the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 260 ได้รับอีกหนึ่งตัวตน
หลังจากถึงจุดวางกับดัก คนของกองสืบสวนพิเศษก็หน้านิ่วคิ้วขมวด พวกเขาเห็นร่างของนายทหารเทพยนต์ถูกเถาหนามเกี่ยวรัดจนตาย “หลังไล่ตามกระต่ายมาก็โดนพืชแปลกๆ โจมตีที่นี่งั้นเหรอ”
พวกเขาอยากเข้าไปตรวจร่องรอยบาดแผลเพื่อดูว่าสาเหตุการตายผิดปกติอะไรหรือไม่ อย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเรื่องพืชที่โจมตีคนได้ ตอนแรกพวกเขายังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย
แต่พอเห็นต้นเถาหนามนี่แล้ว พวกเขาก็เชื่อในพลันเพราะเจ้าต้นไม้นี่มันดูน่ากลัวแถมดูดุร้ายอีก บวกกับพอพวกเขาเข้าใกล้หน่อยเริ่นเสี่ยวซู่ก็ควบคุมให้เถาหนามเคลื่อนไหวเป็นการข่มขู่ แลดูขนพองสยองเกล้า!
มีคนจากกองสืบสวนพิเศษพูด “ทุกคนตั้งค่ายที่นี่กันไปก่อน อย่าเพิ่งทำอะไรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
หลังจากสั่งการเสร็จพวกเขาก็จากไป ที่จริงพวกเขาก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้จะมารับมือแล้วเช่นกัน จะไปสอบปากคำทหารกองกำลังส่วนตัวนับพันคงไม่ไหว ทั้งเสียเวลาทั้งเสียกำลัง
ที่พวกเขามาที่นี่ก็เพราะต้องการรู้ตำแหน่งที่อยู่ของกองกำลังส่วนตัว สำหรับการสืบหาสายลับนั้นจะดำเนินการในภายหลัง ตอนนี้พวกเขาต้องรีบรายงานสถานการณ์กลับไปที่กองสืบสวนพิเศษก่อน
เริ่นเสี่ยวซู่มองพวกเขาจากไป ดูท่าสมาคมตระกูลหลี่คงทราบแล้วว่าในหมู่พวกตนมีสายลับแฝงอยู่ แต่พวกเขาไม่รู้จะสืบสวนอย่างไรดี
หลังจากคนของกองสืบสวนไปแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่ก็ออกไปหาถังโจวตอนกลางคืนตามที่นัดไว้ พอเริ่นเสี่ยวถึงที่นัดหมาย ก็โพล่งถาม “สมาคมตระกูลชิ่งส่งสไนเปอร์มาที่นี่หรือเปล่า”
ถังโจวผงะ “ไม่มีนะ พวกเราไม่มีพลสไนเปอร์ในกองเหมือนกัน”
“มีเรื่องแปลกๆ” เริ่นเสี่ยวซู่สงสัย “ตอนออกไปหาพวกกองพันเทพยนต์ที่เหลือ ฉันเจอว่ามีทหารหลายสิบนายถูกสไนเปอร์คนเดียวกันฆ่า”
“พูดเกินจริงไปหรือเปล่า ไม่มีสไนเปอร์มากขนาดนั้นหรอกนะที่ทำแบบนั้นได้น่ะ” ถังโจววิเคราะห์ “หยางเสียวจิ่นเพื่อนของนายสามารถทำแบบนี้ได้ เป็นฝีมือเธอหรือเปล่า”
“อะแฮ่ม” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า “ไม่น่าใช่เธอ กระสุนไม่มีสัญลักษณ์ของผู้ก่อจลาจล ในสมาคมตระกูลหยางมีสไนเปอร์มือฉมังคนอื่นๆ อีกหรือเปล่า”
“ไม่มี” ถังโจวส่ายหัว แต่เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “อืม…ไม่สิ สิบกว่าปีก่อน มีคนที่มีทักษะแบบนั้นอยู่ หยางเสียวจิ่นก็น่าจะเรียนวิชายิงปืนมาจากเขาเหมือนกัน แต่ฉันคิดว่าเขาน่าจะอายุไม่น้อยแล้วนะ ดูจากความสัมพันธ์แล้ว น่าจะเป็นลุงของหยางเสียวจิ่นมั้ง แต่ร่างกายเขาคงเคลื่อนไหวทั่วสนามรบตามใจไม่ไหวแล้วหรอก อาจจะไม่ใช่เขาก็ได้”
