The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 879 - ตีกระบี่เงิน
DND.
ซือหยูกลายเป็นศูนย์รวมความสนใจโดยพลันเขาเพียงแค่มองคนที่พุ่งเข้ามาอย่างสบายใจ
“ฮื่ม!”
เสียงระเบิดสู่หูของทุกคนมันดังราวกับสาวฟ้า!
ชายสวมชุดแดงเดินสาวเท้าจากห้องลำดับแรกไปยังที่ห้องข้างๆเขายืนอยู่ที่หน้าห้องพิเศษที่สองและจ้องมองผู้คนอย่างเยือกเย็น
เมื่อได้ยินเสียงของเขาเหล่ายอดฝีมือเลือดร้อนหยุดนิ่งทันทีด้วยความตกใจ มีเพียงแม่นางหลิงกับหูหวังกุยที่ยังครองสติอยู่ได้ แต่ทั้งสองก็หยุดอยู่กับที่เช่นกัน
“พวกเจ้ายังคงมีความเคารพต่อโรงประมูลเทียนหยาหรือไม่?”
ชายชุดแดงพูดอย่างเยือกเย็นเมื่อเขามองยอดฝีมือทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ พวกเขาก็ตัวแข็งทื่อราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่
“ท่านเสี่ยวเหยา!”
ยอดฝีมือคนหนึ่งอุทานคนที่เหลือหวาดกลัว ทุกคนรีบถอยกลับ
หูหวังกุยจ้องมองห้องพิเศษด้านหลังเสี่ยวเหยาอย่างดุร้ายจิตสังหารของเขายังคงดุดันเหมือนเช่นทุกที แม่นางหลิงยิ้มกว้าง นางพูดโดยไม่คิดจะถอยกลับ
“ข้าแค่อยากจะพบเจ้าของวารีผงกลั่นดวงใจข้าอยากจะทำข้อตกลงกับเขา ข้าไม่ได้คิดจะเอาชีวิตเขา!”
นางประกาศก้อง
เพราะวารีผงกลั่นดวงใจนั้นไม่มีผลต่อนางทั้งหมดที่นางต้องการก็คือหญ้าใจสลายที่ยังมีชีวิตอยู่
“ฮ่าๆๆแม่นางหลิงไม่เคยสนใจผู้ใด จะมีสิ่งใดสำคัญเล่าในโรงประมูลตำหนักโลหิต ท่านไม่ต้องใจร้อนที่นี่หรอก!”
เสี่ยวเหยาตอบเสียงแข็ง
แม่นางหลิงเหลือบมองห้องรับรองที่สองอีกครั้งนางกลับไปที่เวทีด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
“แล้วเจ้าล่ะ?เจ้ามีเหตุผลที่ต้องอยู่ตรงนี้หรือไม่?”
เสี่ยวเหยาเหลือบไปมองหูหวังกุยอย่างเยือกเย็น
ชายผู้นี้เกือบจะทำลายธุรกิจทั้งหมดของตำหนักโลหิตและตอนนี้เขาพยายามจะสังหารซือหยูท่ามกลางความวุ่นวายเพื่อทำลายต้นทางของวารีผงกลั่นดวงใจ ช่างหยาบช้านัก!
หูหวังกุยหวาดกลัวเขาคุ้นเคยกับพละกำลังของเสี่ยวเหยา เขาไม่กล้าจะทำอะไรบุ่มบ่าม
“ท่านจะต้องล่อเล่นแน่ๆ!ข้าแค่ตื่นเต้นที่จะได้พบกับยอดคนที่ปรุงวารีผงกลั่นดวงใจได้ต่างหาก”
หูหวังกุยประสานหมัดและยิ้มถอยไป
เสี่ยวเหยาเลิกทำหน้าเยือกเย็นและจ้องเหล่าคนที่ใจร้อน
จากนั้นเสียงหัวเราะเบาๆก็ดังมาจากห้องรับรองที่สอง
“ทุกท่าน…ข้าเป็นเจ้าของวารีผงกลั่นดวงใจแต่ข้ามิใช่คนที่ปรุงมันขึ้นมา ข้าเป็นคนที่ขายมันแทนผู้ปรุงเท่านั้น”
ผู้คนตกใจนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงจากห้องรับรองที่สอง พวกเขามองไปยังห้องหมายจะเห็นผู้พูด
“ท่านผู้อาวุโสข้าอยากจะรู้ว่ายังมีโอสถเหลือขายอีกหรือไม่…”
ยอดฝีมือคนหนึ่งที่ล้มเหลวในการประมูลถามด้วยความคาดหวัง
ซือหยูเหลือบมองผู้คนและพอใจที่เขาทำการโฆษณาได้สำเร็จเขายิ้มตอบ
“แน่นอน!”
