The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 862 - ตัวตนของหวูซื่อ
DND.862 – ตัวตนของหวูซื่อ
“ผนึกเทพโรควิญญาณร้าย!”
ก่อนตายอรหันต์ผีใช้วิชาลับเรียกผนึกเทพออกมา
ผนึกวิเศษที่เปล่งแสงสีทองปรากฏที่เหนือศีรษะของมันในทันทีหน้าผีชั่วร้ายสลักอยู่ใต้ผนึกวิเศษนี้
ซือหยูตกใจเขารีบถอยกลับขณะที่ยังแบกร่างอสูรน้อยไว้ในอ้อมแขน เขาสะบัดข้อมือเพื่อรีบใช้เส้นไหมบั่นคอศัตรู
มีช่องเปิดกว้างทิ้งไว้ในถ้ำที่แข็งแรงเป็นอย่างมากแสงดาวจากโลกภายนอกส่องเข้ามาในถ้ำอันมืดมิด อากาศสดชื่นที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสมาเป็นเวลานานพัดผ่านใบหน้า
ซือหยูแตะพื้นด้วยปลายเท้าและบินขึ้นฟ้าไปกับอสูรน้อยเพื่อออกจากโลกใต้ดินแต่ทันทีที่ออกไปนั้นเอง พลังหน้าผีก็พุ่งออกจากถ้ำด้วย!
มันที่อ้าปากกว้างเพื่อกัดทั้งสองคนนั้นน่าสยดสยอง!แต่มันก็ไม่ได้กัดร่างกายของทั้งคู่แต่เป็นดวงวิญญาณ! ซือหยูเจ็บปวดในวิญญาณอย่างมาก เขารู้สึกว่าวิญญาณกำลังถูกดูดกลืนโดยไร้ลักษณ์!
อสูรน้อยที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเขากรีดร้องอย่างน่าเวทนานางสั่นไปทั้งตัว นางเจ็บปวดอย่างมากและทำให้แค่ใช้มือสั่นเทาจับศีรษะเอาไว้
หากไม่แก้ไขวิญญาณของทั้งคู่จะถูกทำลาย! ผนึกเทพของอรหันต์ผีคือการจู่โจมวิญญาณ! ไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อนเพราะเขาซุกซ่อนพลังเอาไว้อย่างดีเพื่อใช้เป็นท่าไม้ตายในเวลาเช่นนี้!
เขาเก็บพลังนี้ไว้จนถึงก่อนตายและใช้ออกมาในช่วงสุดท้ายนั้นเอง ซือหยูผลักอสูรน้อยออกจากตัวเขา
หน้าผีร้องคำรามมันแบ่งแยกเป็นสอง หนึ่งนั้นกัดซือหยูต่อไป ส่วนอีกหนึ่งไล่ล่าหาอสูรน้อย
ซือหยูชักสีหน้าเขาคิดในใจ…เพลิงวิญญาณ
ดวงตาซือหยูเปล่งแสงสีขาวเพลิงวิญญาณไร้รูปร่างเข้าแผดเผาหน้าผีที่ไล่ตามอสูรน้อย ควันดำพวยพุ่งออกจากหน้าผีนั้น มันหันมาอย่างโกรธแค้นและเลิกคิดตามอสูรน้อยพร้อมกับกระโจนเข้าใส่ซือหยูอีกครั้ง
ในขณะนี้บาดแผลของอสูรน้อยฟื้นฟูขึ้นมาเล็กน้อย สัมผัสของนางมิได้ลางเรือนเหมือนเมื่อครู่ นางเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
นางรู้สึกราวกับถูกฟาดด้วยสายฟ้านางประทับใจและรู้สึกร้อน ภายใต้ความสงสัยและข้อกังขา ความรู้สึกอบอุ่นที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนได้แผ่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ทำไมเขาถึงมาช่วยข้า?อสูรน้อยคิด นี่คือครั้งแรกที่นางเคยสงสัยและสับสนเช่นนี้
ทั้งคู่เป็นคนแปลกหน้ากันอยู่แล้วงนางรู้ว่าเขาโยนนางทิ้งและปล่อยให้นางเรียกความสนใจจากหน้าผีได้ขณะที่เขาหนีไปคนเดียว คำถามอันน่าฉงนทำให้จิตใจของนางวุ่นวาย นางมิอาจหาคำตอบได้เลย
ขณะนี้ซือหยูกำลังเผชิญหน้ากับการจู่โจมของหน้าผีใบหน้านั้นมีแต่ความเจ็บปวด แต่ก็อย่างเคย หยดสีแดงอันบริสุทธิ์ไหลออกมาจากหม้อเก้ามังกร หยดเหล่านี้หลอมรวมกับโลหิตของซือหยูและลดความเจ็บปวดในวิญญาณของเขาลงทันทีพร้อมกับรักษาบาดแผล
และตอนนี้ไม่ว่าหน้าผีทั้งสองจะกัดฟันฉีกกระชากเท่าใด พวกมันก็มิอาจทำร้ายซือหยูได้ สุดท้ายก็มีเสียงกรีดร้องมาจากในถ้ำ อรหันต์ผีมิอาจทนได้อีก เขาตะโกนเสียงและกลายเป็นเถ้าถ่ายเพราะฝีมือจิตวิญญาณสายฟ้า
ส่วนหน้าผีก็เริ่มหายไปแต่พวกมันมิได้หายไปทั้งหมด มันกลายเป็นผนึกขนาดเท่าฝ่ามือลอยมาที่ซือหยู ซือหยูที่ไม่ทันระวังถูกผนึกซัดเข้าที่ลำตัว
ความเจ็บปวดจากอกแผดเผาร่างกายเมื่อก้มลงมองเขาก็ตกใจมาก หน้าผีทั้งสองได้กลายเป็นภาพพิมพ์ฝังอยู่บนตัวของเขา!
