the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 261 เริ่นเสี่ยวซู่เลื่อนขั้น
หลังจากกองสืบสวนพิเศษระบุตำแหน่งของกองกำลังส่วนตัวได้แล้ว พวกเขาก็กลับไปรายงาน ระหว่างทางกลับได้ยินคนอื่นๆ พูดว่าแนวหน้าเจอปัญหาบางประการ ทหารเทพยนต์ที่กำลังถอยทัพถูกสไนเปอร์สังหารที่แนวหน้าเขาเฟิ่งอี๋
ตอนเดินทางกลับ พวกเขาเห็นศพของนายทหารเทพยนต์ถูกขนกลับป้อมปราการ 108 แต่นี่แทบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเขา ภารกิจนั้นเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ระบุตำแหน่งที่อยู่ของกองกำลังส่วนตัวได้
ศูนย์บัญชาการถูกย้ายขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ เพราะถ้าเหล่านายพลอยู่แนวหลังกันหมดก็คงทำอะไรกันไม่ได้แล้ว
ตอนนี้ศูนย์บัญชาการตั้งอยู่ห่างเทียนโถวสามสิบกิโลเมตร อยู่ห่างจากจุดที่เริ่นเสี่ยวซู่และกองกำลังส่วนตัวประจำการอยู่แค่แปดสิบกิโลเมตร
ตอนพวกเขาไปหาหูชัวที่ศูนย์บัญชาการ ก็ยื่นบัญชีรายชื่อทหารกองกำลังส่วนตัวและรายงานสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา ทั้งยังตั้งข้อสงสัยเรื่องนายทหารเทพยนต์ทั้งห้าถูกต้นพืชฆ่าตายด้วย
หูชัวนั่งพลิกดูบัญชีรายชื่อทหารอยู่ในเต็นท์ หลังจากเปิดอ่านไปไม่กี่หน้า ก็เห็นชื่อคุ้นตาอยู่รายชื่อหนึ่ง เขาคิดอะไรหลายๆ อย่างออกในพลัน เขาไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายด้วยซ้ำเพราะชื่อนี้เป็นคำตอบในตัวมันเองดีอยู่แล้ว
หูชัวถอนหายใจ กลับกลายเป็นว่ากองพันเทพยนต์สลับเครื่องแบบกันรถกับกองกำลังส่วนตัวที่มีเจ้านั่นอยู่…ถ้าเป็นแบบนั้นก็ได้แต่โทษตัวเองที่ดวงซวยแล้วล่ะ ถ้าไปสลับรถกับกองกำลังส่วนตัวอื่น เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก
นายทหารกองสืบสวนพิเศษเห็นหูชัวก็ขมวดคิ้วก็ถาม “ทำไมเหรอครับ มีปัญหาอะไรกับบัญชีรายชื่อหรือเปล่า”
หูชัวได้สติ ยิ้มพูด “ไม่มีๆ พอดีกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่”
“อ้อ” นายทหารกองสืบสวนพิเศษถอนหายใจโล่งอก เขานึกว่าตัวเองทำอะไรตกหล่นไปเสียอีก “งั้นพวกเราควรสืบสวนทหารกองกำลังส่วนตัวพวกนี้อีกไหมครับ ผมรู้สึกว่าพวกเขามีอะไรไม่ชอบมาพากล”
หูชัวพูดเสียงเคร่ง “ทหารกองกำลังส่วนตัวพวกนี้ไม่ได้รับเบี้ยงเลี้ยงส่วนใหญ่ของตัวเองด้วยซ้ำ ไม่มีของไว้ติดต่อกับโลกภายนอกหรอก พวกเขาไม่น่ามีปัญหาอะไร คนที่รู้ความลับของกองพันเทพยนต์ก็มีไม่มาก ดังนั้นเราจะเริ่มสืบสวนจากเบื้องบนกันก่อน”
“ครับท่าน” นายทหารกองสืบสวนพิเศษตอบ “พวกเราจะเน้นไปที่การหาสายลับในหมู่บุคลากรระดับสูงกันก่อน”
“อืม” หูชัวพยักหน้า “แต่อย่าแตะต้องคนของตระกูลหลี่”
พูดคุยกันแบบนี้แล้ว พวกเขาย่อมต้องสืบสวนคนระดับบนและระดับหัวหน้าทั้งหมด ยกเว้นแต่คนตระกูลหลี่
คิดแล้วหูชัวก็หน้าหมองคล้ำ ไม่รู้เริ่นเสี่ยวซู่จะสร้างปัญหาอะไรอีก
