the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 250 สำเร็จภารกิจรอง เมล็ดพันธุ์!
บ่ายของวันเดียวกันนั้น พายุหิมะก็ถาโถมหนักกว่าเดิมแม้แต่นายทหารกองพันเทพยนต์ยังทนไม่ไหว ทหารกองกำลังส่วนตัวที่ทำหน้าที่แหวกทางต้องยกขาขึ้นสูงทุกครั้งที่ก้าวขาออกไป
ในอากาศเลวร้ายเช่นนี้ ต่อให้ทุกคนผลัดกันมาทำหน้าที่สร้างทางบนพื้นหิมะ แม้พื้นจะเรียบก็ยังเหนื่อยมากอยู่ดี
ทว่าเพราะกลัวจะถูกเริ่นเสี่ยวซู่ลากฝ่าหิมะจนตาย ตลอดบ่ายจึงไม่มีใครกล้าเป็นลมเลยแม้แต่คนเดียว
“วันนี้ตั้งค่ายกันที่นี่ก่อน” นายทหารคนหนึ่งของกองพันเทพยนต์ว่า “หลังหิมะหยุดตกแล้วค่อยเดินทางต่อ”
นี่ไม่ใช่เวลามารักษาหน้าแล้ว ถ้ายังเดินทัพต่อล่ะก็ ทุกคนอาจได้ตายกลางหิมะนี่แหละ
ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ต่างจากทำภารกิจไม่สำเร็จแล้ว เพราะพวกเขาคงไปไม่ถึงเขาชวงหลง
นายทหารกองพันเทพยนต์คิดว่าพวกตนยังไปต่อไหว แต่ทหารกองกำลังส่วนตัวไม่ไหวแล้ว
ในที่สุดพวกตนก็ได้ตั้งค่ายพักสักหน่อยกันแล้ว ทหารกองกำลังส่วนตัวทุกนายก็เหมือนได้เกิดใหม่ พวกเขาหนาวสั่น อยากล้มลงไปนั่งกับพื้นหิมะจะแย่ แต่ก็โดนเริ่นเสี่ยวซู่ตะคอก “ลุกขึ้นมาตั้งเต็นท์ก่อน จะพักโดยไม่มีเต็นท์ได้ยังไง อยากตายคาหิมะเหรอ”
ที่จริงพวกเขาจะพักโดยไม่มีเต็นท์ก็ได้ ก็แค่ต้องขุดหลุมหิมะแล้วซุกตัวเองเข้าไปข้างใน นี่ไม่ใช่ข้อแนะนำแบบตลกๆ แต่เป็นวิธีการจริงๆ กรณีที่ไม่มีเต็นท์พักระหว่างเดินฝ่าหิมะสูง คนส่วนใหญ่คิดว่าในหลุมหิมะคงหนาวกว่า แต่ที่จริงอยู่ในนั้นจะช่วยรักษาความอบอุ่นของตัวคนได้ ข้างนอกหลุมหิมะนั้นจะหนาวกว่าข้างใน
เริ่นเสี่ยวซู่เคยได้ยินจากจางจิ่งหลินว่ามนุษย์เผ่าหนึ่งในทางเหนือจะสร้างอิกลู[1]เพื่อรักษาความอบอุ่นในหน้าหนาว
ทุกคนผุดลึกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก เมื่อความตายอยู่ตรงหน้า ทุกคนต่างใช้พลังเฮือกสุดท้ายพยายามตั้งเต็นท์ ทว่าทหารหน่วยอาการไม่สู้ดี เพื่อประหยัดพลังงานตอนเดินทาง พวกเขาถึงกับโยนเต็นท์ทิ้งไป ถ้าพวกเขาสามารถอัดตัวในเต็นท์คนอื่นได้ก็ไม่แย่นัก แต่ถ้าผู้อื่นไม่อยากแบ่งเต็นท์ด้วย พวกเขาคงได้แต่ขุดหลุมหิมะ และได้แต่ทนหนาวในนั้นไป
เริ่นเสี่ยวซู่สั่งพวกหลี่ชิงเจิ้ง “ฉันจะตั้งเต็นท์ พวกนายออกไปหาฟืนตามพื้น ถ้าไม่เจอ ให้หักมาจากต้นไม้ก็ได้ ถ้าอยากจะสร้างความอบอุ่นยังไงก็ต้องให้กองไฟจุดตลอด ทุกคนต้องได้กินโจ๊กร้อนๆ กันคนละถ้วย ไม่อย่างนั้นพวกเราคงทนต่อไม่ไหวแล้ว”
“ได้” หลี่ชิงเจิ้งหนาวจนแก้มแดงเถือก “เชื่อมือได้เลย พี่น้องตามฉันมา ไปหาฟืนกัน”
