the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 264 วีรบุรุษ
“อะไรนะ กองพันของทหารกองกำลังส่วนตัวล้างบางทหารหน่วยรบพิเศษของสมาคมตระกูลชิ่ง?!” นายพลที่ศูนย์บัญชาการอุทาน “ไม่ได้ล้อกันเล่นอยู่ใช่ไหม ข้อมูลนี้ยืนยันแล้วหรือยัง”
ทหารเสนาธิการที่อยู่ตรงหน้านายพลว่า “เป็นความจริงครับ เรื่องเพิ่งเกิดเมื่อวาน พวกเขาส่งทหารที่เฉินอู๋ตี๋มารายงานสถานการณ์ พวกเรารีบส่งคนไปยืนยัน ทหารที่พวกเขาฆ่าน่าจะมาจากหน่วยรบพิเศษของสมาคมตระกูลชิ่ง พวกเราแค่ไม่รู้ว่ากองทหารของสมาคมตระกูลชิ่งนี้เข้าชายแดนเรามาทำไมและเข้ามาได้ยังไง”
“ให้ศัตรูเจาะเข้ามาในพื้นที่ง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง ต้องให้พวกเขามาเยือนถึงหน้าประตูศูนย์บัญชาการเราเลยไหมถึงจะรู้ตัว!” นายพลคำราม
ทหารเสนาธิการสะอึกไป ก่อนจะพูด “พวกเราคาดว่าพวกเขาส่งคนที่มาบั่นเศียร[1] ครับถึงได้ตั้งใจเดินทางผ่านทางภูเขาแบบนั้น พวกเขาไม่ได้นำคนมาครบหน่วยด้วย คงเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวและกันการถูกพบเจอ”
“แล้วพวกเขาถูกล้างบางได้ยังไง” หลังสงบใจได้แล้ว นายพลก็ถามเสียงนิ่ง
“พวกเรามีคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรจากทหารกองกำลังส่วนตัว พวกเขาบอกว่ามาจากกองพันเหล็กที่สอง และที่ล้างบ้างศัตรูได้เพราะผู้บัญชาการกองพันฉลาดกล้าหาญ พวกเขาใช้ประโยชน์จากเครื่องแบบกองพันเทพยนต์ หลอกทหารสมาคมตระกูลชิ่งให้หลงเชื่อจนยอมปลดอาวุธ และฉวยโอกาสนั้นโจมตีทันที” ทหารเสนาธิการว่า
“ทำไมเรื่องราวมันแปลกๆ” นายพลสงสัย เขารู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน
“ผมก็ว่ามันประหลาดไม่น้อยเลย แต่ที่ทหารสมาคมตระกูลชิ่งรู้ตัวว่าไม่อาจชนะกองพันเทพยนต์ได้ก็เป็นเรื่องธรรมดา” นายทหารเสนาธิการว่า “พวกเราจะจัดการยังไงดีครับ”
“มีคนในกองพันทหารส่วนตัวตายไปกี่นาย” นายพลถาม
“สี่ร้อย เท่ากับจำนวนศัตรูที่เสียชีวิต” ทหารเสนาธิการตอบ
นายพลถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “กองพันทหารส่วนตัวสามารถล้างบางหน่วยรบพิเศษของสมาคมตระกูลชิ่งได้ แถมจำนวนผู้ตายยังน้อยกว่าที่คาดอีก นี่มันชัยชนะใหญ่ เป็นชัยชนะครั้งใหญ่ที่เราต้องการตอนนี้พอดี!”
ทหารเสนาธิการเข้าใจทันทีว่านายพลต้องการสื่ออะไร ก่อนหน้าที่ทุกคนเชื่อมั่นในภารกิจของกองพันเทพยนต์และหวังว่าพวกเขาจะนำพาสมาคมไปสู่ชัยชนะแรกของสงครามนี้ และมันก็จะเพิ่มขวัญกำลังใจของกองทัพ
แต่ยิ่งหวังสูงเท่าไร ก็ยิ่งตกลงมาเจ็บเท่านั้น ความพ่ายแพ้ของกองพันเทพยนต์ทำให้เหล่าผู้นำทหารระดับสูงผิดหวังกันมาก ในการประชุมการรบช่วงสองวันมานี้ ทุกคนในศูนย์บัญชาการต่างถูกปกคลุมไปด้วยหมอกอึมครึม ทหารเสนาธิการไม่กล้ากระแอมเสียงดังด้วยซ้ำเพราะกลัวถูกว่า
แต่ตอนนี้มีข่าวดีอย่างยิ่งแล้ว กองพันทหารส่วนตัวสามารถล้างบ้างหน่วยรบพิเศษของศัตรูได้
คนระดับพวกเขาไม่สนใจอยู่แล้วว่าจะมีทหารตายมากน้อยเพียงไรในสงคราม ต่างคนต่างสนใจแต่ว่าผลลัพธ์ที่ส่งผลต่อภาพรวม!
