the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 258 สไนเปอร์ลึกลับ
เริ่นเสี่ยวซู่ทบทวนข้อมูลที่ถังโจวบอกมา เขาพูดว่าสมาคมตระกูลชิ่งปราบกองพันเทพยนต์เมื่อสองวันก่อน แต่เขาไม่ได้พูดถึงจำนวนว่าปราบไปเท่าไร
แต่ในเมื่อพวกเขาร่วมมือกันดี ชิ่งเจิ่นกับถังโจวคงไม่ขุดหลุมพรางเขา และแม้ชิ่งเจิ่นจะเย่อหยิ่งมากแต่ก็เป็นคนน่าเชื่อถือและรักษาคำพูดตลอด มันต้องมีเรื่องผิดปกติในช่วงที่ผ่านมาแน่
เริ่นเสี่ยวซู่จับตามองทหารนาโนแมชชีนสองนายที่เดินมาทางเขา พร้อมทั้งแปลกใจอย่างมากที่เห็นสภาพย่ำแย่ของพวกเขานี่มันไม่ปกติเลย
พวกเขากลับมาในสุดเขตแดนสมาคมตระกูลหลี่ที่มีกลุ่มทหารประจำการณ์อยู่ทุกๆ สิบกว่ากิโลเมตรแล้ว ดังนั้นกองพันเทพยนต์ที่กลับมาถึงที่นี่ได้ไม่สมควรตกอยู่ในสภาพน่าอดสูแบบนี้สิ
หรือว่าระหว่างทางเจอศัตรูนะ
เดี๋ยวก่อน หรือว่าเป็นหลี่เสินถาน? เริ่นเสี่ยวซู่รู้มาว่าหลี่เสินถานทำให้ทั้งกองพลหนึ่งหายตัวไป ทั้งเขายังมีเรื่องขุ่นเคืองกับสมาคมตระกูลหลี่แต่เดิมด้วย เขาอาจจะพากองพลนั้นมาตลบหลังกองพันเทพยนต์ก็ได้
ทันทีที่ทหารของกองพันเทพยนต์ที่บาดเจ็บเข้ามาในเขตเถาหนาม เริ่นเสี่ยวซู่ก็สั่งให้เถาพันรัดพวกเขาทันที ทหารแห่งกองพันเทพยนต์ที่บาดเจ็บหนักแต่เดิมไม่อาจดิ้นรนต่อสู้อะไรได้เลย
พอเริ่นเสี่ยวซู่มั่นใจแล้วว่าแถวนี้ไม่มีใครอีก เขาก็กระโดดออกมาจากหิมะ นายทหารเทพยนต์ทั้งสองตะลึงที่เห็นคนโผล่ออกมาจากหิมะ เจ้าเถาหนามน่ากลัวนี่เหมือนจะมีคนคอยควบคุมอยู่!
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้ลงมือสังหารพวกเขาทันที แต่เข้าหาด้วยคิ้วขมวดมุ่นพร้อมถามว่า “กองพันเทพยนต์ที่เหลือหายไปไหนหมด”
นายทหารกองพันเทพยนต์นายหนึ่งกัดฟันกรอดทนความเจ็บ “แกเป็นใคร แกเป็นใครกันแน่ ทำไมใส่เครื่องแบบกองพันเทพยนต์!”
เริ่นเสี่ยวซู่เหลือบมองชุดที่ตนสวมอยู่ จากนั้นก็พูดอย่างหัวร้อน “พวกนายเป็นคนสั่งให้สลับไม่ใช่เหรอไง”
นายทหารเทพยนต์ทั้งสองตะลึงลานไป กำลังพูดอะไรอยู่น่ะ เดี๋ยวนะ พวกเขาฉับพลันจำได้แล้ว ชายหนุ่มตรงหน้าพวกตนคือทหารจากกองกำลังส่วนตัวอย่างนั้นเหรอ! แต่ทำไมถึงมีผู้ควบคุมพืชน่าพรั่นพรึงพวกนี้ซ่อนตัวอยู่ในกองกำลังส่วนตัวได้ล่ะ ต้องเป็นสายลับแน่ๆ ชายหนุ่มผู้นี้เป็นสายลับแน่นอน!
สองนายทหารเทพยนต์พลันตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง คนผู้หนึ่งคำรามลั่น “สมาคมตระกูลชิ่งซุ่มโจมตีเราได้เพราะแกเป็นคนเผยที่อยู่เรา!”
