the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 282 เกือบโดนอัด!
สุดท้ายเริ่นเสี่ยวซู่ยังมาช่วยหลี่ชิงเจิ้งอยู่ดี แต่ว่ามันง่ายกว่าที่เขาคิดมาก
เขาวางแผนไว้ว่าจะใช้ไพ่ระเบิดที่ฝังไว้ตามทางล่วงหน้าระเบิดรถบรรทุกนำขบวนทิ้ง ทำให้แถวรถเกิดความระส่ำระสาย
จากนั้นก็จะใช้พลังเหนือมนุษย์ของตนกับเฉินอู๋ตี๋ชิงตัวหลี่ชิงเจิ้งมาจากกองทหารลึกลับนี้ แล้วรีบใช้ไพ่ระเบิดสร้างความโกลาหล และหนีไปจากสนามรบ จากนั้นก็ล่อศัตรูมาเผด็จศึกยังพื้นที่เถาหนาม!
แต่แผนการนี้ไม่ได้วางมาอย่างสมบูรณ์ เขาเพียงลงมือทำอย่างรีบๆ เท่านั้น
ทว่าเขากลับมาเจอหลี่เสินถานแทนที่จะพบทหารนาโนแมชชีนเสียได้!
เริ่นเสี่ยวซู่รู้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไอ้การช่วยเหลือหลี่ชิงเจิ้งจากฐานลับอะไรนั่นเป็นหลุมพรางที่หูชัวและหลี่เสินถานขุดไว้
กองทหารที่จับหลี่ชิงเจิ้งมาไม่ใช่กองทหารลึกลับอะไรเลย แต่เป็นกองพลน้อยที่หลี่เสินถานลักพาไป!
ถึงเริ่นเสี่ยวซู่ไม่รู้ว่าหลี่เสินถานตั้งใจจะทำอะไร แต่เขาก็ถอนหายใจโล่งอก ก็ยังดีกว่าต้องปะทะกับทหารนาโนแมชชีนห้าร้อยนายแหละ!
แต่ความรู้สึกถูกคนอื่นขุดหลุมพรางนั้นไม่ดีเลย เริ่นเสี่ยวซู่ใช้โอกาสตอนที่หลี่เสินถานกำลังนอนกับพื้น เขาเกร็งขา เกราะหนักทำพื้นแตกเป็นรอย จากนั้นก็กระโดดไปไกลกว่ายี่สิบเมตรราวทะยานข้ามเขา โผล่พรวดรวดเดียวมาหน้าหลี่เสินถาน
เริ่นเสี่ยวซู่กำหมัดแน่นและต่อยไปที่ชายหนุ่มที่กำลังส่งหน้าแป้นแล้นมา
แต่ว่าพริบตานั้นก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งร่อนลงมาจากฟ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หมัดของเริ่นเสี่ยวซู่จะโดนร่างของหลี่เสินถาน เธอผุดเข้ามาตรงหน้าเขาแล้ว
เธอยกหมัดอันบอบบางขึ้นปะทะกับหมัดเหล็กของเริ่นเสี่ยวซู่ ยามสองหมัดปะทะกัน กลุ่มฝุ่นรอบกายก็กระจัดพลัดพรายไป!
เริ่นเสี่ยวซู่ถูกดันจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว เสียงหลี่เสินถานกำลังถุยน้ำลายทิ้งลงพื้นดังมาจากกลุ่มฝุ่นโขมง “ฉันกินดินไปชุดใหญ่เลยนะ!”