เวลาเอากิ่งไม้ที่หักมาจากต้นไปเผาจะเกิดควันมาก แต่ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นจะมาจุดไฟสร้างความอบอุ่นแล้ว
ตอนนั้นเอง เสียงจากพระราชวังก็ดังมาในห้วงจิต “ภารกิจสำเร็จ รางวัล คัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นพื้นฐาน”
ภารกิจเขามาเสร็จเอาตอนนี้เอง นี่อาจจะเป็นภารกิจธรรมดาที่ยากที่สุดที่เขาเคยทำเลย
ปัจจุบันนี้เริ่นเสี่ยวซู่มีคัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นพื้นฐานสองม้วนแล้ว แต่เขายังไม่คิดจะใช้งานตอนนี้หรอกเพราะเป้าหมายที่ต้องการไม่อยู่แถวนี้ แต่ถ้าเขาเจอหน้าหูชัวอีกรอบ เขาน่าจะได้ใช้แน่ ถึงคัมภีร์ขั้นพื้นฐานจะคัดลอกพลังพิเศษไม่ได้ หูชัวก็คงมีทักษะที่มีประโยชน์ต่อเริ่นเสี่ยวซู่อยู่ดี แค่ต้องลองเสี่ยงโชคดู มันก็น่าจะมีโอกาสได้อะไรดีๆ จากหูชัวอยู่
แต่พระราชวังยังพูดต่อ “ภารกิจรองสำเร็จ ปลดล็อคสินค้าใหม่ ‘เมล็ดพันธุ์’ ให้ซื้อในตู้หยอดเหรียญ!”
เริ่นเสี่ยวซู่ตาทอประกาย ความอดทนต่อภารกิจรองนี้ในที่สุดก็สำเร็จผล มันเหมือนกับว่านานอักโขกว่าภารกิจจะสำเร็จ แต่ลองนับดูแล้ว นี่เพิ่งวันที่สองหลังตรุษจีนเอง
เขามองเข้าไปในพระราชวัง มองตู้หยอดเหรียญที่ตั้งนิ่งอยู่ในนั้น ข้างๆ ช่องไพ่ระเบิดมีช่องใหม่ปรากฏขึ้น
ข้างในช่องมีเมล็ดกระจายอยู่ทั่ว แต่ที่เริ่นเสี่ยวซู่แปลกใจคือแต่ละเมล็ดหน้าตาไม่เหมือนกัน แต่ละเมล็ดผลิเป็นพืชต่างแบบกันอย่างงั้นเหรอ
ช่องสินค้าใหม่เหมือนกล่องสุ่มลูกอมตามร้านขายของชำ ห่อต่างสีแทนต่างรส เมล็ดพันธุ์ต่างสีก็คงมีวิธีใช้ต่างกัน
เขาหยอดเหรียญคำขอบคุณลงไป มองเมล็ดพันธุ์สีแดงก่ำขนาดเท่านิ้วโป้งซึ่งหล่นลงมาในช่องหยิบ เริ่นเสี่ยวซู่หยิบมันขึ้นมา แต่พระราชวังไม่บอกว่ามันไว้ทำอะไร
“ต้องเอาไปปลูกก่อนถึงจะรู้ว่ามันออกมาเป็นอะไรหรือเปล่านะ” เริ่นเสี่ยวซู่สงสัย แต่ที่สำคัญคืออย่างน้อยพระราชวังควรบอกหน่อยไหมว่าต้องปลูกในสภาพแวดล้อมแบบไหนน่ะ
เป็นสินค้าของพระราชวัง มันต้องมีคุณสมบัติมหัศจรรย์แน่ แต่เขาต้องทดสอบด้วยตัวเอง
อย่างเช่นที่เริ่นเสี่ยวซู่พบวิธีใช้งานไพ่ระเบิดด้วยตัวเอง ถ้าไม่ใช่ว่าเขาพบวิธีใช้งานได้ล่ะก็ ป่านนี้มันคงยังเป็นสำรับเล่นไพ่ธรรมดาๆ อยู่เลย
เขาควรทำอย่างไรดีนะ เอาไปฝังดินอย่างนั้นเหรอ ถ้าเมล็ดพันธุ์มันงอกแตกหน่อขึ้นมาเลยทันทีล่ะ อากาศฤดูหนาวแบบนี้ ถ้าพืชที่ปลูกมีผลอะไรบางอย่างงอกขึ้นมาทันทีคงเยี่ยมไปเลย
เริ่นเสี่ยวซู่หวังสูงกับรางวัลภารกิจรองที่พระราชวังให้มาตลอด เพราะมันล้วนเป็นของเหนือธรรมชาติ!