ซือหยูใช้พลังชีวิตและพยายามจะทำให้หน้าผีออกมาแต่หน้าผีก็ไม่เป็นอะไรเลย มันฝังลงบนลำตัวของซือหยูอย่างแน่นหนา ซือหยูพยายามใช้พลังของวิญญาณแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
ซือหยูลองอีกหลายวิธีแต่ก็มิอาจกำจัดหน้าผีไปได้
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้เล่า?”
ซือหยูพูดออกมา
เจ้าของหน้าผีตายไปแล้วซือหยูไม่รู้ว่าเหตุใดพลังของมันถึงยังคงอยู่ ซือหยูรู้สึกถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ในตัว นั่นทำให้เขาไม่สบายใจเลย
ในตอนนั้นอสูรน้อยพูดด้วยความอ่อนแรง
“มันคือคำสาป!พลังผนึกเทพของอรหันต์ผีเหมือนคำสาป ยิ่งเจ้าของโศกเศร้าโกรธแค้นแค่ไหน คำสาปก็จะยิ่งแข็งแกร่ง มันจะบุกเข้าหาผู้ที่สร้างความแค้นและกลืนกินพลังดวงวิญญาณจนกว่าจะเหือดแห้งตาย”
ซือหยูชักสีหน้าเมื่อเขาตรวจดูตนเองก็พบว่าดวงวิญญาณของเขาอ่อนแอลงเล็กน้อย แต่หม้อเก้ามังกรก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรเลย
เขาใจหายเขารู้ว่าถ้าวิญญาณถูกการจู่โจมวิญญาณที่รุนแรง หม้อเก้ามังกรจะปกป้องวิญญาณของเขา แต่ตอนนี้ เมื่อวิญญาณค่อยๆเสียพลัง หม้อเก้ามังกรก็ไม่ได้ตอบสนองเลย มันไม่คิดว่าสิ่งนี้เป็นภัย! นั่นจึงเป็นเหตุที่มันไม่แสดงพลังต่อต้านออกมา!
ซือหยูขมวดคิ้วเขาไปมีเรื่องกับตัวปัญหาเข้าแล้ว!
“เจ้ามีวิธีจัดการกับมันหรือไม่?”
ซือหยูถามเบาๆ
อสูรน้อยส่ายหน้าดวงตาของนางรู้สึกผิด นางรู้สึกว่านางควรจะแบกรับคำสาปอีกครึ่งหนึ่งกับเขา
“มันไม่มีวันหายไปรึ?”