พอกลุ่มฝุ่นหายไป หลี่เสินถานก็ยืนส่งยิ้มให้เริ่นเสี่ยวซู่ด้วยใบหน้าเปื้อนฝุ่น “ไงเพื่อน ไม่เจอกันนานนะ”
“เพื่อนเขาเป็นกันแบบนี้เหรอ” เริ่นเสี่ยวซู่ถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด เขามองเฉินอู๋ตี๋ที่อยู่ด้านข้าง ใจคิดว่าจะร่วมมือกับเขาอัดหลี่เสินถานให้ตายดีไหม
แม้ซือหลีเหรินเพิ่งรับหมัดทรงพลังเขาได้ แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้อยากฆ่าคน นั่นจึงไม่ใช่แรงเต็มที่ของเขา
ปัญหาคือถึงเริ่นเสี่ยวซู่จะเจอผู้มีพลังพิเศษมาไม่น้อยแล้ว เด็กหญิงผู้นี้เป็นคนเดียวที่บินได้ ดังนั้นเขาจึงยังไม่มั่นใจว่าเธอแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ ถ้าคิดอยากจะฆ่าพวกเขาจริง เขาจำเป็นต้องร่วมมือกับเฉินอู๋ตี๋
ทหารภายใต้การควบคุมของหลี่เสินถานไม่ได้เปิดโจมตี เพียงยืนนิ่งตกอยู่ในภวังค์ รอรับคำสั่งจากหลี่เสินถาน
หลี่เสินถานยิ้มพูด “นายอยากอัดฉันให้หมอบขนาดนั้นเลยล่ะสิ”
“ดูเหมือนนายนี่ก็ดูดวงตัวเองเก่งเหมือนกันนะ” หลี่ชิงเจิ้งเพิ่งยันตัวเองลุกจากพื้นได้ ร่างกายเขาไม่แกร่งเท่าหลี่เสินถาน ตอนตกรถมาเกือบทำขาตัวเองหักแล้ว
พอหลี่ชิงเจิ้งเห็นเริ่นเสี่ยวซู่ ก็เหมือนตัวเองได้กลับมาพบหน้าครอบครัวอีกครั้ง “เสี่ยวซู่ จัดการอัดเขาสักรอบเลย!”
รอยยิ้มของหลี่เสินถานฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม “ฉันว่านายไม่มีเวลามาอัดฉันหรอก”
“หมายความว่าไง” เริ่นเสี่ยวซู่สังหรณ์ใจ
“ทหารนาโนแมชชีนของสมาคมตระกูลหยางที่ทำหน้าที่แทรกซึม ดำเนินปฏิบัติการบั่นเศียร และทำลายแนวหลังนั้นมาถึงป้อมปราการ 108 แล้ว ทหารของฉันก็กำลังจะโจมตีป้อมปราการ 108 ในอีกหนึ่งชั่วโมงด้วย” หลี่เสินถานว่า “ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเปิดโจมตีก่อน แต่ในอีกไม่นานไฟสงครามก็จะลามทั่วป้อมปราการ เพื่อนนายยังอยู่ในป้อมปราการนี่ อยากรู้จังถ้านายไม่ไปช่วย พวกเขาจะรอดกันไหมนะ”
“ถ้าฉันฆ่านาย ทหารของนายก็น่าจะหยุดโจมตีไม่ใช่เหรอ” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
“ดูเหมือนนายจะไม่เข้าใจนะว่าการสะกดจิตคืออะไร พอคำสั่งสะกดจิตถูกฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกแล้ว ผู้ถูกสะกดจิตก็จะดำเนินตามคำสั่งไปแม้ผู้สะกดจิตจะไม่อยู่แล้วก็ตาม” หลี่เสินถานยิ้มอธิบาย “แล้วก็ถึงไม่มีฉัน สมาคมตระกูลหยางก็โจมตีอยู่ดี แผนของฉันก็อิงมาจากแผนของพวกเขานั่นแหละ”
เริ่นเสี่ยวซู่เงียบไป เขากำลังคำนวณเวลาอยู่!
หลี่เสินถานถาม “จะสู้กับฉันต่อไหม”
เขาพูดจบเริ่นเสี่ยวซู่ก็กลับหลังหันจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว “อู๋ตี๋ เหลาหลี่ ไปกันเถอะ!”
เริ่นเสี่ยวซู่ต้องหาเหยียนลิ่วหยวนให้เจอก่อนที่สงครามจะมาถึงในป้อมปราการ!
หลี่เสินถานมองเริ่นเสี่ยวซู่จากไป หลังจากเริ่นเสี่ยวซู่เดินจากไปแล้ว เขาก็ถอนหายใจโล่งอกยกใหญ่ “เกือบไปแล้ว อีกนิดจะถูกอัดแล้วไง!”
