The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 915 - คำสั่งรับศิษย
DND.
“ทำไมเจ้าถึงดื้ออย่างนี้นะ?”
จ้าวหอโมโหมาก
ซือหยูยิ้ม
“ข้าจะจำน้ำใจจ้าวหอเอาไว้แต่ครั้งนี้ข้าต้องไป”
ด้วยอะไรบางอย่างนางได้ยินจากน้ำเสียงซือหยู และคำพูดที่ราวกับว่าเขากำลังจะเดินทางไกล เมื่อเห็นความตั้งใจของเขา นางก็ทำได้แค่ล้มเลิกความคิดที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ
“ก็ได้ภารกิจนี้ไม่แน่นอนว่าเจ้าจะได้ทำ แต่อย่างน้อยเจ้าจะได้รู้เมื่อเจ้าได้ทำมัน”
นางพูดและหยิบเอาสร้อยหยกออกมาพูดคำไม่กี่คำลงไป
นางเอ่ยนามของซือหยูจากนั้นก็บอก
“ข้าส่งข้อความหาอาจารย์พรายแล้วพรุ่งนี้ ศิษย์ของเขาจะมารับเจ้าที่นี่ นอกจากเจ้าก็มีศิษย์นอกที่สมัครอยู่อีก นั่นก็คือกงซุนหวูซื่อกับปิงหวูชิง เจ้าจะได้ไปกับพวกนางพรุ่งนี้”
นางสองคนก็สมัครด้วยหรือ?ซือหยูหน้านิ่วเมื่อได้ยินชื่อพวกนาง
“ขอบคุณมาก”
ซือหยูโค้งคำนับ
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและยื่นวารีผงกลั่นดวงใจให้นางสิบขวด
“โปรดรับไว้แทนคำขอบคุณที่ดูแลข้ามานาน”
ในตำหนักนอกนอกมักจะคอยดูแลเขาอยู่ห่างๆ ดังยังแนะนำซือหยูเข้าสู่สำนักซ้ายด้วยตัวเอง แม้ว่าวารีผงกลั่นดวงใจจะไม่ได้ทำให้นางแข็งแกร่งขึ้น แต่ถ้านางขายมันในตลาดมืด มันก็จะเป็นแก้วมูลค่ามหาศาล นั่นจึงเป็นเหตุให้ของขวัญนี้มีราคา
จ้าวหอรู้สึกแปลกเมื่อได้รับของราคาแพงความรู้สึกว่าซือหยูกำลังจะจากไปเริ่มชัดเจนขึ้น
“ซือหยูเซี่ยนเจ้าคิดจะออกจากตำหนักรึ?”
ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัวนาง
“คิดมากเกินไปแล้วจ้าวหอ…”
ซือหยูตอบอย่างใจเย็น
นางตาลุกวาวพร้อมพยักหน้า
“…ต่อให้เจ้าออกจากตำหนักโลหิตเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องหาที่พักพิงอยู่แล้ว”
เมื่อนางพูดจบนางก็มองวารีผงกลั่นดวงใจทั้งสิบขวดด้วยรอยยิ้ม
“อย่างน้อยเจ้าก็ขอบคุณข้ามากพอแล้วนอกจากเจ้า ข้าว่าไม่มีใครแล้วที่จะได้มันมาง่ายๆ?”
ขณะนี้วารีผงกลั่นดวงใจมิได้ขาดตลาดจากร้านเทียนหยา และทันทีที่มันถูกวางขาย มันก็จะถูกขายจนหมดในแทบจะทันทีทันใด
ตำหนักโลหิตตั้งอยู่ในระยะหลายล้านลี้ไกลออกมาถ้าหากมีใครอยากจะได้วารีผงกลั่นดวงใจ ต่อให้รีบออกไปซื้อถึงเมืองเทียนหยาก็ไม่รับประกันว่าจะซื้อได้ ดังนั้นราคาของวารีผงกลั่นดวงใจทั้งสิบขวดในมือนางจึงยากที่จะตีค่า
“ฮ่าๆๆถ้าขายให้พวกศิษย์รวยๆจากตำหนักใน ต่อให้ขายขวดละสองหมื่นดวงก็ไม่มีปัญหา มันจะมีค่าสองแสน! แล้วถ้า…เอามาแลกเป็นคะแนน มันก็จะเท่ากับห้าหมื่นคะแนน!”