เริ่นเสี่ยวซู่กล่าวกับเฉินอู๋ตี๋ “เฝ้าเต็นท์ให้หน่อย พอพวกเขากลับมาแล้ว ฝากบอกว่าฉันเห็นหมูป่าตัวเล็กตัวหนึ่ง กะจะไปจับมันมาเป็นอาหารเย็นพวกเรา ถ้าฉันมาช้าก็หาข้ออ้างให้ฉันไปก่อน”
“ขอรับ” เฉินอู๋ตี๋พยักหน้า
เริ่นเสี่ยวซู่ออกไปกลางหิมะคนเดียว ใจรู้สึกว่าตนเองจะรีบร้อนไปหรือเปล่านะที่ให้เฉินอู๋ตี๋หาข้ออ้างสำหรับการหายตัวไปของเขา
เขามุ่งเหนือขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งใจหาจุดทดลองปลูกเมล็ดพันธุ์ จะได้ดูว่ามันวิเศษแค่ไหน
เขาเดินไปทางเหนือจนเจอจุดใต้ลมระดับหนึ่ง จากนั้นก็ขุดหิมะกับดินออก แล้วฝังเมล็ดพันธุ์สีแดงก่ำลงไป
ขณะที่เริ่นเสี่ยวซู่กำลังรออย่างใจเย็นนั้น เขาก็เห็นว่าเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งปลูกแตกหน่อขึ้นมา จากนั้นก็แตกแขนงออก เถาวัลย์หนามแผ่ออกไปหลายเมตรบนพื้นหิมะถึงจะหยุดโต
ถ้าเริ่นเสี่ยวซู่กวาดหิมะบนพื้นรอบๆ ออก เขาคงเห็นเป็นเถาหนามสีแดงแตกแขนงออกเป็นรูปใยแมงมุมดักรอเหยื่อ
ตอนนี้ตัวเถาหนามเชื่อมต่อกับจิตสำนึกของเริ่นเสี่ยวซู่เหมือนกับไพ่ระเบิด เริ่นเสี่ยวซู่ตะลึงที่พบว่าเจ้าพืชนี้ดุร้ายมาก ถ้าไม่ใช่ว่าเขาคอยควบคุมอยู่ มันคงโจมตีทุกสิ่งมีชีวิตที่เข้าใกล้แล้ว!
นี่มันอะไรกันเนี่ย เริ่นเสี่ยวซู่นึกว่าจะเป็นพืชผลกินได้เสียอีก กลับกลายเป็นพืชที่โจมตีได้เฉยเลย
ไม่สิ แทนที่จะเรียกว่าพืชประเภทโจมตี เรียกพืชประเภทป้องกันน่าจะดีกว่า
ถ้าต่อไปเริ่นเสี่ยวซู่และคนอื่นๆ ต้องไปอาศัยอยู่ในป่าเขาล่ะก็ ปลูกเจ้านี่ไว้รอบๆ ก็ไม่ต้องกลัวสัตว์ป่าอื่นๆ แล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่มองไปที่เมล็ดพันธุ์สีอื่นๆ ในพระราชวัง ใจสงสัยว่าพวกมันมีความสามารถอะไรกันบ้าง ต้องมีสักอันที่กินได้สิ
คิดแล้วก็หยอดเหรียญคำขอบคุณอีกห้าเหรียญลงไปในตู้เพื่อเอาเมล็ดพันธุ์อีกห้าเมล็ด จากนั้นก็ลองปลูกบนพื้นโดยเว้นระยะห่างกัน
เฉินอู๋ตี๋กำลังนั่งรออยู่ในเต็นท์ หลี่ชิงเจิ้งถาม “อู๋ตี๋ อาจารย์นายหายไปไหนล่ะ”
เฉินอู๋ตี๋คิดพักหนึ่ง “อาจารย์ออกไปจับหมูป่ามาเป็นอาหารเย็นพวกเรา”
หลี่ชิงเจิ้งถาม “งั้นทำไมเขายังไม่กลับมาอีกล่ะ”
เฉินอู๋ตี๋คิด “หมูป่าคงไม่ยอมให้จับ”
[1] อิกลู (Igloo) ที่พักอาศัยทำจากน้ำแข็งตัดเป็นก้อนวางซ้อนกัน มีลักษณะเป็นโดมของชาวเอสกิโม