นายพลว่า “รายงานเรื่องนี้ไปที่สภาบริหารเลย รวมถึงสั่งชมเชยและให้รางวัลกับกองพันทหารส่วนตัวนี้ด้วย ฉันอยากเปลี่ยนชื่อกองพันเหล็กที่สองเป็นกองพันวีรบุรุษ ผู้บัญชาการกองพันนี้จะได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ให้เขาขึ้นยศพันตรีประจำกองทัพตระกูลหลี่ นอกจากนั้นฉันอยากให้พวกเขาได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีที่สุดของเราด้วย”
ทหารเสนาธิการนิ่งไปครู่หนึ่ง เรื่องนี้จะกลายเป็นแบบอย่างของทั่วทั้งกองทัพสมาคม!
ต่อให้ในกองทัพทหารส่วนตัวจะตำแหน่งทางทหาร แต่พวกเขาไม่เคยได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ดังนั้นนายทหารในกองทัพทหารส่วนตัวจึงไม่ต่างไปจากพนักงานทั่วไป พวกเขาถึงกับสามารถยัดสินบนซื้อบางตำแหน่งในกองทัพได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นสมาคมตระกูลหลี่จึงไม่เคยนับทหารกองกำลังส่วนตัวเป็นพวกตัวเองมาก่อน
แต่ถ้าได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเช่นนี้ ทุกอย่างก็คงจะไม่เหมือนเดิมแล้ว วันหนึ่งเริ่นเสี่ยวซู่อาจจะถูกโยกย้ายไปอยู่ตำแหน่งสำคัญของกองทัพประจำการของสมาคมตระกูลหลี่ก็ได้!
ส่วนการรายงานไปทางสภาบริหารนั้นเป็นแค่มาตรการทั่วไปเฉยๆ ช่วงเวลานี้ ทางสภาจะไม่ยุ่มย่ามการแต่งตั้งหรือถอดถอนนายทหารหรอก ตราบใดที่มันเป็นผลดีต่อสงคราม พวกเขาก็จะไม่ห้ามปราม
ทว่าทันใดนั้นนายพลก็พูดขึ้นว่า “หลังจากทหารกองกำลังส่วนตัวพวกนี้ได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์เรียบร้อยแล้ว ก็ส่งพวกเขาไปยังแนวรับที่หนาแน่นที่สุดของเรา ฉันได้รับข้อมูลมาว่าผู้บัญชาการแนวหน้าของสมาคมตระกูลชิ่งเปลี่ยนเป็นชิ่งเจิ่นแล้ว”
“มันหมายความว่ายังไงเหรอครับ” หลังจากชะงักไปนิดหนึ่ง ทหารเสนาธิการถามขึ้น
“ชิ่งเจิ่นเป็นคนหยิ่งยโสมาก ถ้าข่าวหน่วยรบพิเศษของเขาถูกทหารกองกำลังส่วนตัวล้างบางหลุดออกไปล่ะก็เขาคงได้เสียหน้ามากจริงๆ คนโอหังแบบเขาจะยอมรับความผิดพลาดแบบนั้นได้เหรอ” นายพลเคาะนิ้วลงกับโต๊ะ แค่นเสียง “ส่งทหารกองกำลังส่วนตัวพวกนี้ไปสู้กับชิ่งเจิ่นในแนวป้องกันที่หนาแน่นที่สุดของเรา ให้กองทัพของเขาต้องเสียหาย!!”
ทหารเสนาธิการเข้าใจแล้วนายพลกำลังวางแผนใช้ทหารกองกำลังส่วนตัวล่อชิ่งเจิ่นเข้ามาต่อสู้ในจุดที่แข็งแกร่งที่สุดบนสนามรบของพวกตน
สงครามก็เหมือนกระดานหมากขนาดใหญ่ ผู้เล่นไม่สมควรแสดงอารมณ์ เป็นกองพันวีรบุรุษแล้วอย่างไร ก็ยังเป็นแค่ตัวหมากอยู่ดีมิใช่หรือ
การเสียสละของกองพันเทพยนต์จะตราตรึงใจคนนัก
ตอนที่ทหารเสนาธิการออกไป เขาก็นึกคำพูดที่ว่า เมตตาธรรมไม่อาจควบกองทัพ เที่ยงธรรมไม่อาจควบคุมเงินทอง คำพูดคนโบราณพวกนี้ว่าไว้ไม่ผิดเลย
ทังว่านอี้แห่งกรมกำลังพลเพิ่งกลับมาที่ศูนย์บัญชาการด้วยเพลิงโทสะต่อเริ่นเสี่ยวซู่เต็มท้อง พอกลับมาถึงแล้ว ก็เตรียมจะเขียนรายงานป้ายสีเริ่นเสี่ยวซู่ จะเอาไว้ใช้โจมตีเวลาสำคัญในอนาคต
เหอะ กล้าหาเรื่องคนของกรมกำลังพล ยังคิดอีกเหรอว่าจะอยู่รอดในกองทัพได้อีกน่ะ ไม่มีทางหรอก!
