The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 916 - สู้ชิงภารกิจ
DND.
ซือหยูยิ้ม
“ขอบคุณน้ำใจพี่หยุนซื่อแต่ข้ามีเรื่องส่วนตัวให้ต้องสะสาง ช่วยข้าตอบผู้เฒ่าชิงด้วย ขอให้นางอภัยให้ข้า เพราะข้าเชื่อว่าข้าจะทำให้นางผิดหวัง”
เขาพูดต่อ
“ข้าน่ะเชื่องช้าจะข้าเป็นจ้าวเทวะไม่ได้ ข้าคงทำให้นางเสียชื่อเสียง นี่เป็นเหตุให้ข้าต้องปฏิเสธนาง”
คำพูดของซือหยูดูถ่อมตัวชางก่วนหยุนซื่ออ้าปากค้าง เขาไม่รู้ว่าซือหยูกำลังคิดอะไรอยู่
ก่อนหน้านี้ซือหยูปฏิเสธสำนักซ้ายขวา และตอนนี้เขาก็ปฏิเสธที่จะเป็นศิษย์ของผู้เฒ่าจิงอีก! นี่เป็นโอกาสที่ศิษย์ตำหนักโลหิตมากมายมิอาจจินตนาการได้ แต่พอมาถึงหน้าประตูเรือนซือหยู เขาก็ปฏิเสธโดยไม่เก็บไปคิดแม้สักประเดี๋ยว!
เขาพยายามจะให้ซือหยูคิดใหม่แต่ซือหยูก็ทำใจไปแล้ว ชางก่วนหยุนซื่อจึงได้แต่ถอนหายใจบอกลา เขาไปบอกพี่สาวให้รายงานเรื่องน่าตกใจนี้
เช้าวันต่อมาเสียงเบาๆดังผ่านประตูเรือน เสียงนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ศิษย์พี่ซือ!”
ซือหยูลืมตาความดีใจแสดงออกผ่านใบหน้าของเขาในทันที เขาผลึกประตูและพบสาวน้อยหน้ากลมยืนรออยู่ นางดูเขินอาย ดวงตาราวหิมะของนางกระพริบไปมาเผยให้เห็นความกังวลใจ
“หยิงหยิง”
ซือหยูแปลกใจที่ได้เห็นหยวนหยิงหยิงที่เขาไม่ได้พบเลยตั้งแต่แยกจากกันในการสอบเข้า!
เช่นเดียวกับซือถูหยางนางถูกรับเข้าไปเพราะพรสวรรค์ ตั้งแต่ครั้งนั้นเขาก็ไม่ได้เจอพวกนางเลย
“ปู่ซือ!ไม่สิ ข้าหมายถึง…น่าจะเป็น…ศิษย์พี่ซือ”
หยวนหยิงหยิงกระพริบตาอย่างซุกซน
นางเอ่ยถึงเรื่องในอดีตซือหยูได้ใช้รูปลักษณ์ของคนแก่เพื่อเป็นปู่ของนาง
“ฮ่าๆๆๆ!เข้ามาก่อนสิ”
ซือหยูชวนนางเข้าไปด้านในเพื่อพูดถึงเรื่องในอดีต
เมื่อได้ยินว่าหยวนหยิงหยิงมาเพื่อรับเข้าไปหาอาจารย์พรายซือหยูก็ตกใจ
“หยิงหยิงเจ้าจะบอกว่าเจ้าคือศิษย์ของอาจารย์พรายหรือ?”
นี่ทำให้ซือหยูตกใจมากในตอนนั้น เขาคิดว่าหยวนหยิงหยิงถูกรับตัวไปโดยอาจารย์นักปรุงยา เขาเพิ่งจะรู้ว่าคนที่รับนางไปคืออาจารย์พราย!