ทันใดนั้นก็มีนายทหารกองสืบสวนพิเศษคนหนึ่งจากข้างนอกเดินมาหาหูชัว เขากระซิบรายงานว่า “ท่านครับ เราพบเรื่องผิดปกติ”
“ไปเจออะไรมา” หูชัวผงะ
“จู่ๆ นายทหารจากกองพลาธิการก็ช่วยคนเลื่อนตำแหน่ง ดูเหมือนว่าเขาพยายามเลื่อนตำแหน่งข้ามขั้นของกองกำลังส่วนตัวด้วย” นายทหารกองสืบสวนพิเศษว่า
หูชัวนิ่งไป “ชื่อของทหารที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งชื่ออะไร”
“เริ่นเสี่ยวซู่” นายทหารกองสืบสวนพิเศษถามต่อ “ให้พวกเราสืบสวนเรื่องนี้ไหมครับ”
หูชัวโบกมืออย่างหดหู่ใจ “ไม่ต้อง กองสืบสวนพิเศษเราต้องตามติดคดีใหญ่ของกองพันเทพยนต์ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องเล็กน้อย ในกองกำลังส่วนตัวมีปัญหาติดสินบนกับทุจริตเป็นว่าเล่น อย่าไปเสียกำลังกับเรื่องพวกนี้เลยดีกว่า”
นายทหารกองสืบสวนพิเศษโค้งศีรษะ “ครับ…”
หลังจากนายททารกองสืบสวนพิเศษไปกันหมดแล้ว หูชัวก็แทบอยากจะคว่ำโต๊ะทิ้ง เริ่นเสี่ยวซู่แม่*อาละวาดไปทั่ว ทำอะไรตามใจอยากเพราะคิดว่าหูชัวจะไม่ทำอะไรเขาสินะ!
…
กองทหารกำลังส่วนตัวที่เริ่นเสี่ยวซู่อยู่ยังประจำการณ์อยู่ ณ ตำแหน่งเดิม ต่อให้พวกเขาหลายคนใกล้จะหิวจนตายแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าออกไปข้างนอกเพราะกลัวต้องไปเจอเถาหนาม
ตกเย็น มีคนจากกรมกำลังพลมาที่ค่าย ระหว่างทางพวกเขากำลังบ่นออด “ต้องถ่อเข้ามาป่าเขาเพื่อแต่งตั้งตำแหน่งนายทหารคนหนึ่งเนี่ยนะ นายทหารของกองกำลังส่วนตัวนี้ไม่มีมโนธรรมบ้างเหรอไงถึงกล้าขายวิทยุสื่อสารแลกเงิน!”
พอมาถึง ทหารกองกำลังส่วนตัวก็ยกผ้าเต็นท์ขึ้นและมองดูพวกเขา “พวกคุณคือ”
“ฉันชื่อทังว่านอี้มาจากกรมกำลังพล ทุกคนมารวมตัว” ทังว่านอี้ว่า
ทหารกองกำลังส่วนตัวเข้าเรียงแถวกันหน้าทันว่านอี้ด้วยสีหน้าสับสนงุนงง
ทังว่านอี้พูด “ใครคือเริ่นเสี่ยวซู่”
เริ่นเสี่ยวซู่เดินออกจากแถวแล้วว่า “เริ่นเสี่ยวซู่รายงานตัวครับ”
“อืม” ทังว่านอี้มองเริ่นเสี่ยวซู่จากหางตา “ยินดีด้วย เพราะหลิวไท่อวี่ผู้บัญชาแห่งกองพันเหล็กที่สองยังบาดเจ็บและยังไม่ได้สติ พวกเราเลยแต่งตั้งเริ่นเสี่ยวซู่เป็นผู้บัญชาการรักษาการกองพันเหล็กที่สองให้นำทัพและปฏิบัติภารกิจเป็นกรณีพิเศษ
เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอ”
“ฉันจะโกหกทำไม มาเซ็นชื่อหนังสือสือแต่งตั้ง” ทังว่านอี้พูดเสียเยาะหยัน
เริ่นเสี่ยวซู่รีบไปเซ็นชื่อและเตรียมกลับค่าย แต่ทันว่านอี้รั้งเขาไว้ก่อน “ไม่คิดจะฉลองกับพวกเราหน่อยเหรอไง”
“ฉลอง?” เริ่นเสี่ยวซู่ตะลึงไปครู่หนึ่ง “จะให้ฉลองยังไงครับ ให้แยกขาให้ดูเหรอ”
ทังว่านอี้ตีหน้ามึน ฉันจะดูแกแยกขาไปทำไมวะ
ความจริงแล้วนี่เป็นธรรมเนียมของกองกำลังส่วนตัว นายทหารที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งต้องให้รางวัลคนของกรมกำลังพลเป็นเงินเล็กๆ น้อยๆ ในคราบของการฉลอง ทังว่านอี้รู้ว่ามีคนทุ่มเงินแสนกว่าหยวนเพื่อให้เริ่นเสี่ยวซู่เลื่อนตำแหน่ง ดูก็รู้แล้วว่าเริ่นเสี่ยวซู่เป็นแกะอ้วน[1]ขนาดไหน!
