the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 252 ถังโจวเพื่อนยาก!
สมาคมตระกูลชิ่งเคลื่อนตัวเป็นรูปขบวนยุทธวิธี แต่เริ่นเสี่ยวซู่ยังรอคอยอยู่หลังต้นไม้ใหญ่โดยไม่โผล่หน้า
ถึงค่ายของเขาจะอยู่ข้างหลังราวๆ ห้าร้อยเมตร เริ่นเสี่ยวซู่ก็ไม่อยากกลับไปขอเรียกกำลังเสริม เพราะอย่างไรคนที่เสริมเขาได้ก็มีแต่เฉินอู๋ตี๋
นักเรียนของเฉินอู๋ตี๋ต้องอยากช่วยเขาอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือพวกเขาแปดคนเป็นปัญญาชนไม่รู้วิธีจับปืน
ส่วนทหารกองกำลังส่วนตัว เขาจะไปพึ่งพวกไม่ได้เรื่องพวกนั้นได้ด้วยเหรอ
ที่เริ่นเสี่ยวซู่กำลังรออยู่ คือรอให้พวกทหารสมาคมตระกูลชิ่งเข้ามาใกล้อีกนิด!
ทหารสมาคมตระกูลชิ่งเข้ามาในเขตโจมตีของเถาหนามแล้ว ทว่าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้รีบร้อนสั่งให้เถาวัลย์โจมตีเลย เขากลับรอให้ทหารทั้งหน่วยเข้ามาในเขตก่อน
นอกจากจุดที่เริ่นเสี่ยวซู่ขุดดินหิมะเพื่อฝังเมล็ดแล้ว เถาอื่นๆ ล้วนถูกหิมะกลบอยู่
พอทหารของสมาคมตระกูลชิ่งเหยียบเข้ามาในเขตโจมตี ก็มีคนพบสิ่งผิดปกติ “หยุดก่อน ฉันรู้สึกเหมือนว่าพวกเรากำลังเหยียนบนอะไรบางอย่างอยู่”
มีคนย่อตัวลงเกลี่ยหิมะ เผยให้เห็นเถาหนามอยู่ใต้นั้น “เถาหนามสีแดงก่ำดูประหลาดชอบกล ฉันยังไม่เคยเห็นต้นไม้แบบนี้มาก่อนเลย”
“นับวันยิ่งมีพืชประหลาดๆ แบบนี้โผล่มาอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหรอก อย่าบอกนะว่ามันถึงกับโจมตีใส่คนได้น่ะ” ทหารนายหนึ่งว่า ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ
แต่หัวหน้าหน่วยขมวดคิ้วมุ่น “มีเรื่องไม่ชอบมาพากล อย่าเพิ่งเคลื่อนตัวต่อ พวกเราถอย!”
เริ่นเสี่ยวซู่ที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ไปไม่กี่เมตรตะลึงลาน ไม่คิดเลยว่าทหารสมาคมตระกูลชิ่งจะระวังตัวขนาดนี้ ระวังตัวเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ก็แค่พืชที่เจอในแดนรกร้างไม่ใช่เหรอ จะกลัวอะไรกัน!
เริ่นเสี่ยวซู่เสียดายอยู่หน่อยๆ ศัตรูอุตส่าห์ส่งตัวเองมาถึงที่ เขากลับปลิดชีพไม่ได้เลยสักคน
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่รู้เลยว่าคนพวกนี้คือทหารชั้นยอดที่ชิ่งอวิ่นส่งมาสกัดกองพันเทพยนต์ พวกเขามีชื่อเสียงมากในสมาคมตระกูลชิ่ง ทั้งพวกเขาเป็นแค่พลลาดตระเวนเท่านั้น กองกำลังหลักกำลังจัดทัพอยู่
กองกำลังที่มั่นใจว่าจะสร้างความเสียหายอย่างหนักให้ทหารนาโนแมชชีนแห่งกองพันเทพยนต์ได้ จะมาตกหลุมพรางง่ายๆ ได้อย่างไร
ถ้าไม่ใช่ว่าเขาใช้กระสุนมันฝรั่งหมดไปแล้ว คงได้ทดสอบความสามารถของมัน
หัวหน้าหน่วยพลันเอ่ย “สหาย สหายเป็นส่วนหนึ่งของทัพสมาคมตระกูลหลี่หรือเปล่า”
พอเริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินเสียงนั้น ก็นิ่งไป “ถังโจว?”
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นนิ่งไปเช่นกัน “เริ่นเสี่ยวซู่?!”