นางดีใจออกนอกหน้า
ซือหยูส่ายหน้าด้วยความขบขันจ้าวหอผู้นี้เป็นคนฉลาดและหน้าเงิน การให้วารีผงกลั่นดวงใจนั้นตอบรับกับนางได้ดี!
“ฮ่าๆๆลาก่อน!”
ซือหยูโบกมือและเดินจากมา
ในวันเดียวกันความวุ่นวายได้ก่อเกิดในตลาดมืดที่ตำหนักนอกของตำหนักโลหิต นั่นก็เพราะวารีผงกลั่นดวงใจที่นิยมกันแพร่หลายในดินแดนพรสวรรค์ได้ถูกนำมาขายในตำหนักนอกของตำหนักโลิต!
เรื่องนี้ทำให้ตำหนักในแตกตื่นศิษย์หลายคนที่กำลังจะเป็นจ้าวเทวะได้ทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้แล้วพยายามเข้าแย่งชิงเพื่อซื้อมัน แม้ว่าจะไม่ได้ใช้เอง พวกเขาก็จะให้เป็นของขวัญกับผู้ที่ต้องการได้ ด้วยเหตุนี้ ราคาของแต่ละขวดถึงถูกขายในราคาขวดละสองหมื่นดวง
น่าแปลกที่เจ้าของวารีผงกลั่นดวงใจนั้นขายมันเป็นแก้วในขณะที่คนอื่นในตำหนักโลหิตต้องการคะแนน!แน่นอนว่าเจ้าของโอสถคืออดีตจ้าวหอเพลิงคลั่งผู้ยั่วยวนนั่นเอง
ณเขาอสูร
กงซุนหวูซื่อกับปิงหวูชิงพบว่าซือหยูสมัครทำภารกิจของอาจารย์พรายไม่นานพวกนางก็มาหาเขา
“ซือหยูเซี่ยนเลิกคิดที่จะทำภารกิจนี้ซะ”
ปิงหวูชิงตะโกนใส่เรือนซือหยู
ซือหยูกำลังนั่งบ่มเพาะพลังในเรือนเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของนางเขาก็ขมวดคิ้วเบาๆ เพราะแหล่งข่าวของทั้งสองมีอยู่กว้างขวาง เขามั่นใจว่าจ้าวหอเพลิงคลั่งคงไม่ทรยศ และพวกนางคงจะได้ข้อมูลมาจากอาจารย์พราย
“มีปัญหาอะไรของเจ้า?”
ซือหยูถาม
เขาตั้งใจว่าจะไม่ขยับตัวเขาจึงไม่คิดที่จะเปิดประตูเจอนาง
ปิงหวูชิงรีบตอบ
“ข้าแค่จะบอกเจ้าว่าอย่าไปเสียแรงเปล่าภารกิจนี้อยู่ที่ปลายเล็บข้าแล้ว เจ้าไปก็เสียเวลา”
ซือหยูถาม
“เจ้าขาดคะแนนอีกเท่าไหร่?”
ซือหยูนั้นขายสี่ล้านคะแนนในการเข้าสู่แดนมณีมหัศจรรย์เขาจึงสงสัยว่าปิงหวูชิงขาดอยู่เท่าใด
“หนึ่งล้านคะแนนแต่พอจบภารกิจนี้ ข้าก็จะมีคะแนนเกินพอ…”
ปิงหวูชิงตอบ
ซือหยูเลิกคิ้ว
“เจ้าไม่อยากจะให้ข้าแย่งคะแนนจากเจ้าเลยมาขอให้ข้าเลิกทำหรือ?”