หากนางเป็นอาจารย์พรายที่มีชื่อเสียงโด่งดังนั่นก็จะทำให้นางถูกปกป้องจากเหล่าจ้าวเทวะของตำหนักใน เพราะถ้าหากทำให้อาจารย์พรายโกรธ คนเหล่านั้นจะต้องเจอกับเรื่องร้ายแรงตามมา
“เจ้าโชคดีนักที่ได้เป็นศิษย์อาจารย์พรายข้าจะได้สบายใจเสียที ต่อให้เจ้าอยู่ตัวคนเดียวในตำหนักก็จะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้า”
ซือหยูโล่งใจ
เขามองนางด้วยความสงสัยและถาม
“หยิงหยิงเจ้าปรุงยาไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
หยวนหยิงหยิงก้มหน้าต่ำนางดีใจที่ได้เจอกับซือหยูอรกครั้ง แต่นางก็เขินอายอย่างมากไปในเวลาเดียวกัน
นางตอบ
“อาจารย์บอกข้าว่าข้าจะปรุงโอสถระดับสี่สำเร็จถ้าพยายามไปอีกปี”
ซือหยูพยักหน้ายิ้มรับนี่คือการพัฒนาอย่างรวดเร็วในวิถีนักปรุงยา หากนางปรุงโอสถระดับสี่ได้ นางก็นับว่าเป็นนักปรุงยาหายากชั้นเลิศในดินแดนพรสวรรค์ ในเวลานั้น นางจะยืนด้วยขาของตัวเองได้!
“ว้าว!เจ้าตระกูลหยวนจะต้องภูมิใจในตัวเจ้าแน่”
ซือหยูพูดด้วยรอยยิ้ม
“แต่อาจารย์พรายกำลังรออยู่เราไปกันเถอะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันตอนเดินดีกว่า”
หยวนหยิงหยิงพยักหน้าแต่ก็ส่ายหน้าในเวลาต่อมา
“เดี๋ยวก่อน!ข้าต้องไปเรียกอีกสองคนจากเขาอสูรด้วย”
ซือหยูพยักหน้าเงียบๆ
“ข้าจะไปกับเจ้า”
ต่อมาปิงหวูชิงกำลังฝึกกระบี่ในสวน นางจ้องซือหยูที่เดินมากับหยวนหยิงหยิงอย่างเย็นชา ทั้งสองนั้นพูดคุยกันอย่างสนิทสนม
นางถอนหายใจแรง
“ข้าก็คิดว่าเจ้าจะเศร้าซะอีกแต่เจ้าคงมีความสุขกับคนรักใหม่แล้วสินะ…”
หยวนหยิงหยิงรู้สึกแย่ในทันทีนางหันไปจ้องซือหยู
“นางพูดอะไรกัน?ศิษย์พี่ซือมีคนรักที่ตำหนักนอกหรือ?”
ซือหยูมองปิงหวูชิงอย่างไม่แยแสและส่ายหน้าเขาไม่อยากจะเสียเวลาอธิบายเรื่องนี้กับปิงหวูชิง
“ข้าเชื่อศิษย์พี่ซือ”
เมื่อเห็นซือหยูส่ายหน้าหยวนหยิงหยิงก็เชื่ออย่างสุดหัวใจ ใบหน้านางเปล่งประกายอีกครั้ง
“ศิษย์พี่ปิงข้ามาด้วยคำสั่งท่านอาจารย์ให้พาท่านไปหาเขา…”
นางบอก
ปิงหวูชิงพยักหน้าและเหลือบมองซือหยูอย่างเย็นชา
“เรียกกงซุนหวูซื่อมาด้วยเราจะได้ไปด้วยกัน”
ไม่นานกงซุนหวูซื่อที่เพิ่งจะคลานออกจากเตียงก็ถูกปิงหวูชิงลากตัวออกมา ไม่นานทุกคนก็รีบไปยังตำหนักใน
จากนั้นชางก่วนชิงเอ๋อก็ได้ไปถึงเรือนของผู้เฒ่าจิงเช่นกัน ผู้เฒ่าชิงมีอายุเกินห้าสิบปี แต่นางดูแลตัวเองอย่างดี ผิวของนางจึงยังเรียบเนียนอยู่ แต่เสียที่เครื่องประทินผิวบนใบหน้านางนั้นค่อนข้างหนา!
ศิษย์สตรีสองคนตามนางด้วยความนับถือเมื่อนางอ่านตำราก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียง
เรือนของนางเงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่นชัดชางก่วนชิงเอ๋อเข้าไปด้านในและทำตัวให้เงียบเช่นกัน เรพาะนางไม่อยากจะรบกวนผู้เฒ่าจิงขณะอ่านตำรา
คนจากตำหนักในล้วนรู้ว่าผู้เฒ่าจิงนั้นเป็นคนที่เอาใจยากที่สุดหลักๆก็เพราะอารมณ์ร้อนของนาง ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ของนางหรือไม่ใช่ นางก็พร้อมจะมีปากเสียงกับทุกคนที่ไม่พอใจด้วย!