ไม่ได้สนทนากันก็ช่างเถอะ ตอนนี้ศัตรูพูดออกมาแล้ว กลับกลายเป็นคนรู้จักเสียเฉยเลย
ก่อนหน้านี้ ตอนที่ถังโจวใช้รถออฟโรดพาชิ่งเจิ่นและหลัวหลานกลับป้อมปราการ 111 ทันทีที่ไปถึงที่นั้น ชิ่งเจิ่นและหลัวหลานก็ถูกทางสภาบริหารจับกุมคุมขังไว้ที่บ้าน ขณะเดียวกันถังโจวก็ถูกส่งมาอยู่ทัพหน้า ซึ่งเขาต้องรายงานโดยตรงกับฐานปฏิบัติการหน้าที่เขาต้าผิง
หลังจากถูกส่งมาอยู่ภายใต้กองทัพของชิ่งอวิ่นแล้ว ทางชิ่งอวิ่นเองก็รู้ดีว่าเขายังภักดีกับหลัวหลานอยู่ จึงลดขั้นจากยศร้อยเอกมาเป็นหัวหน้าหน่วยเล็กๆ ทั้งยังส่งเขามาเป็นพลลาดตระเวนในกองกำลังชั้นยอดนี้ด้วย
ทหารส่วนใหญ่ในกองกำลังนี้เคยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของชิ่งเจิ่นมาก่อน ชิ่งอวิ่นจึงส่งพวกเขามาโดยใช้คำว่า ‘สกัด’ กองพันเทพยนต์ ประเด็นคือหลังจากสกัดกองพันเทพยนต์เสร็จ พวกเขาจะล่าถอยอย่างไรล่ะ
ที่สำคัญคือสมาคมตระกูลหลี่มีกองทัพประจำการณ์อยู่แนวหน้าที่เขาเฟิ่งอี๋ เขาชวงหลง และเขาเทียนโถว ถ้ากองพันเทพยนต์ต้องสู้รบขึ้นมา ทั่วทั้งสมาคมตระกูลหลี่คงโถมโจมตีมาด้วยแน่
ท้ายที่สุดพวกเขาคงได้กลายเป็นวีรบุรุษในตำราประวัติศาสตร์ของสมาคมตระกูลชิ่ง ไม่มีทางมีชีวิตเดินออกนอกเทือกเขานี้ได้เด็ดขาด!
ก็อย่างว่าหลังจากชิ่งเจิ่นยึดอำนาจจากชิ่งอวิ่นได้แล้ว เขาส่งทหารคนสนิทของชิ่งอวิ่นออกไปเจรจากับสมาคมตระกูลหลี่ทันที ที่พวกเขาทำโดยพื้นฐานแล้วเป็นสิ่งเดียวกัน คือการกำจัดผู้ไม่เห็นด้วยกับตน
จะพูดว่าสิ่งนี้มันโหดร้ายคงไม่ได้ เพราะตัวสงครามมันโหดร้ายมากอยู่แล้ว หากผู้นำทหารไม่สามารถควบคุมกองทัพได้ คงไม่มีทางชนะสงครามได้เลย
ตอนนี้ถังโจวยังไม่ทราบว่าชิ่งเจิ่นยึดอำนาจสั่งการทหารแล้ว ตอนที่พวกเขาถูกส่งตัวออกมา ชิ่งอวิ่นไม่ได้ให้โทรศัพท์ดาวเทียมหรือชุดวิทยุสื่อสารสำหรับติดต่อกองบัญชาการด้วยซ้ำ นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมรองผู้บัญชาการถึงพูดว่า ‘ไม่ทันแล้ว’ ตอนชิ่งเจิ่นสั่งให้เรียกทหารหน่วยนี้กลับไป
ตอนเริ่นเสี่ยวซู่กับถังโจวยังอยู่ป้อมปราการ 109 พวกเขามีความสัมพันธ์ไม่เลว ทั้งถังโจวยังช่วยพวกเริ่นเสี่ยวซู่ไว้มากด้วย ในเมื่อถังโจวอยู่ที่นี่แล้ว ก็ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับพูดคุยคลี่คลายสถานการณ์กัน
ก่อนหน้านี้เริ่นเสี่ยวซู่ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมทหารหน่วยนี้มันถึงรับมือยากนัก แค่เถาหนามบนพื้นไม่กี่ต้นก็ทำให้พวกเขาระแวงแล้วเสียได้ ตอนนี้พอได้รู้ว่าพวกเขาเป็นทหารของหลัวหลานและชิ่งเจิ่น ก็พลันเกิดอาการ ‘รู้แจ้ง’ ขึ้นมา
ในความคิดของเขา ทหารชั้นยอดภายใต้ชิ่งเจิ่นและหลัวหลานมีแต่ผู้กล้าหาญ
เริ่นเสี่ยวซู่ตะโกน “มาหาฉันคนเดียวพอ มาคุยกันหน่อย!”