“อะแฮ่ม พูดถึงอะไรอยู่น่ะ ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “ฉันขอถามอีกรอบ ทหารเทพยนต์ที่เหลืออยู่ไหนกันหมด ถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายโจมตีหรือยังไง ถ้าไม่มีใครตอบ ฉันจะถามทีหลังแล้วกัน”
“พวกเขาอยู่หลังจากเราประมาณยี่สิบกิโล ถ้าใจกล้าก็ไปดูเองแล้วกัน” ทหารเทพยนต์นายหนึ่งพูดอย่างดุร้าย
เริ่นเสี่ยวซู่รับคำ ก่อนจะสั่งให้เถาหนามลงมือปลิดชีพพวกเขาอย่างเด็ดเดี่ยว เขาสงสัยมากว่าทำไมถึงมีแค่เจ้าสองคนนี้ เขาคงต้องมุ่งขึ้นเหนือไปถึงจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เขาเก็บนาโนแมชชีนมาจากร่างของทหารทั้งสองนาย รูดทรัพย์ในกระเป๋า และเก็บปืนไรเฟิลเข้าช่องเก็บของ
หลังจากอาหารส่วนใหญ่ถูกกินไปตอนอยู่ที่ป้อมสังเกตการณ์ ช่องเก็บของตอนนี้ของเขาโล่งขึ้นมาก
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ยังไม่รีบร้อนจากไป เขาขุดหิมะพักใหญ่ ก่อนจะเจอไพ่ที่ตัวเองซ่อนเอาไว้
เขานึกว่าจะมีทหารกองพันเทพยนต์จำนวนมากใช้งานถนนเส้นนี้เสียอีก จึงหวังใช้ไพ่ระเบิดช่วยด้วย แต่กลับกลายเป็นว่า เขาทุ่มเทไปเสียเปล่า แถมยังเสียเหรียญคำขอบคุณไปไม่น้อยกับการวางเมล็ดพันธุ์เถาหนามหลายสิบเมล็ดในบริเวณนี้
ถึงเขาจะกู้ไพ่ระเบิดกลับมาได้ แต่เมล็ดพันธุ์เถาหนามที่ปลูกไปแล้วนั้นถอนไม่ได้แล้ว
หลังจากเริ่นเสี่ยวซู่เก็บไพ่ระเบิดมาเรียบร้อยร้อยก็มุ่งขึ้นเหนือต่อ ตอนนี้เขายังอยู่ในอาณาเขตของเขาเทียนโถว และหากขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าไปในอาณาเขตของเขาเฟิ่งอี๋ เดินฝ่าหิมะไม่ได้ลำบากกับเขาเท่าไหร่นัก แต่เขาต้องระวังไม่ให้ตนเองถูกเปิดเผยตัว
ตอนเริ่นเสี่ยวซู่ออกเดินทางก็เป็นช่วงเช้าแล้ว กว่าจะถึงเขาเฟิ่งอี๋ก็ตกบ่าย แต่พอมาถึงยอดเนินเขาแห่งหนึ่ง เริ่นเสี่ยวซู่ก็ตะลึงพรึงเพริด เขาเห็นร่างของนายทหารกองพันเทพยนต์ผู้หนึ่งตรงหน้า หิมะรอบๆ ศพเปื้อนเลือดจนกลายเป็นสีชมพู แต่เลือดดูไม่ได้ไหลออกจากร่างเขา ทว่าดูเหมือนระเบิดออกจากร่างมากกว่า!
