The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 947 - พลังแห่งเซียน
DND.
ซือหยูคิดเขาเลือกที่จะทำต่อไป
เพราะถ้าหากม่อเทียนฉวนมีเวลาเมื่อใดนางจะกลับมาและต้องเจอกับแหวนของเขา เขาจะไม่มีโอกาสได้ลองอีก
ซือหยูกัดฟันและพยายามอัดพลังมิติใส่แหวนวงที่สองเขาดึงของออกมาและโยนแหวนทิ้งทันที
ก่อนที่เขาจะได้เห็นข้างในแหวนแหวนก็แตกออกไปก่อนแล้ว สิ่งของในแหวนถูกการไหลของคลื่นมิติพาออกไป
ซือหยูริมฝีปากสั่นอย่างคุมไม่อยู่…เขาได้แก้วมาอีกสามดวง!
มีแก้วอย่างน้อยหลายสิบล้านดวงในแหวนมิติของอสูรเนรมิตรสิ่งที่มีมากที่สุดในแหวนก็คือแก้วเช่นกัน
มันขึ้นอยู่กับดวงว่าซือหยูจะดึงสิ่งใดออกมาได้
ซือหยูหายใจเบาๆ เขาอัดพลังมิติลงในแหวนวงที่สามและรีบดึงของข้างในออกมา
และแหวนวงที่สามย่อมแตกอย่างไม่ต้องสงสัย
เขามองที่ฝ่ามือมันคือแก้วสีเพลิงสุกสกาวสามดวง ซือหยูขมวดคิ้ว…แก้วอีกแล้ว
แต่เมื่อเขาคิดได้ครึ่งทางซือหยูก็มองแก้วอีกครั้ง เขาใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งคลึงมัน…เอ๋ นี่มันแปลก ๆ
ดูจากรูปลักษณ์มันไม่ต่างจากแก้วทั่วไป แต่มันก็มีพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์กว่าแก้วทั่วไปนับหมื่นเท่า!
แค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ของมันก็มีพลังมากจนแก้วทั้งดวงเทียบไม่ติด
หรือว่ามันจะเป็นแก้วระดับสูง?
ซือหยูตาเป็นประกายแก้วนี้อาจจะเป็นระดับต่ำ ระดับกลาง หรือระดับสูงก็ได้
พวกแก้วระดับต่ำมักจะใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดามาก
แก้วระดับกลางค่อนข้างหายากเพาะพลังวิญญาณของมันบริสุทธิ์กว่าระดับต่ำเป็นร้อยเท่า
ดังนั้นมันจึงมักจะถูกใช้ในการฝึกฝนยากที่จะเจอมันได้ตามท้องตลาด
ส่วนแก้วระดับสูงที่จะมีเขียนถึงแค่ในตำราเก่าและคำร่ำลือนั้นแทบจะไม่มีบันทึกว่ามีการวางขาย
นั่นก็เพราะความบริสุทธิ์ของพลังชีวิตที่แก้วระดับสูงมีนั้นนับว่าดีที่สุดในโลก
มันใช้ในเรื่องสำคัญเช่นการเป็นแหล่งพลังขนาดใหญ่ของค่ายกลระดับสูง
มันยังถูกใช้เก็บไว้เป็นสวัสดิการของตำหนักและจะไม่ขายให้กับคนนอก
อย่างตำหนักโลหิตที่เป็นสำนักใหญ่ในดินแดนพรสวรรค์ก็มีแก้วระดับสูงแค่สามดวงที่เก็บเอาไว้
ตำหนักเมฆาม่วงก็เช่นกันพวกเขามีไม่น่าจะเกินสามดวง
ซือหยูมีหนึ่งดวงไว้กับตัวมันคือสมบัติล้ำค่า!
มูลค่าของมันเทียบได้กับเศษสมบัติภูติเลยทีเดียว
ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุดเขาก็ได้ของมีค่ามาครอง
แม้ตอนนี้มันจะยังไม่มีประโยชน์แต่จะต้องมีโอกาสใช้มันในอนาคตแน่นอน ซือหยูเก็บมันไว้กับหยดน้ำพุแห่งชีวิตและใบเทพไม้ที่ยังเหลืออยู่
ซือหยูมองแหวนอีกสองคนและเปิดมัน
ซือหยูดึงสิ่งของออกจากแหวนมาได้ด้วยวิธีการเดิมเขาได้หินหยกที่เปล่งแสงสีเขียว
มันไม่ใช่แก้วซือหยูใจเต้นด้วยความคาดหวัง เขาต้องมองมันและพบว่ามีข้อความเล็ก ๆ อยู่ด้วย
หลังจากอ่านบรรทัดแรกเขาก็เบิกตากว้าง แม้แต่ลมหายใจยังรวดเร็วขึ้น
อีกสองท่าของ‘ฝ่ามือเทพดับสวรรค์’ ? ซือหยูใจเต้นแรง หินหยกนี้บันทึกเรื่องฝ่ามือสุริยากับฝ่ามือเทพกระจ่างเอาไว้!
