the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 276 ทลายนคร
หลี่ติ้งติ่งมาด้วยความพรักพร้อมไม่เหมือนกับหลินชีที่เป็นเพียงตัวอย่างทดลอง เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่มีนาโนแมชชีนในร่างกายมากที่สุดในสมาคมตระกูลหลี่ และมีอัตราซิงโครไนซ์อยู่ที่เก้าสิบสี่เปอร์เซ็นต์!
แม้จำนวนคนที่มีอัตราซิงโครไนซ์ที่แปดสิบเปอร์เซ็นต์จะมากมาย ทว่ากลับมีแค่น้อยนิดที่เข้าใกล้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้หลี่ติ้งติ่งยังนำทหารนาโนแมชชีนชั้นยอดมาอีกสามสิบนาย พวกเขาแข็งแกร่งกว่าทหารนาโนแมชชีนทั่วไปในกองพันเทพยนต์มาก
แต่พอเริ่นเสี่ยวซู่กระโจนเข้ามา หลี่ติ้งติ่งก็รู้ได้ในฉับพลันว่าตนไม่มีเวลาหลบหนีหรอก ไม่ใช่ว่าเขาช้าเกิน คู่ต่อสู้ต่างหากที่เร็วไป!
อีกทั้งรูปลักษณ์ของเกราะนั่นทำให้เขาตะลึงมากจริงๆ เขารู้ว่าเกราะนี้ทำมาจากนาโนแมชชีน แต่สงสัยนักว่าต้องใช้นาโนแมชชีนมากเพียงไรถึงสร้างเกราะเช่นนี้ได้
ก่อนหน้านี้เขายังคิดไม่ออกว่านาโนแมชชีนหายไปไหนหมด แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว คนผู้นี้ต้องสังหารทหารนาโนแมชชีนไปมากแค่ไหนเพื่อให้ได้นาโนแมชชีนจำนวนมากขนาดนี้ หรือว่าทหารนาโนแมชชีนพวกนั้นโดนเริ่นเสี่ยวซู่สังหารไปตั้งแต่แรกแล้ว
อย่างที่คาดไว้เลย คำตอบซ่อนอยู่ในเรื่องบังเอิญซ้ำซ้อน!
แต่เขาประหลาดใจที่สุดคือการระยะเวลาที่เริ่นเสี่ยวซู่เรียกเกราะมาคลุมตัว มันใช้เวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น!
คนวงในของสมาคมตระกูลหลี่ทราบดีว่าเพราะอัตราซิงโครไนซ์มีสูงต่ำ จึงหมายถึงศักยภาพในการควบคุมนาโนแมชชีนมีต่างกัน ยิ่งอัตราซิงโครไนซ์ต่ำเท่าไร หลังนาโนแมชชีนได้รับคำสั่งก็จะดำเนินการช้ามากเท่านั้น
แล้วเริ่นเสี่ยวซู่ล่ะ?
เกราะของคู่ต่อสู้ก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้แต่หลี่ติ้งติ่งเองก็ไม่สามารถทำความเร็วได้ขนาดนี้
แต่เขามีอัตราซิงโครไนซ์อยู่ตั้งเก้าสิบสี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ขนาดเขายังทำไม่ได้ เช่นนั้นอัตราซิงโครไนซ์ของเริ่นเสี่ยวซู่มีมากขนาดไหนกัน!
แต่กว่าจะคิดตกก็สายไปแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่คว้าคอหลี่ติ้งติ่งแน่น เกราะเย็นเยียบน่าพรั่นพรึง หลี่ติ้งติ่งสัมผัสได้ถึงร่างที่ถูกยกขึ้นบนอากาศ จากนั้นฝ่ามือก็บีบแน่นและกระแทกเขาลงกันพื้นแข็ง พริบตานี้หลี่ติ้งติ่งรู้สึกราวกับว่าตนเองถูกสภาวะไร้น้ำหนักอันประหลาดห่อหุ้มตัวอยู่!
เขาพยายามหนีออกจากการกอบกุมนี้ แต่ก็พบว่านาโนแมชชีนที่เขาภูมิใจเป็นหนักหนานั้นไร้ค่าไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังของศัตรู!
