the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 447 นักทำนาย
ก็อย่างคำว่า กองกำลังหลังชนฝาที่มีความกล้าอย่างสิ้นหวัง
ย่อมชนะแน่นอน และตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นเลย
ราวกับว่าจางจิ่งหลินที่ตอนนี้อยู่แนวหน้าด้วยมองการถูก
ตัดทางถอยเป็นเรื่องแง่ดีประการหนึ่ง ทหารป้อมปราการ 178 จาก
ขุ่นแค้นศัตรูอย่างยิ่ง ดังนั้นต่างสู้ราวไม่กลัวตาย
แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องที่สร้างมาจากความศรัทธาตลอดหลาย
ปี แต่อย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าตอนนี้ป้อมปราการ
กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤต
ตลอดสองวันที่ผ่านมาจางจิ่งหลินไม่ได้พูดอะไรมากนัก เหล่า
ผู้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ถามเขาว่าจะเอาอย่างไรกับการ
จู่โจมป้อมปราการ 178 อย่างกะทันหันของสมาคมตระกูลจง แต่เขา
เพียงพูดว่ายังไม่ได้คิดแผนเหล่าผู้บังคับบัญชารู้สึกแปลกอยู่บ้างที่ผู้บัญชาการจางดูจะ
ไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อ ปกติแล้วไม่ว่าสถานการณ์จะลำบากเพียงไร
เขาก็สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดเดี่ยว แต่ทำไมตอนนี้เหมือน
สมาคมตระกูลจงดูจะจมูกเขาไปเรื่อยได้
จะชนะที่เขาอู่ชวนไปเพื่ออะไรถ้าพวกตนต้องสูญเสียบ้านไป
เหล่าผู้บังคับบัญชาว้าวุ่นใจจวนจะคลั่งแล้ว มีคนหนึ่งคืนเดียว
ก็ผมกลายมีสีเทา มิตรสหารและครอบครัวทุกคนต่างอยู่ที่
ป้อมปราการ 178 หมด
มีคนลอบถามหลินอวี๋เจ๋อผู้ดูแลโรงอาหาร “หลายวันนี้มานี้
ความอยากอาหารของผู้ท่านบัญชาการเป็นไงบ้าง“
มีคนพยายามหาดูว่าพฤติกรรมของจางจิ่งหลินสื่อว่าเขา
มีแผนการฉุกเฉินรับมืออะไรไหม ถ้ามี ก็คงกินอาหารเหมือนปกติ
แต่ถ้าไม่มี ก็คงไม่กินมากเท่าตามปกติ
เหล่าผู้บังคับบัญชาป้อมปราการ 178 ต่างรู้กิจวัตรของจาง
จิ่งหลินดี นี่เป็นเรื่องแปลกของจางจิ่งหลินที่พวกเขารู้มานานแล้วหลิวอวี๋เจ๋อพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ผู้บัญชาการจางไม่กินอะไร
มาสองวันแล้ว…”
เหล่าผู้บังคับบัญชาแห่งป้อมปราการ 178 ต่างมีสีหน้าขมขื่น
ด้วย ผู้บัญชาการจางกังวลใจจนไม่อาจกินอะไรได้เลยเหรอ!
ถึงจงอิงจะพ่ายแพ้รัวๆ ที่เขาอู่ชวน แต่ผู้บัญชาการแนวหน้าผู้
นี้รู้ดีว่าอีกไม่กี่วันสถานการณ์ก็พลิกผันแล้ว แต่ปัญหาคือตอนนี้เขา
ต้องมีคำอธิบายสำ หรับสถานการณ์ตอนนี้
คำอธิบายนี้ต้องทำให้สภาบริหารพอใจด้วย ในช่วงสงคราม
แค่เอาชนะได้ยังไม่พอ ในตลอดการรบ มันจะมีคนไม่น้อยที่คอย
ประณามหารับผิดชอบวิธีการบางอย่างที่ทำลงไปเพื่อยอมกำจัดศัตรู
แถมตอนนี้ยังมีคนไม่น้อยที่จับตาตำแหน่งของจงอิงอยู่
ถ้าแผนการสำ รองเขาสำ เร็จผล นี่ก็จะเป็นชัยชนะอย่าง