ไม่อย่างนั้นทังว่านอี้จะถ่อมาถึงนี่ทำไม เดินทางมาจนขาแทบหักแล้วเนี่ย!
ถ้านายทหารที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งทำตัวไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รู้จักเคารพรุ่นพี่แบบนี้ เขาก็ไม่ต้องหวังว่าในอนาคตจะได้เลื่อนตำแหน่งอีกเลย
ที่จริงเริ่นเสี่ยวซู่ก็รู้แหละ แต่เขาไม่คิดจะเสียสักเหมา[2]เดียวให้เจ้าคนตรงหน้านี่ ไม่รู้เขาจะมีโอกาสให้หนีตอนไหน ใครจะไปบ้าเสียเงินอะไรพวกนี้
ทังว่านอี้พูดเสียงเย็น “คิดให้ดีๆ”
เริ่นเสี่ยวซู่ตีหน้าซื่อ “พูดเรื่องอะไรน่ะ”
ถ้าไม่ใช่ว่ารอบๆ มีคนมาก เริ่นเสี่ยวซู่คงใช้ตัวตนคนของกองสืบสวนพิเศษจับทังว่านอี้ข้อหาเป็นสายลับแล้ว แต่คิดดูดีๆ เขาไม่สมควรสร้างปัญหาให้หูชัวตลอด เกิดหูชัวโมโหขึ้นมาจะทำอย่างไร
ทังว่านอี้กระฟัดกระเฟียดพาคนของตัวเองจากไป นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่กรมกำลังพลแห่งสมาคมตระกูลหลี่เจอคนสมองตันแบบนี้ เขาสั่งคนรอบกาย “หลังกลับไปแล้วก็เอาเริ่นเสี่ยวซู่ขึ้นบัญชีดำเลย ตลอดชีวิตนี้ไม่ต้องคิดเลื่อนตำแหน่งอะไรอีก หลังสงครามจบ ฉันอยากให้หลุดออกตำแหน่งด้วย!”
เริ่นเสี่ยวซู่หันไปถามเฉินอู๋ตี๋เสียงค่อย “อู๋ตี๋ พวกเขากระซิบกระซาบอะไรกัน”
เฉินอู๋ตี๋พูดเสียงต่ำ “อาจารย์ พวกเขาบอกว่าหลังสงครามจบจะให้ท่านหลุดออกตำแหน่ง”
เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะ ก็ดังคำว่า การกระทำดังกว่าคำพูด สมาคมตระกูลหลี่มั่นใจในตัวเองจนเริ่มเปิดสงคราม แต่บุคลากรภายในมีแต่พวกไม่เอาถ่าน พวกเขาสู้ชิ่งเจิ่นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
อีกอย่างทหารของสมาคมตระกูลหยางก็จับจ้องชายแดนราวพยัคฆ์จับจ้องเหยื่อ หลี่เสินถานกับหูชัวก็ก่อหวอดอยู่ภายใน ยากจะบอกแล้วว่าหลังสงครามจบสมาคมตระกูลหลี่จะมีจุดจบอย่างไร
แถมใช่ว่าเริ่นเสี่ยวซู่คิดจะอาศัยในสมาคมตระกูลหลี่แต่แรก เขาสนที่ไหนล่ะว่าสงครามจบแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ!
[1] แกะอ้วน (肥羊) อุปมาหมายถึงคนร่ำรวย
[2] 1 หยวน = 10 เหมาะ และ 1 เหมา = 10 เฟิน