ซือหยูถามต่อ
“คำสาปจะหายไปเองถ้าเจ้าบ่มเพาะวิญญาณของเจ้าจนมีระดับที่เหนือกว่าอรหันต์ผี”
อสูรน้อยกล่าวแม้ว่าจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
เพราะการที่ต้องเพิ่มพลังดวงวิญญาณขณะที่ถูกหน้าผีกัดกันอยู่ตลอดเวลานั้นไม่ต่างกับความฝันสีหน้าซือหยูที่เคยใบหน้าเคร่งเครียดผ่อนคลายลง เพราะถ้าหากเขาไม่ตายทันที สถาการณ์ก็ไม่ถือว่าแย่นัก
เขายังมีวารีผงกลั่นดวงใจตราบที่เขาปรุงมันได้มาก เขาก็จะชดเชยพลังดวงวิญญาณที่เสียไปได้ และถ้าหากไม่ได้ตรวจดูด้วยตัวเองว่ามีวิธีกำจัดหรือไม่ เขาก็คิดว่าคำสาปอาจจะมีทางทำลายได้ก็ได้!…..novel-lucky
ซือหยูตัดสินใจกลับไปยังห้องใต้ดินเพราะอยากจะยืนยันว่าอรหันต์ผีตายไปแล้วจริงหรือไม่เมื่อพบว่ามีเหลือเพียงเถ้าถ่านไม่เหลือแม้แต่วิญญาณ ซือหยูก็สบายใจขึ้น เพราะถ้าปล่อยให้ศัตรูอันตรายมีอิสระบนโลกใบนี้ ไม่ช้าก็นาน เขาจะเจอกับภัยพิบัติครั้งใหญ่
เมื่อจิตวิญญาณสายฟ้าเห็นซือหยูมันก็คำรามใส่เขาหลายครั้งก่อนจะกลับไปยังตราสายฟ้าห้าธาตุด้วยความไม่เต็มใจ ซือหยูขมวดคิ้ว
…ข้าได้จิตวิญญาณสายฟ้ามานานแล้วแต่มันก็ยังไม่เชื่องเต็มที่ ข้าต้องชำระตราสายฟ้าห้าธาตุนานกว่านี้ มันจะได้กลายเป็นกึ่งสมบัติภูติ
ซือหยูออกจากถ้ำขณะที่คิดวิธีส่งอสูรน้อยกลับตำหนักโลหิตเขาต้องระวังให้มากเพราะถ้าคนที่นั่นรู้เข้าจนตามมา เขาจะเกิดปัญหาใหญ่
แต่เมื่อกลับขึ้นมาบนผิวดินเขาไม่เห็นอสูรน้อยอีกแล้ว เขาเริ่มเคร่งเครียด…นางถูกกลุ่มสามสังหารจับตัวไปรึ?
แต่จากนั้นไม่นานซือหยูก็คิดได้ว่าคงจะไม่มีใครที่หลอกเขาและพาตัวอสูรน้อยไปได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาจึงไม่คิดจะตามหานางอีก แต่ตอนนั้นเอง เขาเหลือบเห็นสร้อยสีเพลิงที่พื้น มันคือหยกแก่นเพลิงของอสูรน้อย
ซือหยูหยิบมันขึ้นมาถึงตรงนี้เขาจึงพบว่ามีเสียงทิ้งเอาไว้ในสร้อย…อสูรน้อยทิ้งคำพูดไว้ให้ข้ารึ?
ซือหยูหยิบมันมาใกล้หูและฟังคำพูดของนาง…
“บัดซบเจ้ากอดและขืนใจข้า ข้าจะไม่อภัยให้เจ้า แต่…ข้าจะให้หยกแก่นเพลิงกับเจ้าเพราะไม่อยากติดค้างที่เจ้าช่วยชีวิตข้า ฮื่ม!”
ซือหยูยิ้มดูเหมือนว่าอสูรน้อยจะไม่ได้ถูกใครพาตัวไปไหน แต่ตอนที่เขาคิดว่านางพูดจบแล้วนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงนางอีก
“แล้วข้าต้องบอกเจ้าไว้ก่อนว่าข้าไม่ใช่เด็กผู้หญิงอีกแล้ว!ข้าอายุสิบแปดแล้ว!”
ซือหยูตกใจเขาไม่รู้ว่าทำไมนางถึงบอกเรื่องนี้ในท้ายสุด ซือหยูรู้แล้วว่าร่างกายของอสูรน้อยอยู่ในรูปลักษณ์สิบขวบก็เพร่าะว่านางเคยพลาดรับประทานของประหลาดเข้าไปในวัยเด็ก ตัวจริงของนางไม่ต่างกับซือหยูนัก!
ซือหยูสับสนเขาทำได้แค่ส่ายหน้าและมองหยกแก่นเพลิงในมือด้วยความแปลกใจ เพราะสิ่งนี้มีค่าถึงแก้วล้านดวง!
นี่คือครั้งแรกที่เขาได้ของมีค่าเช่นนี้อสูรน้อยนั้นร่ำรวยเกินกว่าที่เขาคาดคิด! ซือหยูเก็บหยกแก่นเพลิงไว้อย่างระวังและยืนขึ้น เขากลับไปที่ร้านตงหลิน
อสูรน้อยกำลังนอนอยู่บนเตียงในตำหนักหรูหราที่เมืองส่วนในมีสาวใช้งดงามหลายคนที่สวมชุดแบบเดียวกันอยู่ข้างกาย สาวใช้ทุกคนเป็นจ้าวเทวะ
พวกนางทุกคนแสดงสีหน้านับถือและรักษาบาดแผลของอสูรน้อยอย่างระมัดระวังพวกนางดูแลอสูรน้อยราวกับเป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่ง
ชายแก่คนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเตียงสีหน้าของเขาสุขสงบ ไม่มีใครบอกได้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน
“ผู้เฒ่าหลานทำไมไม่เข้ามาให้เร็วกว่านี้? แล้วทำไมไม่ให้สมบัติที่แข็งแกร่งกว่า ข้าจะได้สังหารอรหันต์ผีได้! ข้าต้องบาดเจ็บขนาดนี้ก็เพราะเจ้า…”
อสูรน้อยพูดเบาๆใบหน้านางขมขื่น
ผู้เฒ่าหลานยิ้มอย่างใจดี
“จ้าวผาสั่งข้าไว้เขาสั่งให้ข้าเข้าไปลงมือตอนที่ชีวิตเจ้าอยู่ในอันตราย และข้าจะต้องไม่ให้สมบัติที่แข็งแกร่งกับเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้เพิ่มพลังของตัวเอง นี้คือเหตุผล เจ้าจะได้แข็งแกร่งขึ้น! ใช่ไหมล่ะ? ถ้าไม่เช่นนั้น เจ้าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งด้วยตัวเองได้รึ?”