เป็นประวัติการณ์ พูดตามตรง มีคนมากมายกำลังคิดช่วงชิงผลงาน
จากน้ำแรงของจิงอิง
สภาบริหารส่งคนมาถามเรื่องนี้ ส่วนจงอิงก็โยนความผิดไปให้
จงอู้เต็มที่ บอกว่าถ้าจงอู้ไม่ถอนกำลังคุ้มพื้นที่อย่างกองพลน้อยที่131 จากแนวหน้าล่ะก็ พวกเขาก็คงไม่เสียเขาอู่ชวนไปแน่
อย่างที่มั่นป้องกันที่กองพลน้อยที่ 131 คุ้มกันอยู่ก็เป็น
ตำแหน่งสำ คัญมาก แต่จงอู้สลัดผลประโยชน์ของสมาคมทิ้งเพราะ
ทรัพย์สินที่โอนถ่ายไปถูกผู้อื่นขโมยไปเรียบร้อย
ช่างเป็นการปัดความรับผิดชอบที่ดีนัก
การถอนกำลังในนาทีสุดท้ายส่งผลต่อแผนการแนวหน้าจน
กระทบภาพรวม
ด้านหนึ่งทางสภาบริหารของติดต่อจงอู้ไปเรื่องนี้เช่นกัน ทว่า
พวกเขาได้ยินแต่เสียงกรีดร้องว่าจงอิงยังรักษาความมั่นคงใน
แนวหลังไม่ได้เลย พวกเขาจะชนะสงครามได้อย่างไร
ทั้ง
สองฝ่ายใช้อ้างข้ออ้างนู่นนี่ปัดสวะให้อีกฝ่าย แต่ตอนนี้จงอู้
ผู้นำแห่งกองพลน้อยที่ 131 หาร่องรอยของกองร้อยเจียนเตาไม่เจอ
แล้ว เขารู้ว่าอีกไม่นานการถอนตัวจากแนวหน้าอย่างกะทันหันคง
ไม่ใช่ความผิดหลักของตนแล้ว แต่เป็นการโอนถ่ายทรัพย์สินและ
หาทางหนีให้ตัวเองต่างหากที่ทำให้สภาบริหารเกิดระแวงในตัวเขาพอสงครามจบเขาจะเจออะไรบ้าง แน่นอนว่าคือการสอบสวนอย่าง
ไม่จบสิ้น!
ดังนั้นสิ่งที่ทำให้คนแปลกใจก็บังเกิดขึ้น จงอู้นำกองพลน้อยที่
131 หนีไปจริงๆ! ถึงกองกำลังทหารราบยานเกราะต้องพึ่งการ
บำรุงกำลังจากแนวหลังมาก แต่การที่เขาหนีไปแบบนี้ แสดงว่ามันมี
สมาคมในที่ราบตอนกลางที่พร้อมจะรับเขาเข้าร่วมแล้ว
ใครจะไม่ยอมรับผู้สวามิภักดิ์ที่พาทหารยานเกราะเป็นกองทัพ
มาด้วยล่ะ!
หนีทหารไปเช่นนี้ ทำให้ทุกคนในสมาคมตระกูลจงรังเกียจนัก
ส่วนจงอิงก็ถอนหายใจยกใหญ่เพราะเรื่องนี้มันใหญ่จนบังเรื่อง
ความพ่ายแพ้ของตน ทำให้ไม่มีใครสนใจเรื่องเขาอีก
ที่จงอิงควรทำตอนนี้คืออยู่ป้องกันการโจมตีจากป้อมปราการ
178 อยู่บนยอดเขาอู่ช่วนต่อ ถ้าสมาคมตระกูลจงถูกจัดการก่อนที่
แผนสำ รองจะได้ใช้งานล่ะก็ แบบนั้นคงเป็นเรื่องตลกโดยแท้
…ค่ำคืนในป้อมปราการ 146 เงียบสงัด เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่ามันน่าจะ
มีมาตราการเคอร์ฟิวอยู่ ไม่อย่างนั้นตามถนนคงไม่มีคนเดินอยู่แล้ว
และเขามักจะเห็นทหารเดินยามอยู่บ่อยๆ
การหลบทหารเดินลาดตระเวนไม่ใช่เรื่องยากสำ หรับเริ่นเสี่ยว
ซู่ ที่ยากคือการหาที่อยู่ของพวกระดับสูงในสมาคมตระกูลจง
เริ่นเสี่ยวซู่นิยามปฏิบัติการนี้ว่าปฏิบัติการบั่นเศียร เขาไม่ได้
จะตั้งใจทำลายทั้งป้อมปราการ 146 หรือคิดจะสู้กับทหารทั้ง
กองพลน้อยที่รักษาการณ์อยู่ที่นี้ กลับกัน เขาพยายามจะจัดการพวก
เบื้องบนของสมาคมตระกูลจงให้หมด พวกเขาจะได้ตกอยู่ในสภาพ
เดียวกับสมาคมตระกูลหยาง
แต่เริ่นเสี่ยวซู่คิดปัญหาร้ายแรงได้อย่างหนึ่ง ถ้าจงเฉิงเป็น
ผู้บัญชาการกองพลน้อยรักษาการณ์ของป้อมปราการ 146 อย่างนั้น
