโจวได้สร้างทวีปใหม่ขึ้นมาและกำลังจะตาย เขาได้แจกจ่ายประตูชีวาล่องที่เหลือให้กับองครักษ์ทั้งสี่ องครักษ์เหล่านี้คือราชาแห่งความมืด ราชาโลกดับสูญ จ้าวอู๋ตง และหวูชิงแห่งเขารัตติกาล
มิใช่เพราะว่าราชาแห่งความมืดไม่ได้ไปตามหามันที่เขารัตติกาลแต่เขาพบเพียงซากปรักหักพังเมื่อไปถึงที่นั่น เขาจึงสงสัย…
ทำไมมันถึงตกไปเป็นของซือหยูได้?แล้ว…ทำไมมันถึงอยู่ในวิญญาณของเขา? เขาซ่อนไพ่ตายเขาไว้อย่างลึกล้ำนัก!
สิ่งที่เขาทึ่งยิ่งกว่าก็คือคำพูดที่ซือหยูเปล่งออกมามันคือภาษาที่แตกต่างจากตอนที่เขาพูดโดยสิ้นเชิง
“เจ้าเรียนภาษาที่เขียนไว้ของมันด้วยเรอะ?”
จักรพรรดิโลหิตสูดหายใจเข้าลึกเขาตกใจอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นราชาแห่งความมืดหรือราชาเขตกลางพวกเขาต่างลงทุนลงแรงและเสียเวลาหลายสิบปีในการทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ มันน่าสับสนที่ซือหยูเข้าใจภาษานี้ได้
ซือหยูพยักหน้า
“มันคือภาษาตระกูลอสูร”
เมื่อซือหยูรู้วิธีใช้ประตูชีวาล่องเขาได้สังเกตดูรอยฝ่ามือในดวงวิญญาณ เขาพบว่ามีบางสิ่งที่เขามองข้ามไปในอดีต
เขาคิดว่ามันเป็นเพียงรูปแบบที่ไร้ความหมายแต่เมื่อมองดูอย่างละเอียดจึงได้พบว่ามันคือภาษาตระกูลอสูร! ภาษาอสูรนั้นเป็นหนึ่งในภาษาที่หยุนย่าสีถ่ายทอดให้กับเขา เขาจึงอ่านคำในประตูชีวาล่องได้อย่างง่ายดาย
เขาท่องบทอัญเชิญรอยฝ่ามือที่ลอยออกมานั้นเปล่งแสงจ้าถึงขีดสุดและบินออกไประเบิดนภา มันทำให้เกิดรอยแยกทมิฬที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ
“หึหึ…”
เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองดังมาจากรอยแยกทมิฬนั้นมันคืออสูรอีกตน!
ซือหยูมองจักรพรรดิโลหิต
“เจ้าเตรียมตัวเผชิญหน้ากับอสูรอยู่แล้วรี่ทำไมไม่ลองสู้กับตนนี้ดูล่ะ? ข้าอยากจะรู้ว่าฝั่งไหนจะทนได้นานกว่ากัน!”
จักรพรรดิโลหิตไม่พอใจกับคำพูดของซือหยูมันทำให้เขาเกลียดชังซือหยูยิ่งกว่าเดิม แต่เขาก็ไม่กล้าจะเสียเวลาโต้กลับ แม้อยากจะฆ่าซือหยูเพียงใด เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับอสูรตนนี้เสียก่อน
ปั้ง!
เมื่ออสูรก้าวออกมายังโลกร่างใหญ่ของมันปล่อยพลังอสูรที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมออกมา มันหัวเราะอย่างชั่วร้ายและมองดูรูปปั้นสีทองอย่างมีเลศนัย
จักรพรรดิโลหิตอัดพลังลงในมัจฉาไม่อย่างไม่หยุดหย่อนและมองอสูรอย่างกังวลใจเมื่อเวลาผ่านไป หยดเหงื่อได้ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขาเพราะเขาใช้พลังไปมากแล้ว
อสูรกับรูปปั้นอรหันต์ได้เผชิญหน้ากันอย่างเดิมแต่ครั้งนี้ แสงสีทองได้อ่อนแอลงไป รอยแตกมากมายปรากฏขึ้นบนมัจฉาไม้ ท้ายสุดมันก็รับมืออสูรไม่ไหว
จักรพรรดิโลหิตเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงมัจฉาไม้ในมือของเขาระเบิด
รูปปั้นอรหันต์หายไปมือของอสูรได้พุ่งไปที่จักรพรรดิโลหิตเพื่อพยายามจะจับตัวเขาขณะที่หัวเราะอย่างชั่วร้าย ดูเหมือนว่ามันจะไม่พอใจจักรพรรดิโลหิตเท่าใดนัก
จักรพรรดิโลหิตรีบหันหนีแต่มือของอสูรนั้นเร็วมาก เมื่อมันพบว่าจักรพรรดิโลหิตไม่ปล่อยให้ถูกจับตัว มันจึงเปลี่ยนเป็นตบใส่เขาแทน
ปั้ง!