อสูรน้อยกัดฟันตอบ
“ข้าแข็งแกร่งอยู่แล้วถึงจะเป็นภูติระดับเก้า ข้าก็ยังสู้กับจ้าวเทวะได้!”
ผู้เฒ่าหลานหัวเราะ
“เด็กที่ช่วยเจ้าเป็นแค่ภูติระดับสามแต่ยังสังหารอรหันต์ผีได้ง่ายดายนัก”
ถ้าหากนางไม่ได้ฟังเรื่องนี้นางก็คงยังนอนสบายอยู่บนเตียงเพราะไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อได้ฟังนางก็แทบจะลุกขึ้นมา
“อะไรนะ?เจ้านั่นเพิ่งจะเป็นภูติระดับสาม? เป็นไปได้ยังไงที่เขาแข็งแกร่งขนาดนี้?”
“หึหึคุณหนูไม่เชื่อข้าหรือ? เด็กนั่นซ่อนตัวอยู่ตั้งแต่แรก! เขาใช้วิชาแข็งแกร่งมองดูความเคลื่อนไหวของโลกใต้ดินมาตลอด เขารู้ว่าเจ้ากำลังเป็นเช่นใด”
ผู้เฒ่าหลานกล่าว
อสูรน้อยสายตาเจ้าเล่ห์นางหรี่ตาถาม
“จะบอกว่าไอ้บัดซบนั่นจับตาดูข้าตั้งแต่เริ่มแล้วมาช่วยข้าตอนที่ข้าตกอยู้ในอันตรายเพื่อให้ข้าประทับใจสินะ?”
สถานะของนางค่อนข้างพิเศษและนางก็มิอาจหนีพ้นจากคนที่จะชอบฉวยโอกาสที่จะทำให้นางติดหนี้บุญคุณ ผู้เฒ่าหลานคิดก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกตามที่ข้าสังเกตดู เขาแค่อยากจะช่วยตัวประกัน หลังจากนั้นก็ผ่านไปช่วยเจ้า”
เขาพูดต่อ
“ถ้าเขาเป็นคนวางอุบายแล้วใช้กับเจ้าข้าก็คงจะแอบสังหารทิ้งไปแล้ว!”
ทันทีที่พูดจิตสังหารปรากฏในดวงตาของผู้เฒ่าหลานไปชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อได้ฟังตำคอบข้อกังขาในใจอสูรน้อยก็หายไป นางได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางกัดปากด้วยความลังเลก่อนจะถาม
“ถ้าอย่างนั้นผู้เฒ่าหลานรู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”
ผู้เฒ่าหลานมองหน้าอสูรน้อยด้วยความแปลกใจเพราะเท่าที่จำได้ คุณหนูของเขาแทบจะไม่สนใจใครอื่น แต่ความคิดนี้ก็หายไปในรวดเร็ว เขาไม่ได้เก็บไปคิดมากนัก
“ข้าไม่รู้ข้าแค่เป็นห่วงว่าเขามีอันตรายกับเจ้าหรือไม่ ข้าเลยไม่คิดจะมองทะลุเสื้อผ้าของเขาไป…”
ผู้เฒ่าหลานตอบพร้อมส่ายหน้า
อสูรน้อยผิดหวังนางเบือนหน้าไปอีกทาง
“งั้นก็ลืมไปเถอะข้าชดเชยเขาไปแล้ว ข้าไม่ได้ติดหนี้อะไรอีก”
…
วันต่อมาข่าวอันน่าตกตะลึงได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองวเทียนหยา มียอดฝีมือลึกลับสังหารหัวหน้ากลุ่มสามสังหารแล้ว!
ข่าวนี้ทำให้หลายคนสนอกสนใจเพราะกลุ่มสามสังหารคือกลุ่มใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในเมืองส่วนนอก! ไม่มีใครสามารถกำจัดหัวหน้าได้จนมาถึงวันนี้
นี่เป็นข่าวอันน่าตกใจในเมืองทั้งนอกในทุกคนทึ่งเมื่อได้ข่าว