“ท่านผู้อาวุโสโปรดเอื้อเฟื้อโอสถให้กับพวกเราด้วย!”
ยอดฝีมือีกคนพูดขึ้นมาด้วยความร้อนใจ
ซือหยูยังคงยิ้มเขาตอบ
“ผู้ปรุงยามอบหมายให้ข้าเป็นคนขายเจ้าจะมาซื้อได้ในอีกสามวัน”
สามวันนับจากวันนี้คือวันที่หญ้าใจสลายชุดใหม่จะเติบโตเต็มที่เมื่อได้ฟังคำตอบ เสียงดังวุ่นวายระเบิดขึ้นมาทันที!
“พวกเราจะต้องไปซื้อจากที่ไหน?”
ชายคนหนึ่งถามเพราะหลายคนอยากจะเป็นจ้าวเทวะเต็มแก่แล้ว
ซือหยูยิ้มตอบ
“ที่ร้านตงหลินร้านโอสถภายในร่มเงาของตำหนักโลหิต พวกเจ้าหาที่อยู่ร้านเองก็แล้วกัน”
“มันเป็นของตำหนักโลหิตจริงๆสินะ?”
ผู้คนตกตะลึง…novel-lucky
หากเป็นเรื่องจริงการค้าโอสถของตำหนักโลหิตจะถูกกอบกู้กลับมา! นั่นหมายความว่าตำหนักโลหิตก็เพียงแค่พึ่งโอสถนี้เพียงอย่างเดียวในการทำกำไร และกำไรที่ได้จะต้องมากกว่าที่เคยได้ในอดีตแน่นอน!
ด้วยเหตุนี้ความพยายามที่จะกำราบตำหนักโลหิตจากเขตกลางด้วยโอสถวิหคเพลิงมังกรจึงได้รับผลร้ายแรง พวกเขาพยายามทั้งหมดอย่างสูญเปล่า!
หูหวังกุยกำหมัดทั้งสองข้างความเยือกเย็นฉายผ่านดวงตา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าความพยายามทั้งหมดของเขาจะไร้ค่า!
ท่ามกลางความโกรธแค้นของคนเขตกลางคนจากตำหนักโลหิตดีใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดพวกเขาก็ได้คลายกังวลแล้ว!
ครั้งนี้ตำหนักโลหิตต้องแบกรับความอัปยศจากอำนาจของเขตกลาง แต่สุดท้าย ร้านโอสถเล็กๆที่พวกเขาไม่รู้จักก็ได้นำโอสถเหนือกาลเวลาออกมาขาย!
บอกได้เลยว่าวารีผงกลั่นดวงใจนั้นเหนือกว่าการฝึกฝนวิญญาณในยุคปัจจุบันทุกรูปแบบ!นั่นทำให้ภูติระดับเก้าทั้งหมดมีหวังได้เป็นจ้าวเทวะ! ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากมันจะช่วยรักษาชื่อเสียงของตำหนักโลหิตเอาไว้แล้ว มันยังทำให้ตำหนักโลหิตดังกว่าเดิมอีกด้วย
เสี่ยวเหยาแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมองห้องพิเศษที่สองหากไม่ใช่เพราะคนที่อยู่ในห้องนี้ สิ่งที่ตามมาคงจะร้ายแรงเป็นแน่
เวลานี้งานประมูลจบลงแล้ว แต่ควันหลงจากงานมิได้จบลงไม่ การฟื้นคืนของวารีผงกลั่นดวงใจจะเปลี่ยนการฝึกฝนของยอดฝีมือทั้งทวีปจิวโจว
ผู้ปรุงโอสถที่ทำเรื่องทั้งหมดในที่ลับได้ออกไปหลังจากพูดโฆษณาร้านจบโดยไม่บอกใครและเมื่อเสี่ยวเหยากับคนอื่นๆอยากจะได้เห็นซือหยูตัวเป็นๆ ห้องรับรองที่สองก็ว่างเปล่าไปเสียแล้ว ถึงอย่างนั้น ตัวตนของเขาก็เป็นที่รู้จักกับทุกคนอย่างรวดเร็ว เพราะเจ้าของร้านตงหลินนั้นมีเพียงผู้เดียว นั่นคือซือหยูเซี่ยน!