“มาแล้วหรือ…เขาว่าอย่างไรบ้าง?”
ผู้เฒ่าจิงสัมผัสได้ว่าชางก่วนชิงเอ๋อมาถึงนางวางตำราและถามทันที
ด้วยท่าทางนางไม่ดูเหมือนเป็นผู้มอบหมายให้ชางก่วนชิงเอ๋อไปทำงาน แต่เป็นการขอให้นางทำความปรารถนามากกว่า!
ชางก่วนชิงเอ๋อคิดในใจแต่นางก็แสดงความใจเย็นบนเปลือกนอก
“ซือหยูเซี่ยนขออภัยที่ปฏิเสธท่านแต่เขากังวลว่าเขาจะมีความสามารถไม่พอที่จะเป็นศิษย์ท่าน เขาบอกว่าขออภัยเป็นอย่างสูง”
ผู้เฒ่าจิงไม่พอใจเมื่อได้ยินข่าว.novel-lucky.
“เจ้าไม่ได้บอกเรื่องพลังอำนาจของข้าไปรึ?ข้าไม่ใช่ผู้เฒ่าธรรมดาของตำหนักในนะ!”
ชางก่วนชิงเอ๋อตอบ
“น้องชายข้าเป็นสหายที่ดีกับซือหยูเซี่ยนเขายืนยันว่าซือหยูเซี่ยนรู้ฐานะของท่านแน่นอน และข้อดีข้อเสียที่จะได้เป็นศิษย์ของท่าน”
ผู้เฒ่าจิงยังไม่คิดจะรามือนางดูโมโหยิ่งกว่าเดิม
“ถ้าอย่างนั้นเขาก็กำลังดูถูกข้าสินะ? ฮื่ม! ศิษย์กระจอกๆจากตำหนักนอก…แค่ได้มีชื่อเสียงในเมืองเทียนหยาสักหน่อยก็โอหังถึงขั้นนี้แล้ว? น่าขันนัก!”
ชางก่วนชิงเอ๋อไม่กล้าโต้แย้งและได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
“ไปสั่งให้ซือหยูเซี่ยนมาเจอข้า!ข้าจะถามเขาด้วยตัวเอง!”
ผู้เฒ่าจิงโฒโหอย่างเห็นได้ชัด
นางไม่ใช่อาจารย์ของซือหยแต่ก็กำลังสั่งให้ซือหยูมาหานางนี่แสดงให้เห็นว่านางบ้าอำนาจแค่ไหน!
ทันทีหลังจากนั้นศิษย์ด้านหลังนางก็เหลือบมองกัน จากนั้นหนึ่งคนที่กล้าพอก็พูดขึ้น
“โปรดอย่าได้โกรธเลยท่านอาจารย์แต่อาจารย์พรายกำลังเชิญท่านไปแสดงชุดค่ายกลป้องกันที่กำลังจะใช้ในภารกิจ ข้าเกรงว่าเรามีเวลาไม่พอ”
เมื่อได้ฟังใบหน้าผู้เฒ่าจิงไม่พอใจมาก นางหันไปจ้องทั้งสองคน
“ข้ายังต้องพูดอีกเรอะ?เจ้าสองคนรอซือหยูที่นี่! อย่าให้เขาไปไหนก่อนที่ข้าจะกลับมา!”
…
ตลอดทางหยวนหยิงหยิงกับซือหยูพูดคุยกันอย่างมีความสุข หยวนหยิงหยิงพูดถึงเรื่องประสบการณ์ที่ได้จากอาจารย์พราย ดูเหมือนว่าอาจารย์พรายจะชื่นชมพรสวรรค์ของนางมาก ชีวิตของนางจึงเรียบง่ายสงบสุข
พอเมื่อถึงเวลาที่ซือหยูเล่าเรื่องของตัวเองบ้างนางก็พบว่ามันน่าตื่นตาตื่นใจ หยวนหยิงหยิงตกใจทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องต่างๆที่ซือหยูได้ผ่านมา
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุขราวกับไม่มีใครอยู่ด้วยแต่มันก็จริงอยู่บ้าง เพราะปิงหวูชิงกับกงซุนหวูซื่อนั้นเดินตามค่อนข้างห่างจากทั้งสอง
“ฮื่ม!พี่หวูชิง ดูสิ! เขาเอาแต่โม้กับผู้หญิง!”