เขาไม่อยากเป็นคนไปหา อย่างไรถังโจวก็มีพรรคพวกอยู่อีก ถ้าเกิดจู่ๆ พวกเขาอยากยิงตนอย่างไม่สนสี่สนแปดขึ้นมาล่ะ
ถังโจวได้ยินแบบนั้นก็เตรียมจะก้าวบนเถาหนามไปหาเริ่นเสี่ยวซู่ แต่คนข้างเขากระซิบเสียงดังว่า “หัวหน้าหน่วยไปไม่ได้นะ! ถ้านี่เป็นหลุมพรางล่ะ”
ถังโจวส่ายหน้า “ไม่เป็นไร พวกเราเป็นเพื่อนเก่ากัน”
“เพื่อนเก่าก็เปลี่ยนได้” มีคนเตือนอย่างเป็นกังวล “อย่าเชื่อเขาง่ายๆ สิครับ”
ถังโจวยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ฉันเชื่อใจเขา ฉันเคยเล่าเรื่องให้พวกนายฟังแล้วนี่ ที่มีคนช่วยฉันกับเถ้าแก่หลัวไว้ตอนหนีออกจากป้อมปราการ 113 ที่พังทลายลงน่ะ เขากับเถ้าแก่หลัวเองก็เป็นเพื่อนสนิทกัน…เอ่อ ไม่รู้นับว่าสนิทได้ไหมนะ”
เรื่องนี้พลิกผันไปมาจนทุกคนนิ่งไป และเกิดอารมณ์ความรู้สึกรับไม่ได้อยู่บ้าง อีกฝ่ายคือผู้มีพระคุณของถังโจว? แต่ปัญหาคือว่า ทำไมเขาถึงโผล่มาที่นี่ได้ล่ะ จู่ๆ มานั่งยองๆ บนพื้นหิมะกลางค่ำกลางคืนทำไม มาเล่นหิมะ?
ถังโจวคอยหลบไม่ให้เหยียบพวกเถาหนาม และเดินไปยังต้นไม้ใหญ่ที่เริ่นเสี่ยวซู่หลบซ่อนตัวอยู่ เริ่นเสี่ยวซู่เกิดอารมณ์ตื้นตันเล็กน้อย รู้สึกดีไม่เลวเลยที่มีผู้อื่นเชื่อใจตนเอง
ถังโจวกล้ามาหาเขาแบบตัวคนเดียวโดดๆ ด้วย!
“ไม่เจอกันนานนะ มาทำอะไรที่นี่ล่ะ” พอถังโจวมาถึงต้นไม้ และเจอเริ่นเสี่ยวซู่แล้ว เขาก็หัวเราะ “ที่ใส่อยู่เครื่องแบบกองพันเทพยนต์เหรอ”
เริ่นเสี่ยวซู่มองเขา “นั่งคุยกันก่อน”
ถังโจวและเริ่นเสี่ยวซู่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหิมะ ถังโจววางปืนไรเฟิลไว้ด้านข้าง แล้วว่า “หมายความว่านายเข้าร่วมกับสมาคมตระกูลหลี่แล้วเหรอ”
“เข้าร่วมผายลมสิ!” เริ่นเสี่ยวซู่พูด “ฉันหนีมาพร้อมพวกผู้ลี้ภัยจากป้อม 109 แล้วสุดท้ายโดนเกณฑ์มาเป็นทหารเนี่ย”
“ฮ่าๆๆ” ถังโจวหัวเราะ “แต่นายยังไม่แย่เท่าฉันหรอก ฉันถูกส่งมาตายที่นี่”
“ถูกส่งมาตาย?” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “หมายความว่าไง”
“ตอนนี้มีคนชื่อชิ่งอวิ่นทำหน้าที่บังคับบัญชากองทัพอยู่ ท่านชิ่งเจิ่นกับเถ้าแก่หลัวถูกคุมขังที่บ้านในป้อมปราการ 111 ตอนนี้ยังไปไหนไม่ได้ หลังจากถูกย้ายเข้ากองกำลังของชิ่งอวิ่น ฉันก็ถูกลดขั้นทันทีเลย เขาส่งอดีตคนของท่านชิ่งเจิ่นมาอยู่กองทหารนี้ และส่งพวกเรามาสกัดกองพันเทพยนต์”
เริ่นเสี่ยวซู่สีหน้าเปลี่ยนตอบกลับไป “งั้นพวกนายมาผิดทางแล้วล่ะ ฉันไม่ได้มาจากกองพันเทพยนต์ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของทหารกองกำลังส่วนตัวเฉยๆ…”