จักรพรรดิโลหิตถูกตบกระเด็นไปยังก้นทวีปทั้งทวีปสั่นอย่างรุนแรง จักรพรรดิโลหิตร่างกายแหลกสลายและถูกทำลายไปเพราะการตบของอสูร!
หลังจากที่อสูรฆ่าจักรพรรดิโลหิตมันได้หันมามองซือหยูและราชาแห่งความมืด มันเลียริมฝีปากและปล่อยหมัดเข้าใส่ทั้งสองคน
แต่ไม่นานมันก็ร้องคำรามออกมามันกลายเป็นลำแสงกลับไปยังรอยแยกทมิฬ! ทั้งโลกเงียบกริบเหลือเพียงเสียงลาวาเดือด ไม่มีใครเชื่อว่าจักรพรรดิโลหิตที่เป็นอสูรเนรมิตรจะถูกฆ่าตาย!
หลายคนคิดว่าตัวเองอยู่ในฝันเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันมิอาจเชื่อได้แม้แต่ราชาแห่งความมืดเองก็งุนงง จักรพรรดิโลหิตถูกฆ่าตาย…คนเฉินหลงปลอดภัยแล้ว
ราชาแห่งความมืดตาเป็นประกาย
“ไปดูว่ามันตายหรือยังกับข้าไอ้ทรยศเฒ่านี้เจ้าเล่ห์นัก…”
ซือหยูพยักหน้าและตามเขาไปยังจุดที่จักรพรรดิโลหิตถูกสังหารที่นั่นเต็มไปด้วยซากเนื้อที่แหลกเหลว เขาตายอย่างเห็นได้ชัด! แม้แต่วิญญาณของเขาก็หายไปด้วย!
เมื่อยืนยันได้ว่าจักรพรรดิโลหิตตายทั้งสองได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและผ่อนคลายลง
“ท่านเฉินจักรพรรดิโลหิตตายแล้ว”
ราชาแห่งความมืดคุกเข่าไปทางตอนเหนือของทวีปดวงตาของเขาเอ่อล้นไปทั้งน้ำตา เขาได้ยกภูเขาที่ทับหัวใจของเขามาอย่างยาวนานสำเร็จแล้ว
“ซือหยูเจ้าจะทำอย่างไรต่อรึ?”
ราชาแห่งความมืดมองซือหยู
ซือหยูมองท้องนภาที่แตกสลายและผืนปฐพีเขาส่ายหน้าด้วยความว่างเปล่า
“ข้าไม่รู้”
หัวใจของเขาตายไปแล้วไม่ว่าโลกจะกว้างใหญ่เพียงใด เขาก็ไม่มีสิ่งใดให้สนใจอีกแล้ว
“เหตุใดไม่ติดตามข้ากับท่านเฉินเล่า?เจ้ามาบ่มเพาะพลังกับพวกเราก็ได้”
ราชาแห่งความมืดเป็นห่วงซือหยู
“เจ้าไม่ควรจะทิ้งพรสวรรค์ไปเสียเปล่า”
แต่เมื่อพูดจบเสียงเบาๆก็ได้ลอยเข้าหูของทั้งคู่ เนื้อบดรอบๆพวกเขาเริ่มขยับตัว! มันรวมตัวกันและก่อร่างเป็นจักรพรรดิโลหิตอีกครั้ง!
เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น
“หึหึไอ้แก่บัดซบเฉินอี้เจิงยังมีชีวิตอยู่จริงๆด้วย”