กงซุนหวูซื่อพูดด้วยความโมโหนางไม่พอใจซือหยู
ปิงหวูชิงไม่ชอบสิ่งที่ได้เห็นเช่นกัน…หรือว่าซือหยูเซี่ยนจะหาผู้หญิงใหม่เพื่อที่จะลืมเรื่องเก่าๆ?
“ปล่อยเขาไปเถอะ…”
ปิงหวูชิงพูดโดยไม่แสดงอารมณ์
ก่อนที่จะนานทั้งสี่ก็ได้มาถึงเรือนของอาจารย์พราย มีหม้อปรุงยาขนาดใหญ่โตตั้งอยู่
เมื่อทั้งสี่เข้าใกล้ความร้อนก็แผ่าเข้ามาถึงจนทำให้แสบผิว กงซุนหวูซื่อ ปิงหวูชิง และหยวนหยิงหยิงใช้พลังชีวิตออกมาป้องกันร่างกายทันที
ซือหยูเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ใช้พลังราวกับว่าผิวของเขาไม่ได้แสบร้อนเลย
หม้อปรุงยาตั้งอยู่หน้าบ้านศิลาที่สร้างจากศิลาก้อนใหญ่หลายก้อนที่มีสีแดงรวมกันบ้านนี้ดูโทรมจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นบ้านของนักปรุงยาที่ดีที่สุดในตำหนักโลหิต
ความร้อนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมาถึงตอนนี้ แม้แต่พลังชีวิตที่ป้องกันกายก็ทำให้พวกนางร้อนอยู่ดี
“เอ๋…พี่ซือ…พี่ซือไม่ร้อนหรือ?”
หยวนหยิงหยิงเรียกเขาอย่างสนิทสนมอีกครั้งนางสังเกตว่าซือหยูไม่ได้เรียกพลังออกมาป้องกันความร้อนรุนแรงเลย
ปิงหวูชิงกับกงซุนหวูซื่อเพิ่งจะรู้สึกได้พวกนางแอบทึ่งในตัวซือหยู พวกนางรู้สึกได้ถึงความร้อนรุนแรงแม้จะมีพลังป้องกันหนา แต่ซือหยูกลับไร้รอยขีดข่วน
“ข้ารู้เรื่องความหมายของไฟมาบ้างน่ะ”
ซือหยูยิ้ม
กงซุนหวูซื่อโกรธเมื่อได้ฟังนางคิดว่าซือหยูจะต้องรู้เรื่องนี้มาจากป่าปีศาจร้าง ตอนที่นางถูกจับและซือหยูอยู่ที่อื่น นางก็ยิ่งเจ้าอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ
“ฮื่ม!เจ้าคงรู้มากเลยสินะ หา?”
กงซุนหวูซื่อพูดนางยังรู้สึกเศร้าหมอง
ปิงหวูชิงไม่แปลกใจ
“ความหมายของไฟ…หากรู้ถึงระดับผสานใจก็จะควบคุมไฟได้ตามใจคิด! แสดงว่า…คำร่ำลือเป็นเรื่องจริง!”