ในที่สุดเริ่นเสี่ยวซู่ก็เข้าใจแล้วว่ามันเกิดเรื่องแปลกอะไรขึ้น ขณะที่กองพันเทพยนต์กำลังถอยหนี พวกเขาก็ปะทะกับสไนเปอร์เข้า ทุกคนในกองพันเทพยนต์ยกเว้นทหารสองนายที่เขาเห็นก่อนหน้าล้วนตายจนหมดสิ้น
ก่อนพวกเขาตาย นายทหารเทพยนต์ทั้งสองคิดหลอกเริ่นเสี่ยวซู่ที่พวกรู้แล้วว่าเป็นสายลับให้มุ่งมาทางสนามรบซึ่งมีสไนเปอร์รอซุ่มยิงอยู่ ในเมื่อเริ่นเสี่ยวซู่ใส่เครื่องแบบกองพันเทพยนต์อยู่ มาที่นี่ต้องกลายเป็นเป้าหมายของสไนเปอร์ด้วยแน่
นายทหารเทพยนต์พวกนี้เจ้าคิดเจ้าแค้นไม่น้อย สิ่งที่ทำก่อนตายไม่ใช่ร้องขอความเมตตา แต่เป็นการล่อให้เริ่นเสี่ยวซู่มาติดกับดัก
แต่ดูทรงสไนเปอร์ผู้นั้นคงจากไปแล้ว ระหว่างที่เริ่นเสี่ยวซู่โผล่หน้ามาอนุมานว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นั้นเพียงพอให้สไนเปอร์มือฉมังฆ่าเขาได้แล้ว แต่เวลาล่วงผ่านก็ยังไม่มีกระสุนแล่นมา
คงผ่านมาพักใหญ่แล้ว ในเมื่อเขาปฏิบัติภารกิจกวาดล้างกองพันเทพยนต์เรียบร้อยจึงไม่มีเหตุผลอะไรให้สไนเปอร์อยู่ต่อ
แต่ทำไมที่นี่ถึงมีสไนเปอร์โผล่มาอย่างลึกลับได้กัน เป็นสไนเปอร์ของสมาคมตระกูลชิ่ง? ไม่หรอก ไม่น่าเป็นเช่นนั้น ทหารของสมาคมตระกูลชิ่งเดียวที่อยู่หลังศัตรูคือพวกถังโจว ซึ่งตัวถังโจวเป็นคนยืนยันเอง
เช่นนั้นเป็นใครล่ะ…สมาคมตระกูลหยาง!
เริ่นเสี่ยวซู่ลองค้นๆ ตามพื้นหิมะอยู่พักหนึ่ง แต่พอเจอกระสุนสไนเปอร์แล้วก็ต้องผิดหวังเล็กน้อย มันไม่ใช่กระสุนสีเทาเงินที่ผู้ก่อจลาจลใช้ กระสุนนี้ไม่ได้มีลวดลายพิเศษอะไรสลักอยู่แบบฉบับผู้ก่อจลาจลใช้ด้วย
แต่แน่ล่ะ นี่เป็นเรื่องที่คาดไว้อยู่แล้ว ที่แนวหน้าต้องมีทหารและสไนเปอร์มากมายจากสมาคมตระกูลหยางแน่ ส่วนหยางเสียวจิ่นที่เป็นคนในตระกูลของสมาคมคงได้แต่กลับสมาคมไปพักฟื้น จะโผล่ออกมาบนสนามรบเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร
หยางเสียวจิ่นน่าจะยังอยู่ที่ป้อมปราการ 88
เริ่นเสี่ยวซู่มองไปรอบๆ หาร่องรอยของนายทหารเทพยนต์ เจอหนึ่งก็เก็บนาโนแมชชีนได้อีกหน่อย
รอบนี้เขาได้ผลเก็บเกี่ยวมามหาศาล ดูแล้วอีกไม่นานเกราะเขาจะครบสมบูรณ์
แต่ก่อนที่เขาจะหาศพของนายทหารเทพยนต์ทุกคนครบ เขาก็ได้ยินเครื่องยนต์ดังมาจากทางภูเขาตรงทิศใต้ ถ้ากำลังมุ่งขึ้นเหนือคงเป็นคนของสมาคมตระกูลหลี่แน่ พวกเขาคงเห็นเถาหนามกับซากร่างของนายทหารเทพยนต์ทั้งสองแล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่เลิกโลภและวิ่งไปทางภูเขาหิมะทันที ในอนาคตเขายังมีโอกาสให้เก็บเกี่ยวนาโนแมชชีนอีกมาก แต่ถ้าถูกเปิดโปงตอนนี้ขึ้นมา คงเป็นปัญหาใหญ่แล้ว
หนึ่งในข้อที่แข็งแกร่งที่สุดของเริ่นเสี่ยวซู่คือการที่เขาสามารถรักษาสติสัมปชัญญะได้แม้ในยามต้องเผชิญสิ่งล่อตาล้อใจชิ้นใหญ่ อย่างเช่นตอนที่เขายอมทิ้งทองไปตอนที่อยู่เขาจิ้งซาน
การซุ่มโจมตีกองพันเทพยนต์ราบรื่นกว่าที่เริ่นเสี่ยวซู่คาดไว้ เขาไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำเพราะมีมือสไนเปอร์ลึกลับช่วยเขาฆ่าศัตรูไปเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์แล้ว
แต่การปรากฏตัวกะทันหันของสไนเปอร์ลึกลับนี้ก็ทำให้สถานการณ์มันประหลาดไปกว่าเดิม