“หรือว่ามีกองกำลังอื่นกระโดดร่วมสงครามนี้ด้วย?” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
“ไม่น่าใช่” ถังโจวคิดพักหนึ่ง ก่อนจะว่า “ไม่มีเหตุผลอะไรให้กองกำลังอื่นเข้าร่วมสงครามนี้ กำลังต่างแดนมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีแต่บริษัทหัวจ่งเท่านั้นแหละที่จะยอมฉวยโอกาสจากเหตุการณ์นี้เพื่อหาเลือดของผู้มีพลังพิเศษ”
“ไม่มีใครคิดจะทำอะไรกับพวกนั้นหน่อยเหรอไง” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
“แน่นอนว่าทำแน่ สามสมาคมแห่งภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้มีฉันทามติแล้วว่าถ้าเจอคนของบริษัทหัวจ่งเมื่อไรก็ฆ่าเมื่อนั้น แต่บริษัทหัวจ่งดำเนินกิจการในที่ลับ มีโอกาสก็จะโปรยใบปลิวให้คนธรรมดาทั่วไป” ถังโจวตอบ
“พวกเขาจับผู้มีพลังพิเศษได้บ้างหรือยังน่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่ถามด้วยความสงสัย
“มีบ้าง ผู้มีพลังพิเศษส่วนใหญ่ที่เพิ่งปลุกพลังปรับเปลี่ยนวิถีแนวคิดของตัวเองไม่ทัน ต่างอยากหาเงินกันทั้งนั้น และข้อเสนอของบริษัทหัวจ่งก็เป็นวิธีรวยเร็วที่สุดแล้ว” ถังโจวว่า “บริษัทหัวจ่งเล็งเป้าไปที่ผู้มีพลังพิเศษที่เพิ่งปลุกพลังและไม่มีประสบการณ์การสู้รบ”
“เข้าใจแล้ว” เริ่นเสี่ยวซู่ถอนหายใจ “ฉันว่าคงมีคนโง่แบบนั้นจริงๆ แหละ”
“แต่บริษัทหัวจ่งไม่กระโจนร่วมสงครามแน่นอน พวกเขาซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังกำแพงป้อมอย่างเดียว” ถังโจวเอ่ย
เริ่นเสี่ยวซู่เริ่มสังหรณ์ใจแล้วว่าสไนเปอร์ผู้นั้นน่าจะเป็นหยางเสียวจิ่น ทุกอย่างยกเว้นกระสุนชี้ไปที่ตัวเธอทั้งสิ้น
ถึงบนโลกนี้จะมีสไนเปอร์มากมาย แต่มีเพียงน้อยนิดที่สามารถฆ่านายทหารเทพยนต์เช่นนั้นได้
แต่หยางเสียวจิ่นมาทำอะไรแนวหลังศัตรู แค่มาทำลายกองพันเทพยนต์เท่านั้นเหรอ
ทันใดนั้นถังโจวก็เอ่ย “ท่านชิ่งเจิ่นโทรมาบอก เขาส่งคนของชิ่งอวิ่นมาเป็นทูตคุยเรื่องจับมือเป็นพันธมิตรกับสมาคมตระกูลหลี่ ถ้านายสนใจจะจัดการพวกเขาก็ตามสบาย”
เริ่นเสี่ยวซู่เงียบไปพักใหญ่ คือหลังจากสมาคมตระกูลชิ่งช่วยเขาจัดการกองพันเทพยนต์ ตอนนี้เป็นตาที่ตนต้องช่วยชิ่งเจิ่นกำจัดผู้ไม่เห็นด้วยกับเขาเป็นการทดแทนอย่างนั้นสินะ…
เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “ชิ่งอวิ่นตายไปแล้วนี่ ทำไมเขาถึงยังอยากฆ่าคนพวกนี้อีกล่ะ”
ถังโจวว่า “หลังจากกองพลเราถูกยุบ คนของเราก็ถูกส่งออกไปเข้ากองกำลังต่างๆ และโดนทหารของชิ่งอวิ่นรังแกเป็นว่าเล่น แถมวิธีการรังแกคนของเรายังเลวร้ายมาก ดังนั้นท่านชิ่งเจิ่นจึงไม่อยากให้คนพวกนี้กลับเข้าเขตของสมาคมตระกูลชิ่งอีก เช่นนั้นแล้วต่อให้นายไม่ฆ่าพวกเขา ท่านชิ่งเจิ่นก็ยังทำให้พวกเขาต้องตายอยู่ดี”
เริ่นเสี่ยวซู่พูด “งั้นปล่อยเขาจัดการไปโลด”