ซือหยูรีบกลับไปที่ร้านตงหลินทันทีที่ออกจากโรงประมูลจ้าวเทวะสองคนที่ปกป้องเขาแอบตามออกมา
ซือหยูขมวดคิ้วเวลานี้วารีผงกลั่นดวงใจได้ชื่อเสียงมาแล้ว ความท้าทายต่อไปก็คือการปรุงโอสถ เพราะเขาต้องหาวิธีการปรุงโอสถโดยที่ไม่ถูกจับตามอง!
ถ้าเขาทำให้ตัวเองเป็นอิสระไม่ได้หญ้าใจสลายที่พร้อมเก็บเกี่ยวในอีกสามวันจะเอาไปใช้ไม่ได้! เขาจะไม่มีทางอธิบายต่อคนที่มารอซื้อโอสถได้แน่! เมื่อกลับมาในร้าน ซือหยูใช้สมองคิดหาวิธีแก้ไข
“เจ้านาย!ตีอาวุธ…”
เสียงเด็กแล่นเข้าสู่จิตใจมันเป็นเสียงของเด็กแต่ชัดถ้อยชัดคำ
กิเลนน้อยรึ?ซือหยูผู้สงสัยใช้วิญญาณเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยก เงาสีชมพูกระโจรเข้าสู่อ้อมแขนของเขาทันที
“อะไรนะ?เจ้าเริ่มตีอุปกรณ์ได้แล้วรึ?”
ซือหยูถาม
เขาดีใจถ้าหากเป็นเช่นนั้น เขาจะเริ่มตีกระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ได้แล้ว!
ถ้าเขาตีกระบี่ขึ้นมาได้เพิ่มเขาจะได้ใช้เพลงกระบี่เก้าสุริยาสักที ซือหยูรู้สึกเบาใจเมื่อตั้งหน้าตั้งตารอดูพลังของมัน!
กิเลนน้อยใช้หัวหนุนคอซือหยูและลูบไล้ไปมามันกระพริบตาสดใสและคืนวิชาช่างลับสวรรค์ให้กับซือหยูด้วยกีบเท้าเล็กๆของมัน มันทำท่าทางแสดงว่ามันอ่านจนหมดและทำความเข้าใจแล้ว
“ขอข้าดูหน่อยว่าเจ้าทำได้แค่ไหน”
ซือหยูพากิเลนน้อยไปยังแปลงพืช
เขามองไผ่สีเงินต้นสูงซือหยูมองมัน จากนั้นไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์และถูกดึงขึ้นมาจากพื้นดินต่อหน้าซือหยู
มันดูไม่เหมือนต้นไผ่เมื่อมองครั้งแรกแต่มันดูเหมือนกับโลหะสีเงินที่เปล่งแสงสีเงินออกมา นี่คือไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่เติบโตเต็มที่! มันได้เติบโตมาเป็นขนาดของต้นพันปีในสวนของซือหยู!
ซือหยูไม่กล้าจะให้ใครรู้ว่าเขามีไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์อายุพันปีอยู่ในมือ!
ซือหยูยื่นดัชนีไปโดยคิดจะเด็ดใบไผ่ออกมาแต่ใบไผ่ไม่ขยับแม้แต่น้อย ซือหยูดีใจมาก
“ใบไผ่ไม่ขยับสักนิดด้วยพลังของภูติระดับเจ็ด!ไม้นี่สมควรแล้วที่ถูกเรียกว่าไผ่เทวะลำดับหนึ่ง!”
เมื่อซือหยูจะผละมือจากใบไผ่ความรู้สึกชาก็แล่นผ่านมือ มันรู้สึกเหมือนถูกอสรพิษกัด ซือหยูชักมือกลับทันที!
หลังจากได้สติจากความตกใจซือหยูจ้องมองใบไผ่ประหลาด เขาพบสายฟ้าบนผิวของใบ!
“สายฟ้ารึ?”
เขาตกใจมากที่เขาจำได้ ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์นั้นแข็งแรงมากและมีพลังมิติอยู่จริง แต่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะกักเก็บสายฟ้าได้ด้วย!