ดิ้นรนไปก็ไร้ค่า คู่ต่อสู้เขาทั้งเร็วและแข็งแกร่งเกินไป
เหตุใดมนุษย์จึงทำความเร็วได้ถึงขนาดนี้
เกิดเสียงดังสนั่น ศีรษะ ลำคอ และแผ่นของหลี่ติ้งติ่งกระแทกลงกับพื้น เขาสัมผัสได้ถึงกระดูกของตนถูกบดขยี้ นาโนแมชชีนที่ถูกใช้เสริมกระดูกและกล้ามเนื้อก็กำลังสลายหายไป
หลี่ติ้งติ่งที่นอนหงายกับพื้นพยายามคลานออกมา ดวงตาล่องลอยมองเห็นเพียงใบหน้าใต้เกราะหมวกของเริ่นเสี่ยวซู่ เผยประกายความเย็นเยียบน่าเกรงขาม
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเสี้ยนวินาที ทหารนาโนแมชชีนยังไม่ทันขยับตัวด้วยซ้ำ พวกเขาไม่คิดเลยว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะฆ่าคนทั้งๆ ที่พวกเขากำลังล้อมอยู่เช่นนี้!
อีกทั้งพวกเขาไม่เคยเห็นเกราะที่ฉายประกายเย็นเยียบเช่นนี้มาก่อนเลย! สมาคมตระกูลหลี่สอนพวกเขาให้ใช้นาโนแมชชีนดั่งเทคโนโลยีช่วยเหลือ ไม่เห็นมีใครเคยบอกเลยว่านาโนแมชชีนสามารถทำแบบนี้ได้ด้วย!
ทหารนาโนแมชชีนยกปืนขึ้นยิงใส่เริ่นเสี่ยวซู่ทันที หวังอวี่ฉือกล่าวกับนักเรียนคนอื่นๆ เสียงต่ำ “หมอบ!”
ราวกับว่าพวกหวังอวี่ฉือ หลี่ชิงเจิ้ง และพวกนักเรียนตกลงกันไว้ก่อนแล้วจึงหมอบลงพื้นพร้อมกันในพลัน กระสุนที่ยิงใส่เกราะเริ่นเสี่ยวซู่เกิดเสียงเพียงเสียงกริ๊ก ไม่สร้างความเสียหายอะไรเลย
ขณะที่ทหารนาโนแมชชีนกำลังสาดกระสุนอยู่นั้นก็มีกระบองสีทองดำกวาดเข้าไป เฉินอู๋ตี๋คำราม “ใครกล้าแตะต้องอาจารย์ข้าต้องตาย!”
ปลายกระบองทองสารพัดนึกขยายออกและยืดยาวขึ้นก่อนจะกวาดเข้าที่เอวของทหารนาโนแมชชีนสามนายจนลอยกระเด็น ขณะที่กระบองกวาดออกนั้น ก็เกิดเป็นเสียงสะเทือนอากาศน่าหวาดผวา!
จากการทดลองรอบล่าสุด ทหารนาโนแมชชีนสามารถรับมือกับผู้มีพลังพิเศษทั่วไปแน่นอน แต่ว่าหลี่ติ้งติ่งกับคนของเขาคงไม่ทันคาดคิดหรอกว่าสองผู้มีพลังพิเศษในเต็นท์นั้นไม่ใช่ผู้มีพลังพิเศษธรรมดา!
หลี่ชิงเจิ้งกำลังนอนกุมหัวอยู่กับพื้นพร้อมกับคำพึมพำ “ฉันว่าแล้ว…ฉันว่าแล้ว…”
ทหารนาโนแมชชีนเสียจังหวะโจมตีไปในชั่ววินาที พวกเขามีประสบการณ์สู้รบกับผู้มีพลังพิเศษน้อยเกินไป ไม่อาจแยกออกว่าระหว่างเฉินอู๋ตี๋และเริ่นเสี่ยวซู่นั้นใครเป็นภัยร้ายแรงมากกว่ากัน
อีกทั้งว่าเต็นท์หลังนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไร สภาพแวดล้อมเหมาะจะให้เริ่นเสี่ยวซู่และเฉินอู๋ตี๋แสดงพลังพิเศษมาก
ทหารนาโนแมชชีนบางนายหันปืนใส่เฉินอู๋ตี๋ ทว่ากระสุนหายไปครึ่งแม็กกาซีนแล้วเฉินอู๋ตี๋ก็ยังไร้รอยขีดข่วน
ร่างกายเฉินอู๋ตี๋ฉายประกายสีทองวิบวับ ยามกระสุนกระทบไหล่ เกราะทองก็จะปรากฏเค้ารางขึ้นมาก่อนจะเลือนหายไปอีกครา พอทหารนาโนแมชชีนคนอื่นๆ หันมาตั้งใจยิงใส่ ห่ากระสุนที่ยิงมาทำให้เกราะทองเขาปรากฏชัด
นี่คือเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แม้หมื่นอัสนีสวรรค์ก็ไม่อาจทำลายมันได้ เฉินอู๋ตี๋พูดเสียงนิ่ง “ยิงเสร็จแล้วหรือ ตาข้าบ้างล่ะ!”