“พวกเรากำลังคิดว่าสมาคมตระกูลหลี่จะนับการฆ่าพวกเขาเป็นผลงานอยู่ไหม ยิ่งตำแหน่งในสมาคมนายสูงเท่าไร ก็ยิ่งเป็นประโยชน์กับเราเท่านั้น” ถังโจวยิ้ม
“พวกเขามีกันกี่คน” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
“สี่ร้อย” ถังโจวตอบ
“จะให้ฉันสู้พวกเขายังไงไม่ทราบ” เริ่นเสี่ยวซู่พูดไม่ออกเลย “เอาหัวโขกเหรอไง กองกำลังส่วนตัวฉันแทบไม่มีพลังรบ แถมฉันไม่ได้เป็นผู้บัญชาการพวกเขาด้วย”
จู่ๆ ถังโจวก็กระซิบ “ท่านชิ่งเจิ่นบอกว่าถ้านายยอมทำงานนี้ เขาจะช่วยให้นายกลายมาเป็นผู้บัญชาการของกองกำลังส่วนตัว การบริหารจัดการกองกำลังส่วนตัวนั้นสบายมาก การเลื่อนตำแหน่งภายในก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าด้วย”
เริ่นเสี่ยวซู่มีความรู้สึกว่าสนามรบกำลังจะเริ่มวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ แล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย…
ดูเหมือนว่าชิ่งเจิ่นจะมีสายลับเป็นบุคลากรระดับสูงในสมาคมตระกูลหลี่ แถมสามารถแต่งตั้งหรือถอดถอนนายทหารของกองกำลังส่วนตัวได้ด้วย!
แต่เรื่องนี้ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่ถังโจวเอ่ยมา ไม่ว่าการบริหารจัดการกองกำลังจะสบายแค่ไหน ก็คงไม่ง่ายขนาดใช้เงินซื้อตำแหน่งสูงขนาดนั้นได้หรอก สมาคมตระกูลชิ่งต้องมีบุคคลทรงอิทธิพลในสมาคมตระกูลหลี่อยู่แน่ถึงกล้ากล่าวอ้างเขื่องโขขนาดนั้น หรืออย่างน้อยที่สุดคนผู้นั้นก็ต้องสามารถเปลี่ยนฐานข้อมูลนายทหารของกองกำลังส่วนตัวได้
เริ่นเสี่ยวซู่สงสัย “ไม่กลัวว่าฉันจะเปิดโปงสายลับนายเหรอไง”
“ท่านชิ่งเจิ่นบอกว่าตอนนี้นายสำคัญกว่าสายลับผู้นั้น” ถังโจวว่า “แล้วก็ถ้านายเกิดเรื่อง พวกเราก็เตรียมให้เขาลอบหนีจากสมาคมตระกูลหลี่เพื่อกันปัญหาบานปลายไว้อยู่แล้ว”
“เอาเถอะ” เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างไม่เต็มใจ
ถังโจวว่า “แต่จะพาเขาออกก็ไม่ง่ายเลย ตอนนี้กองสืบสวนพิเศษกำลังสืบสวนหาสายลับอยู่ เขาอาจจะหนีไม่ง่ายนัก”
เริ่นเสี่ยวซู่ตอบกลับด้วยสีหน้าเปร่งๆ “งั้นให้ฉันจัดการให้ไหมล่ะ”
“อะไรนะ” ถังโจวชะงัก
“พูดไปอาจจะไม่เชื่อ” เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงนิ่ง “ฉันแค่บอกตัวตนทหารกองกำลังส่วนตัวให้นายรู้ แต่จริงๆ ฉันเป็นร้อยเอกของกองสืบสวนพิเศษน่ะ”
ถังโจวสับสนงงงวย ไม่ใช่ว่านายกำลังช่วยสมาคมตระกูลหยางเก็บตัวอย่างนาโนแมชชีนจากกองพันเทพยนต์อยู่เหรอ ไปๆ มาๆ ไหงกลายเป็นนายทหารกองสืบสวนพิเศษไปด้วยล่ะ หรือว่าสมาคมตระกูลหยางเจาะเข้ากองสืบสวนพิเศษได้แล้ว!
เริ่นเสี่ยวซู่ว่า “พูดรายละเอียดกับนายตอนนี้มากไม่ได้เท่าไร สภาพการณ์ตอนนี้มันซับซ้อนนิดหนึ่ง”
พูดตามตรง ขนาดเริ่นเสี่ยวซู่เองยังคิดว่าตนเองมีตัวตนมากเกินไปแล้ว แถมเขายังได้มาแบบประหลาดๆ ด้วย