นางจับจ้องธาตุไฟรอบตัวซือหยูที่หลบออกจากร่างกายเขาราวกับถูกบัญชาสิ่งที่ได้เห็นทำให้นางพูดไม่ออก
เมื่อก้าวเข้าสู่บ้านศิลาพวกเขาเห็นคนหลายคนด้านใน มีจ้าวเทวะชั้นกลางสามคนในวัยที่แตกต่างกันที่กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ จ้าวเทวะวัยรุ่นสามคนยืนอยู่ด้านข้าง
“ท่านอาจารย์ข้าพาพวกเขามาส่งแล้ว”
หยวนหยิงหยิงพูดเมื่อมาถึงเรือนและทักทายผู้เฒ่าหน้าแดงตรงกลาง
ผู้เฒ่าหน้าแดงพยักหน้าและยิ้มให้พวกซือหยูเขาสนใจปิงหวูชิงเป็นหลัก
“ถ้าพวกเจ้ามาถึงแล้วพวกเราก็จะได้เริ่มหารือกันว่าใครที่เหมาะกับภารกิจนี้”
ซือหยูหันไปมองจ้าวเทวะสามคนที่ด้านข้างที่อ่อนแอที่สุดเป็นจ้าวเทวะระดับห้า ที่แข็งแกร่งสุดเป็นจ้าวเทวะระดับหก! เขาคิดว่าศิษย์ทั้งสามคนนี้คงจะเป็นคนระดับสูงของตำหนัก
ดูเหมือนว่าแม้ภารกิจนี้จะเสี่ยงมากมันก็ยังทำให้ศิษย์ในที่ยังมีคะแนนไม่ถึงสี่ล้านคะแนนสนใจได้
“มีภารกิจเดียวเท่านั้นตามกฎของตำหนัก มีแค่คนเดียวที่จะรับภารกิจได้ แต่ภารกิจนี้มีเงื่อนไขเพิ่มเติมขึ้นมา…นั่นคือคนที่รับภารกิจจะพาสองคนไปช่วยได้!”
ผู้เฒ่าหน้าแดงกล่าว
เขาพูดต่อ
“เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นคะแนนจะไปถึงผู้ที่รับภารกิจเป็นคนแรก จากนั้นคนผู้นั้นจะตัดสินการแจกจ่ายคะแนนให้คนช่วยเหลือเอง”
ซือหยูกับอีกห้าคนตั้งใจฟังหรือพูดอีกอย่างก็คือ ไม่ว่าใครจะไปทำภารกิจ คนที่ได้คะแนนทั้งหมดในทีแรกจะเป็นคนที่ได้รับภารกิจ ถ้าอย่างนั้น การรับภารกิจด้วยตัวเองก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหากเป็นไปได้
“ฮ่าๆๆเฒ่าพราย เจ้าควรจะบอกรายละเอียดภารกิจก่อนนะ จากนั้นเจ้าค่อยเลือกจากคนที่ยังกล้าทำภารกิจ…”
ผู้เฒ่าเครายาวจากด้านซ้ายผู้เฒ่าหน้าแดงกล่าว
ผู้เฒ่าหน้าแดงหรือก็คืออาจารย์พรายพยักหน้า
“ย่อมได้แต่พวกเจ้าต้องเก็บรายละเอียดเรื่องภารกิจเป็นความลับ! ในภารกิจนี้ เจ้าต้องสังหารอาชญากรระดับเจ็ดของดินแดนพรสวรรค์!”
เมื่ออาจารย์พรายประกาศความชิงชังและจิตสังหารในดวงตาก็ปรากฏให้เห็น ซือหยูกับคนอื่นตาลุกวาว
“อาชญากรลำดับเจ็ดหรือ?หรือว่าจะเป็นมั่วหยาง…หนึ่งในสามยอดฝีมือเร่ร่อนที่เก่งที่สุดในดินแดนพรสวรรค์?”
ซือหยูคุ้นชื่อมั่วหยางมาก่อนเพราะในกระโจมเทพสวรรค์ เขาได้เจอกับศิษย์ของมั่วหยาง นั่นคือเฮ่ยเยี่ยหลางจุน
มั่วหยางเป็นจ้าวเทวะมานานแล้วตอนนี้เขาเป็นจ้าวเทวะระดับสาม ในสำนักใหญ่อย่างตำหนักโลหิต เขาดูเป็นคนธรรมดา แต่แท้จริงเขาคือคนที่น่าจดจำในบรรดายอดฝีมือเร่ร่อน ดังนั้นเขาจึงเป็นที่รู้จักกันในนามของหนึ่งในสามยอดฝีมือเร่ร่อนผู้ยิ่งใหญ่
ซือหยูรู้สึกแปลกเขาคิด…ยอดฝีมือที่มีฐานพลังต่ำเช่นนี้ไม่ถูกสังหารได้ยังไงแม้จะผ่านมาเป็นสิบปี? แล้วคนรับภารกิจคนสุดท้ายยังเป็นจ้าวเทวะระดับสี่สองคนกับจ้าวเทวะระดับห้าอีกหนึ่ง ซึ่งทุกคนตายหมด!