จากนั้นเงาร่างของเฉินอู๋ตี๋ก็หายไปจากวิสัยทัศน์ของทหารนาโนแมชชีน มีเพียงเสียงของเริ่นเสี่ยวซู่ดังในเต็นท์ “นายจัดการทางซ้าย ฉันไปทางขวา!”
เริ่นเสี่ยวซู่พุ่งโถมไปยังทหารนาโนแมชชีนอย่างดิบเถื่อน พวกเขาราวกับเจอขุนเขากระแทก ทหารนาโนแมชชีนสองนายทำอะไรไม่ถูกโดนส่งบินออกไปจากเต็นท์ ขณะกระเด็นออกไปนั้นยังสร้างรูขนาดใหญ่บนเต็นท์ไปด้วย!
ในสถานการณ์ปกติ คนคงพบแล้วว่าที่นี่เกิดเรื่องแปลกๆ แต่ว่าพอมีสมาคมตระกูลชิ่งหวนมาโจมตีอีกครั้ง มันก็สร้างโอกาสอันยอดเยี่ยมให้เริ่นเสี่ยวซู่แล้ว
ทหารนาโนแมชชีนที่นอนหมอบอยู่กับพื้นนอกเต็นท์ไม่อาจลุกขึ้นได้อีก อย่างกับกระดูกทั่วร่างแตกยับหมดแล้ว
ถ้ากระดูกหักไม่กี่ท่อน นาโนแมชชีนคงไหลเข้ามาเชื่อมตามรอยแตกอย่างรวดเร็ว
แต่กระดูกพวกเขาแตกหักพังยับแล้ว!
เสียงยิงปืนใหญ่ข้างนอกนั้นรุนแรงกว่าการโจมตีรอบล่าสุดของสมาคมตระกูลชิ่ง เต็นท์ที่มีรูโดนลมจากกระเบิดพัดสั่นไหวอย่างรุนแรง
เริ่นเสี่ยวซู่ยืนนิ่งอยู่ข้างรูนั้น มองไปข้างหลัง เห็นว่าเหลือทหารนาโนแมชชีนเพียงยี่สิบนายอยู่ตรงหน้า ส่วนท้องฟ้ารัตติกาลนั้นมีเสียงอื้ออึง
ทหารนาโนแมชชีนรู้ตัวว่าปืนไร้ประโยชน์ต่อชุดเกราะนี้ จึงทิ้งปืนและชักดาบนาโนออกมาจากเอว!
เริ่นเสี่ยวซู่ชักดาบออกมาจากอากาศอันว่างเปล่า จากนั้นก็ฉีกยิ้ม ลวดลายบนหมวกเกราะดูราวกำลังเผยยิ้ม “อะไรที่พวกนายมี ฉันก็มีเหมือนกัน แต่อะไรที่ฉันมี มันมากกว่าพวกนายทุกคนรวมกันอีก! มานับถอยหลังสามสิบวิกันเถอะ!”
“สามสิบวิ? หมายความว่ายังไง” พอพวกทหารนาโนแมชชีนได้ยินเช่นนั้นก็พลันใจไม่สู้ดี ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดโจมตีก่อน
เริ่นเสี่ยวซู่ว่า “สามสิบวิสุดท้ายในชีวิตของพวกนายไง”
วินาทีต่อมา เขาก็ลอบพูดในห้วงจิต “ทลายนคร!”
ม่านตาหลังเกราะหมวกฉายประกายสีโลหิต