ปิงหวูชิงตอบอย่างเย็นชา
“ข้าแค่ไม่อยากจะให้เจ้าตายฟรี”
น้ำเสียงของนางไม่ได้ดูใจดีแม้แต่น้อยนั่นจึงทำให้คำพูดต่อมาของซือหยูค่อนข้างดุดัน…
“น้ำใจเจ้าช่างมีมากนักถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าก็จะบ่มเพาะพลังต่อ…”
ซือหยูพูดอย่างไม่แยแสเขาไม่ได้เกลียดความเจ้ากี้เจ้าการของนาง แต่เขาก็มั่นใจว่าเขาไม่ได้ชอบนาง
ปิงหวูชิงหันเดินกลับด้วยใบหน้าไม่สู้ดี
เมื่อกลับมาที่เรือนกงซุนหวูซื่อปิงหวูชิงเห็นกงซุนหวูซื่อยกมือขึ้นกอดอก
“ข้าบอกแล้วว่าอย่าไปดีกับมันนักมันไม่ใช่คนดี! พี่แนะนำด้วยน้ำใจว่าอย่าให้เขาตายเปล่า แต่มันก็ไม่ฟัง!”
นางพูดต่อ.ไอลีนโนเวล.
“แต่ภารกิจนี้อยู่ที่ปลายเล็บพี่หวูชิงแล้วไม่มีใครมาแย่งไปได้หรอก!”
ปั้ง!
ปิงหวูชิงทุบหมัดลงบนโต๊ะแววตาของนางเกรี้ยวกราด
“เจ้าหมอนั่น!ข้าอยากจะปลอบเขา แต่กลับพูดแบบนั้นกับข้า!”
ปิงหวูชิงหันไปมองกงซุนหวูซื่ออีกครั้งนางได้แต่รู้สึกว่าซือหยูนั้นแตกต่างจากที่เขาเคยเป็น และดูเหมือนว่าเขาจะถูกกงซุนหวูซื่อปฏิเสธมาจริงๆ
ตั้งแต่ที่ซือหยูกลับมาเขาไม่ได้ออกจากเรือนเลย เขาพูดน้อยมากและยังมีท่าทีที่ไม่สนใจผู้ใด ในวันนี้ ตอนที่นางพอกงซุนหวูซื่อไปที่เรือนซือหยู นางตั้งใจจะพูดกับซือหยูถึงเรื่องภารกิจ
แต่เขาไม่แม้แต่ให้พวกนางเข้าไปคุยข้างใน!น้ำเสียงของเขายังเย็นชามาก! นั่นทำให้ปิงหวูชิงโกรธ
“พี่หวูชิงอย่าไปโกรธมันเลย”
“ไปที่ตลาดมืดกันเถอะข้าได้ยินว่ามีรคนกำลังขายคะแนน เราไม่ควรพลาดโอกาส”
ปิงหวูชิงตาเป็นประกายนางกำลังขาดคะแนนอยู่พอดี การได้เจอกับคนที่ขายคะแนนจำนานมากนั้นทำให้นางตื่นเต้น และเรื่องแบบนี้ก็มักจะไม่เกิดขึ้น!
“ดีล่ะช่างเขา พวกเราไปกันเถอะ”
ปิงหวูชิงพูดนางกับกงซุนหวูซื่อมุ่งตรงไปที่ตลาดมืด
ในสวนของซือหยูทันทีที่สตรีทั้งสองไป ชางก่วนหยุนซื่อก็ได้เข้ามาเยี่ยม
“น้องซือข้าได้ยินว่าเจ้าบ่มเพาะพลังเสร็จแล้ว”
ซือหยูลืมตายืนขึ้นเขาผลักประตูและกล่าว
“พี่หยุนซื่อเข้ามาก่อนสิ ข้ากำลังจะไปหาพี่อยู่พอดี!”
“หืมน้องซือกำลังจะไปหาข้ารึ? หรือว่าจะเป็นเรื่องใหญ่?”