ซือหลีเหรินที่ลอยอยู่ข้างหลี่เสินถานถาม “พี่เสินถาน พี่บอกว่าอีกสองชั่วโมงไม่ใช่เหรอกว่าทหารจะถึงป้อมปราการน่ะ”
“ถ้าพูดไปฉันก็โดนอัดสิ ไม่รู้พวกเราจะชนะเขาที่ร่วมมือกับเฉินอู๋ตี๋ได้หรือเปล่า ก็ต้องโกหกให้เขาจากไปนั่นแหละ” หลี่เสินถานยิ้ม
ซือหลีเหรินย่นจมูก “หนูชนะเขาได้หรอก”
หลี่เสินถานลูบศีรษะน้อยๆ ของเธอแล้วว่า “ยามการสู้รบมาถึงจุดที่อันตรายที่สุด ชัยชนะไม่ได้ถูกตัดสินว่าใครมีพลังมากกว่า”
“แล้วอะไรเป็นตัวตัดสินล่ะ” ซือหลีเหรอสงสัย
“อยู่ที่ใจอยากรอด อยู่ที่ความโกรธเกรี้ยวที่มีต้นตอมาจากความไม่ยอมตาย อยู่ที่ความปรารถนาอยากปกป้องครอบครัว และอยู่ที่สันชาตญาณที่สะสมมาจากการเผชิญกับโลกอันแสนโหดร้าย นั่นแหละคือความแข็งแกร่งของเขา” หลี่เสินถานถอนหายใจ
“ดูเหมือนพี่จะอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยนะ” ซือหลีเหรินถาม
“อืม” หลี่เสินถานมองไปยังทิศที่เริ่นเสี่ยวซู่และคนทั้งสองเดินจากไป “นึกย้อนไปตอนที่ฉันซ่อนอยู่ในฝูงชน นึกย้อนไปช่วงที่อยู่ในโรงพยายาลจิตเวช ถ้าตอนนั้นมีคนตะโกนมาว่า ‘หลี่เสินถาน พี่ชายมาช่วยนายแล้ว…’ มันจะเป็นยังไงนะ…”
หลี่เสินถานพูดเสียงเรียบนิ่ง “จะดีเยี่ยมขนาดไหนกันนะ…”
ซือหลีเหรินกะพริบตาปริบๆ “งั้นในอนาคตหนูจะพูดแบบนั้นนะ”
หลี่เสินถานยิ้ม “เธอเป็นเด็กผู้หญิง จะเรียกตัวเองว่าพี่ชายได้ไง”
“งั้นหนูเรียกตัวเองว่าพี่สาวก็ได้” ซือหลีเหรินพูดเสียงเข้ม
“แต่เธอยังเด็กอยู่เลย!”
…
ณ คฤหาสน์แห่งหนึ่งในป้อมปราการ เลือดไหลนองออกจากลานบ้านไปจนถึงถนน ในลานบ้านมีคนกรีดร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับไม่มีใครมาช่วย เป็นเพราะว่าทหารยามที่อยู่ข้างนอกนั้นถูกคนสังหารไปหมดแล้ว
หูชัวกำลังยืนนิ่งอยู่ในห้องนั่งเล่น สายตาทอดมองไปยังเครื่องตกแต่งหรูหราของตัวบ้าน ราวกับไม่ทันสังเกตเห็นชายชราบาดเจ็บผู้หนึ่งกำลังคลานหนีไป ชายชราผู้นี้ค่อยๆ ตะเกียกตะกายไปยังทางออก เลือดนองทำให้พื้นหินอ่อนลื่นกว่าเดิมอยู่บ้าง
แต่ชายชรายังไม่พร้อมแพ้ เพราะใต้โซฟาตรงหน้ามีปืนซ่อนอยู่!
หูชัวพูด เสียงราวตกในภวังค์ “ลูกสาวฉันทำผิดอะไร เธอแค่อยากแต่งงานใหม่แค่นั้นเอง”
ชายชราที่คลานอยู่ตรงพื้นคำราม “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเธอคือลูกสาวแก! หูชัว ถ้าแกฆ่าฉัน ทั่วทั้งสมาคมตระกูลหลี่ต้องไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
ตอนนี้ในที่สุดชายชราก็เอื้อมมือไปถึงปืนพกใต้โซฟาแล้ว เขาชักปืนออกมาเล็งใส่หูชัวอย่างหมดท่า แต่พอลั่นไก ก็ได้ยินแต่เสียงกริ๊กในลำกล้องปืนอันว่างเปล่า ในนั้นไม่มีลูกกระสุน
หูชัวมองเขาแล้วว่า “สมาคมตระกูลหลี่? อีกไม่นานก็ไม่มีสมาคมตระกูลหลี่แล้ว”
หูชัวรอวันนี้มาเก้าปีแล้ว
ลูกสาวเขาถูกลากไปตามท้องถนน หลานชายถูกส่งไปอยู่โรงพยาบาลบ้า!
เพลิงโทสะเขาไม่อาจสงบลงด้วยการตายของไม่กี่สิบชีวิต ทุกคนในสมาคมตระกูลหลี่ต้องถูกลากลงไปขอขมาลูกสาวเขาที่ยมโลก