เขาก็น่าจะอยู่ในฐานทัพด้วยไหม
ถ้าไม่นับเป้าหมายคนอื่นๆ จงเฉิงคือคนที่เขาอยากฆ่ามาก
ที่สุดแต่ปัญหาแรกที่ต้องคิดคือเรื่องเขาเข้าไปในฐานทัพและ
จะหาว่าพวกเบื้องบนของสมาคมตระกูลจงอยู่ไหนอย่างไร
แล้วสรุปจะไปหาพวกเขาได้ที่ไหนนะ
เริ่นเสี่ยวซู่ซ่อนตัวอยู่ใต้สะพานเล็กแห่งหนึ่งตลอดทั้งคืน วัน
ต่อมา เขาก็เริ่มทอดน่องไปตามถนนหนทางอย่างไม่ยี่หระ เขาพบว่า
ชายป้อมปราการ 146 นั้นดูไร้วิญญาณมาก ไม่มีใครพูดคุยอะไรกัน
ทั้ง
นั้น
บนถนน บรรยากาศกดดันเป็นอย่างยิ่ง
เขาไม่รู้เลยว่าสมาคมตระกูลจงทำอะไรคนใต้บัญชาจน
ประชากรกลายเป็นร่างไร้วิญญาณเช่นนี้ หลังจากเข้าป้อมปราการ
การมา เริ่นเสี่ยวซู่ก็ได้รู้ว่านอกจากสมาคมตระกูลจงจะยึดครองใจ
ผู้อพยพไม่ได้แล้ว ก็ยังยึดครองใจของชาวป้อมปราการไม่ได้ด้วย
แต่เขาไม่คิดจะเปิดคุยกันใคร เขาคงไม่อาจเปิดปากคุยคนบน
ถนนมั่วๆ แล้วถามว่าพวกเบื้องบนของสมาคมตระกูลจงอาศัยอยู่
ที่ไหนได้หรอกมั้ง
ระหว่างที่เริ่นเสี่ยวซู่เดินทอดน่องไปเรื่องอยู่นั้น เขาก็เห็นว่าคน
ผู้หนึ่งถือธงขาวตั้งตรงก็เดินเข้ามาตนเอง เขาเห็นบนว่าบนธงนั่นระบุว่า ‘เทพทายทัก’
เริ่นเสี่ยวซู่ชะงัก เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเจอหมอดูตาม
ข้างทาง แต่ของพวกนี้ดูแล้วก็น่าสนใจไม่เลว เขาได้ยินมาว่า
ร้อยทั้งร้อยหมอดูเป็นพวกมิจฉาชีพที่ใช้ทักษะตนหลอกคนอื่น
แต่พอพวกเขาสองคนเดินสวนกัน หมอดูผู้นั้นก็คว้าแขนเขา
เริ่นเสี่ยวซู่คว้าจับข้อมือฝ่ายตรงข้ามในพลัน กุมแขนหมอดูผู้นั้นแน่น
ก่อนจะดันเขาเข้าตรอกน้อยข้างทาง
เริ่นเสี่ยวซู่หันไปมองรอบๆ พอเห็นว่าไม่มีใครสังเกตพวกตนก็
ถาม “นายเป็นใคร”
หมอดูหลั่งเหงื่อเย็นเพราะความเจ็บ “ปล่อยก่อนๆ! ฉันเป็นแค่
หมอดูเฉยๆ! ฉันเห็นว่านายในอนาคตนายจะมีเคราะห์
เลือดตกยางออก เลยอยากจะดูชะตาให้น่ะ”
“อ้อ” เริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกขำ บอกคนอื่นว่าจะ
มีเคราะห์เลือดตกยางออกเป็นกลเม็ดหนึ่งที่หมอดูมักใช้ จะสะเดาะ
‘เคราะห์’ นี้ คนก็ต้องจ่ายเงินเสีย “ฉันไม่โง่ ไปหลอกคนอื่นไป ฉัน
ไม่ใช่พวกหัวอ่อนที่จะเชื่ออะไรแบบนั้นหรอก”ตอนต่อไป
ตอนที่ 448 เคราะห์เลือดตกยางออก
ยอดเหรียญของคุณ 192.00
3 เหรียญทอง
“ทำไมถึงไม่รู้จักของดีเลยล่ะเนี่ย” หมอดูผู้นี้หมดคำจะพูด
“ฉันจะทำนายชะตาให้นายจริงๆ คำทำนายฉันแม่นมากเลยนะ”
“แม่น?” เริ่นเสี่ยวซู่แค่นเสียง “งั้นทำนายอะไรให้หน่อยสิ”
“ฉันทำนายได้หมดแหละ!” หมอดูพูด
“งั้นปริศนานี้ให้หน่อย ให้ฟังก์ชันกำลังสอง f(x) = ax2 + bx +c
โดยค่าสูงสุดคือเมื่อ x = 1 อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างค่า f(-1),
f(0), และ f(4)”
หมอดู “…”
เริ่นเสี่ยวซู่แค่นเสียง “แล้วยังพูดอยู่หรอกว่าทำนายได้ทุกอย่าง
น่ะ”