ชางก่วนหยุนซื่อลูบมือและถามด้วยรอยยิ้ม
ซือหยูพยักหน้าและหยิบเอาแหวนมิติออกมาเขาโยนให้ชางก่วนหยุนซื่อ
“ข้าให้หวังว่ามันจะช่วยพี่หยุนซื่อได้บ้าง”
ชางก่วนหยุนซื่อรับแหวนและดูด้านในเขาถามด้วยความสงสัย
“น้องซือโอสถสีม่วงพวกนี้มันอะไรกัน?”
ด้วยความยิ่งใหญ่และความมั่งคั่งของตระกูลชางก่วนพวกเขาจึงไม่ขาดโอสถ ซือหยูจึงเข้าใจว่าไม่แปลกที่ชางก่วนหยุนซื่อจะไม่รู้จักมัน
“นี่คือวารีผงกลั่นดวงใจที่จะช่วยให้วิญญาณแข็งแกร่งมันจะทำให้การทะลวงเป็นจ้าวเทวะง่ายดายขึ้น…”
ซือหยูอธิบาย
เมื่อได้ยินชางก่วนหยุนซื่อตกใจ เขาถามทันที
“อะไรนะ?นี่คือวารีผงกลั่นดวงใจที่ทำให้คนทั้งเมืองเป็นบ้าน่ะรึ?”
เขาเคยได้ยินข่าวเรื่องนี้มาแล้วเพราะมันคือข่าวใหญ่ในตำหนักโลหิตและเมืองเทียนหยา!ตระกูลชางก่วนส่งคนไปเมืองเทียนหยาเพื่อที่จะซื้อมันมาใช้ในอนาคต
แต่หลังจากรอไปหลายสัปดาห์พวกคนในตระกูลนั้นกลับมามือเปล่า นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่มีแก้วพอ แต่เป็นเพราะมีคนมารอซื้อเยอะเกินไป หลายคนยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมาก ดังนั้นตระกูลชางก่วนจึงไม่มีหวังที่จะได้มัน
และต่อให้มีคนซื้อได้สำเร็จการจะนำมันกลับตระกูลชางก่วนที่อยู่ห่างไกลได้อย่างปลอดภัยก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน!
และตอนนี้เมื่อแหวนมิติอยู่ในมือ เขาเห็นวารีผงกลั่นดวงใจถึงห้าสิบขวด มันมีค่าหลายแสน! และดูจากราคาในตลาดมืดวันนี้ พวกมันคงจะขายได้ถึงหนึ่งล้านดวง นั่นคือรายได้ต่อปีของตระกูลชางก่วน!
“น้องซือของขวัญนี้แพงเกินไป! ข้ารับไว้ไม่ได้!”
ชางก่วนหยุนซื่อใบหน้าเศร้าเขาคืนมันให้ซือหยูทันที
ซือหยูรีบพูด
“เก็บไว้เถอะถือว่าเป็นความหวังดีจากข้า”
ชางก่วนหยุนซื่อพยายามจะปฏิเสธอีกหลายครั้งเขากัดฟัน
“ถ้าเช่นนั้นขอเป็นแบบนี้ได้หรือไม่?ข้าไม่อยากให้น้องซือขาดทุน ข้าจะซื้อมันในราคาหนึ่งล้าน!”
ซือหยูใบหน้าเย็นชา
“ก็ได้แต่ถ้าหากซื้อมันด้วยแก้ว จากนี้ไปก็อย่ามาเรียกข้าว่าน้องซือ! แล้วก็ต้องจ่ายข้ามาสิบล้าน!”
เมื่อได้ยินการเรียกราคามหาศาลชางก่วนหยุนซื่อจึงได้ยอมรับโอสถเอาไว้
“ข้าติดหนี้น้องซือมากนัก”
ซือหยูยิ้มและส่ายหน้า
“ถึงขั้นนี้ข้าไม่แน่ใจนักหรอกว่าใครจะติดหนี้ใครมากกว่ากัน!”