แต่ทันใดนั้นเองก็มีคนยกผ้าเต็นท์ของกรมกำลังพลขึ้น ทหารเสนาธิการเดินเข้ามาพร้อมเอกสารใต้วงแขน เขาพูด “คนของกรมกำลังพลอยู่ไหน”
ทังว่านอี้รีบตีหน้ายิ้มแล้วว่า “อยู่นี่ครับ!”
คนมักจะพูดกันว่า นอกจากท่านเสนาธิการเอง ทหารเสนาธิการธรรมดาไม่ถือว่ามีอำนาจแท้จริง แต่ในช่วงสงคราม ทหารเสนาธิการพวกนี้อยู่ใกล้ชิดกับเหล่านายพล ถ้ามีคนเอ่ยปากใส่ร้ายพวกตนต่อหน้าเบื้องบนล่ะก็ พวกเขาคงไม่รอดถูกจัดการ และยิ่งจะหนักกว่าอีกถ้าทหารเสนาธิการผู้นั้นเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าผู้นำ!
ถึงทหารเสนาธิการจะดูนอบน้อมต่อเหล่านายพล ทว่าเขาไม่คิดสุภาพต่อคนในกรมกำลังพล “ไปส่งคำสั่งตามหนังสือแต่งตั้งนี้ กองพันเหล็กที่สองของทหารกองกำลังส่วนตัวจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นกองพันวีรบุรุษ เริ่นเสี่ยวซู่จะได้รับแต่งตั้งเป็นพันตรี ส่งเสบียงให้ทางกองพัน และส่งพวกเขาไปประจำการณ์ยังสนามรบในเวลาที่กำหนด”
ทังว่านอี้นิ่งงัน “อะไรนะ เริ่นเสี่ยวซู่? แต่งตั้งเป็นพันตรี?”
ทังว่านอี้เป็นคนฉลาด รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น!
ทหารเสนาธิการเหลือบมองทังว่างอี้ผ่านหางตาแล้วกล่าวว่า “ทำไม มีปัญหาเหรอ”
“เปล่าครับ ไม่กล้าหรอก ผมจะไปจัดการเดี๋ยวดี” ทังว่านอี้พูดอย่างขมขื่น
เชี่ยไรเนี่ย เพิ่งกลับมาถึงก็ต้องถ่อกลับไปแล้วเหรอ!
ก่อนที่ทหารเสนาธิการจะจากไป “ดูเหมือนนายจะมีข้อพิพาธกับเริ่นเสี่ยวซู่อยู่นะ แต่ฉันขอเตือนไว้ก่อน ตอนนี้ยศเขาสูงกว่านายแล้ว แถมยังเป็นวีรบุรุษสงครามที่เป็นต้นแบบของทั้งกองทัพเราด้วย ถ้าเคยมีปัญหากับเขา ก็รีบไปไกล่เกลี่ยดีว่า รู้จักเรียงลำดับความสำคัญให้ดี”
ทังว่านอี้อดสงสัยไม่ได้ว่าตนกับเริ่นเสี่ยวซู่ถูกลิขิตมาให้ไม่ลงรอยกันหรือเปล่า
คืนเดียวกันนั้นทังว่านอี้ก็มาถึงค่ายทัพทหารส่วนตัวอีกครั้ง คราวนี้อากัปกริยาเขาดูดีกว่าเดิมมาก นอกจากจะนำหนังสือแต่งตั้งมาให้แล้ว ยังส่งเสบียงห้าคันรถและอาวุธอีกห้าคันรถ!
ทว่าไม่ใช่แค่นั้น รถบรรทุกยังถูกทิ้งไว้ให้พวกเริ่นเสี่ยวซู่ใช้งานเพื่อไปถึงแนวหน้าให้ทันเวลาด้วย
ทังว่านอี้มองเริ่นเสี่ยวซู่แล้วยิ้มพูด “ท่านครับ ขออภัยที่ผมล่วงเกินท่านไปนะครับ ท่านเป็นคนใจกว้าง ถ้ามีอะไรไม่ชอบผมก็บอกมาได้เลยนะครับ ผมควรจะทำอย่างไรให้ท่านให้อภัย”
เริ่นเสี่ยวซู่คิดนิดหนึ่ง “ทำไมไม่แยกขาให้ฉันดูล่ะ”
ทังว่านอี้ “???”
[1] ปฏิบัติการบั่นเศียร หรือ Decapitation strike คือปฏิบัติการทางทหารแบบหนึ่งที่จะเน้นไปที่การจัดการผู้นำหรือกลุ่มผู้นำเพื่อปั่นป่วนและทำลายอำนาจสั่งการของฝ่ายศัตรู