ผู้เฒ่าจิวรู้เพียงแค่ท่าแรกนั่นก็คือฝ่ามือจันทรา มันคือท่าเดียวที่ซือหยูได้รับการถ่ายทอด ตอนนี้เขาได้อีกสองท่ามาอยู่ ราวกับว่ามันคือการชดเชยสิ่งที่เขาต้องเสีย
การผจญภัยครั้งนี้คุ้มค่าแล้วเพราะข้าได้ตำรานี้…ซือหยูคิดในใจและเก็บหินหยกเอาไว้
ต่อมาซือหยูหมองแหวนวงสุดท้าย แหวนนี้เป็นของหัวหน้าองครักษ์แสงกระจ่าง สิ่งที่เขาเก็บเอาไว้ย่อมเหนือกว่าองครักษ์จนอื่นอย่างมาก
ซือหยูดึงสิ่งของข้างในออกมาอย่างรวดเร็วโดยใชิพลังมิติ
เกิดเสียงระเบิดแหวนแตกออก ไม่มีใครรู้ว่ามีทรัพย์สมบัติมากมายเท่าใดถูกดูดเข้าไปในห้วงมิติอย่างสูญเปล่า
ซือหยูมองรอยแยกมิติอย่างเศร้าใจพลางก้มหน้ามองสิ่งที่ได้
แต่ซือหยูก็ต้องแปลกใจเพราะสิ่งที่ถูกนำออกมาไม่ใช่สูตรโอสถหรือวิชาบ่มเพาะ แต่มันกลับเป็นโถใส่ผู้กัน
ในโถนั้นมีพู่กันห้าด้ามที่มีสีสันแตกต่างกัน
นี่มันอะไรกัน?ซือหยูมองโถพู่กันและพบข้อความเล็กเขียนที่ข้างโถ มันดูเหมือนกับคู่มือการใช้งาน
มันเขียนว่า
ค่ายกลดับสวรรค์ห้าธาตุแบบง่าย novel-lucky
ซือหยูตาเป็นประกายเขาอ่านมันต่อไปและก็ยิ่งดีใจมากกว่าเดิม สุดท้าย เขาถึงกับหัวเราะออกมา
ฮ่าๆๆๆๆ องครักษ์แสงกระจ่างเอ๋ย เจ้าถึงกับทิ้งของสำคัญนี้ให้ข้าก่อนตาย! ซือหยูถือโถพู่กันด้วยรอยยิ้มที่เบ่งบาน
โถพู่กันคือสมบัติที่องครักษ์ทั้งห้าร่วมกันสร้างมันเกิดจากการรวมตัวกันของเศษสมบัติภูติหลายชิ้น ในเรื่องระดับ มันไม่ได้มีระดับต่ำกว่าสมบัติกึ่งภูติแน่นอน
การใช้งานของมันก็คือการใช้ค่ายกลดับสวรรค์ห้าธาตุที่จะใช้ได้จากการที่องครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าร่วมมือกันเท่านั้น
มันสามารถปิดบังพื้นที่ผนึกได้กระทั่งสวรรค์ และกักขังศัตรูที่แข็งแกร่งเอาไว้ภายใน
ไม่เหมือนกับค่ายกลดับสวรรค์แบบดั้งเดิมที่ต้องใช้องครักษ์แสงกระจ่างถึงห้าคนพร้อมกันค่ายกลแบบง่ายนี้ใช้เพียงแค่คนเดียวในการอัดพลัง และมันจะถูกใช้อย่างเต็มที่
บอกได้เลยว่าอสูรเนรมิตรทุกคนที่ต่ำกว่าขั้นสามจะถูกพลังนี้กักขัง!
ซือหยูจะมีไม้เด็ดเก็บเอาไว้ใช้เมื่อเจอกับอสูรเนรมิตรในอนาคต!
สิ่งนี้ทำให้ซือหยูมีความได้เปรียบเสียยิ่งกว่าวิชาฝ่ามือเทพดับสวรรค์เสียอีก
องครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าตายไปแล้วความเป็นเจ้าของของโถพู่กันย่อมสลายไปเช่นกัน ซือหยูหลอมรวมโลหิตเข้ากับมันเพื่อให้มันกลายเป็นของเขาอย่างง่ายดาย
ซือหยูเก็บมันด้วยความพอใจจากนั้นจึงหยิบเศษผงทองออกมา
มันคือผงทองที่กระจัดกระจายทั่วฟ้าหลังจากที่ใบของเทพไม้เหี่ยวเฉาลงซือหยูเก็บมันไว้เพราะมันมีพลังที่ยอดเยี่ยมอยู่
เมื่อจ้องมองเขาพบพลังที่ถูกกักเก็บเอาไว้ มันเป็นพลังที่น่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ
มันคือพลังที่เหนือกว่าอสูรเนรมิตร!