เพราะคุกเทวะห้าธาตุและวิชาลับห้าธาตุนั้นล้ำค่ายิ่งกว่าโอสถทั้งห้าสิบขวดซือหยูไม่คิดจะสะบั้นสัมพันธ์ระหว่างเขากับชางก่วนหยุนซื่อเช่นกัน เขาเพียงแค่หวังว่าจะได้ชดใช้ให้ตระกูลชางก่วนก่อนจะออกจากตำหนัก
“แล้วพี่หยุนซื่อมาหาข้ามีธุระอันใด?”
ซือหยูถาม
ชางก่วนหยุนซื่อหัวเราะเบาๆ
“ฮ่าๆๆ!ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะบอกเรื่องดีกับน้องซือ!”
“ท่าทางนั่นมันอะไร?”
เขาตื่นเต้นที่ในที่สุดก็ได้รับข่าวดีพักหลังมักจะมีแต่ปัญหา
ชางก่วนหยุนซื่อบอกด้วยความดีใจ
“น้องสาวข้าฝากมาบอกเจ้า…ชิงเอ๋อบอกว่าผู้เฒ่าจิงจากตำหนักในหวังจะรับเจ้าเป็นศิษย์!”
เขาพูดต่อ
“นางกำลังบ่มเพาะพลังอยู่และออกมาหาเจ้าเองไม่ได้แต่นางรู้ว่าพี่ชิงเอ๋อรู้จักเจ้า นางเลยขอให้นางบอกข่าวนี้กับเจ้า”
เช่นนั้นก็แสดงว่าผู้เฒ่าจิงมาด้วยตัวเองไม่ได้ซือหยูคิดว่านางกลัวที่มาด้วยตัวเองแล้วจะถูกซือหยูปฏิเสธจนอับอายมากกว่า ด้วยชื่อเสียงของซือหยูในฐานะยอดฝีมือลำดับหนึ่งของตำหนักนอก มีผู้เฒ่ามากมายในตำหนักในที่อยากจะรับซือหยูเป็นศิษย์
แต่ผู้เฒ่าหลายคนก็เลิกล้มความคิดเพราะเลี่ยงความเป็นไปได้ที่จะถูกปฏิเสธจนขายหน้าเพราะซือหยูนั้นปฏิเสธเจ้าตำหนักซ้ายขวามาแล้วหลายครั้งหลายครา
ต่อให้ผู้เฒ่าจิงมั่นใจในตัวเองบางทีอาจจะมั่นใจมากกว่าผู้เฒ่าทุกคน ซือหยูก็คิดไม่นานก่อนจะปฏิเสธ ด้วยสองเหตุผล
อย่างแรกก็คือเขาคิดจะออกจากตำหนักการมีคนชี้แนะนั้นไม่มีประโยชน์ อย่างที่สองก็คือการเชิญคนอื่นมาบอกว่าจะรับเขานั้นเป็นความไม่จริงใจ เขาจึงรู้สึกว่าต่อให้เขาเป็นศิษย์นาง นางก็อาจจะไม่ช่วยเหลือเขาในยามที่เขาลำบากในอนาคต
“หา?เจ้าตั้งใจว่าจะปฏิเสธนางจริงๆรึ? น้องซือ คิดดูใหม่เถอะ! ผู้เฒ่าจิงเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับสูง ตำแหน่งของนางไม่ต่ำไปกว่าอาจารย์พรายเลย!”
เขาอุทาน
เขาถามอีก
“มีศิษย์นับไม่ถ้วนในตำหนักในที่อยากจะได้เป็นศิษย์นางใยเจ้าถึงปฏิเสธโอกาสดีแบบนี้ด้วย โอกาสมาถึงหน้าประตูบ้านเจ้าแล้วนะ!”
เขาพูดต่อ
“แล้วข้าก็ยังได้ยินอีกว่าเจ้าปฏิเสธสำนักซ้ายขวาไปแล้วถ้าเจ้าไม่รีบหาคนหนุนหลัง อนาคตในตำหนักในของเจ้าจะลำบากมากแน่”