แม้หยินมู่จะแข็งแกร่งและนับว่าเหนือกว่าอสูรเนรมิตรเขาก็ไม่เคยแสดงพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน
เช่นนั้นก็…มีโอกาสเดียวเท่านั้น!
นี่คือพลังของเซียน!
ด้วยเหตุอันใดไม่ทราบได้เศษผงใบเทพไม้นี้มีพลังของเซียนอยู่ข้างใน
พลังบริสุทธิ์อย่างมากมันไร้ซึ่งสิ่งเจือปนและกลายเป็นพลังจากธรรมชาติที่สามารถดูดซับทุกสิ่งทุกอย่างได้จนหมดสิ้น
“หรือว่าใบเทพไม้จะดูดพลังของราชาเขตกลางมา?”
ซือหยูหรี่ตาเขาคิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด
ราชาเขตกลางใช้พลังเหนือมนุษย์ออกมามันคือพลังที่ซือหยูเคยเจอมาก่อน เช่นนั้นก็แสดงว่าราชาเขตกลางได้กลายเป็นเซียนไปแล้ว!
ใบของเทพไม้ยังชำระล้างพลังของราชาเขตกลางและกลิ่นอายของเขาจนหมดสิ้นอีกด้วย…
ซือหยูจ้องมองมันด้วยตาเป็นประกายเขาเคยเห็นพลังชำระล้างของเทพไม้กับตามาก่อน ไม่แปลกเลยที่ใบของเทพไม้จะมีพลังแบบนั้นด้วย
ตาามจริงต่อให้มีใครได้พลังระดับเซียนของราชาเขตกลางไปครอง พลังนั้นก็จะใช้การไม่ได้เพราะกลิ่นอายที่ยังคงอยู่ในพลัง เมื่อมันเข้าสู่ร่างภาย มันจะสังหารอีกฝ่ายแน่นอน
แต่หลังจากถูกใบของเทพไม้ชำระล้างไปแล้วมันได้กลายเป็นพลังบริสุทธิ์
พลังแห่งเซียนงั้นรึ?ซือหยูวางผงทองลงบนฝ่ามือทั้งสองข้างและดูดซับพลังของมันช้า ๆ เขาดูดซับพลังมาไม่ถึงหนึ่งในร้อยด้วยซ้ำ
แต่เขาก็ต้องตัวแข็งทื่อเมื่อพลังเข้าสู่ร่างกาย!
พลังเล็กน้อยของเซียนที่เข้าสู่ร่างกายซือหยูนั้นหลั่งไหลราวกับคลื่นยักษ์
ปั้ง!ปั้ง!
ซือหยูถึงกับได้ยินเสียงปะทะกันของสายโลหิตกับเส้นเอ็นเขารู้สึกถึงการไหลของโลหิตที่เร็วขึ้น หัวใจเองก็เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเพราะมิอาจทนแบกรับพลังไหว
ซือหยูหน้าแดงก่ำเส้นเลือดแดงและดำบวมปูดขึ้นราวกับอสรพิษสีเขียวช้ำ มันบิดเบี้ยวและดูน่าเกลียดน่ากลัว
โลหิตพุ่งพล่านออกจากรูขุมขนเพราะการกดดันของพลังมหาศาลในร่างกายหากมองซือหยูตอนนี้จะเห็นว่าเขามีเส้นใยโลหิตพันอยู่เต็มตัว เคราะห์ดีที่จุดกำเนิดพลังของซือหยูนั้นเหนือกว่าที่ภูติระดับเก้าระเทียบได้
เศษส่วนพลังนั้นไหลเวียนในร่างกายซือหยูหนึ่งวันเต็มก่อนจะเข้าสู่จุดกำเนิดพลังแรงกดดันที่เกิดขึ้นลดลงไปมาก มันทำให้ซือหยูหายจากอาการร่างที่เกือบระเบิด
ซือหยูถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก เขาตกตะลึงในใจ พลังที่เขาดูดซับมานั้นแทบจะไม่ถึงหนึ่งในพันของราชาเขตกลาง แต่มันก็เกือบจะระเบิดร่างของเขาทั้งเป็น
ความแตกต่างระหว่างเขากับราชาเขตกลางนั้นนับได้เป็นหลายพันเท่าตัว!