the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 283 ทลายประตู
ระหว่างที่ขับกลับป้อมปราการอยู่นั้น ในที่สุดหวังอวี่ฉือและคนอื่นๆ ก็ถอนหายใจโล่งอกได้ เพราะว่าตอนนี้คนขับคือหลี่ชิงเจิ้งแล้ว
ก่อนหน้านี้ทุกคนยังไม่รู้ซึ้งถึงความสำคัญของหลี่ชิงเจิ้ง จนกระทั่งเริ่นเสี่ยวซู่ทรมานพวกเขาด้วยการขับรถอย่างบ้าคลั่งนั่นแหละ ทุกคนจึงเริ่มคิดถึงหลี่ชิงเจิ้งขึ้นมา
พอคิดดูดีๆ แล้ว ทุกคนก็คิดว่าการมาช่วยหลี่ชิงเจิ้งนั้นจำเป็นสุดๆ ไปเลย เริ่นเสี่ยวซู่ขับรถคลั่งแบบนี้ ไม่รู้ว่าพวกตนจะประสบอุบัติเหตุเข้าตอนไหน
เริ่นเสี่ยวซู่คำนวณเวลา เอ่ยกับหลี่ชิงเจิ้ง “จะกลับถึงป้อมใช้เวลาราวๆ สี่สิบนาที ขามาก็ใช้เวลาเท่านั้น แต่นายขับรถไม่ดีเท่าฉัน คงใช้เวลามากกว่านั้น”
หลี่ชิงเจิ้งหันไปมองเริ่นเสี่ยวซู่ด้วยสายตาว่างเปล่า สงสัยนักว่าเริ่นเสี่ยวซู่เอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าพูดแบบนั้นออกมา
เขาได้ยินเริ่นเสี่ยวซู่พูดเสริมอีกว่า “หลี่เสินถานบอกว่ากองทหารของเขาจะโจมตีในอีกชั่วโมง แต่พวกเราน่าจะถึงป้อมก่อนหน้านั้น”
หลี่ชิงเจิ้งได้ยินแบบนั้นก็เหยียบคันเร่งแรงกว่าเดิม พร้อมถาม “ทำไมไม่ห้ามเจ้าบ้านั่นไม่ให้โจมตีป้อมปราการล่ะ”
เริ่นเสี่ยวซู่เงียบไปพักหนึ่ง หยางเสียวจิ่งเคยเล่าที่มาของหลี่เสินถานให้ฟังตอนหนีจากป้อมปราการ 109 เขารู้ดีว่าทำไมหลี่เสินถานถึงอยากทำลายสมาคมตระกูลหลี่นัก
เริ่นเสี่ยวซู่เล่าเรื่องทุกอย่างของหลี่เสินถานให้หลี่ชิงเจิ้งฟังแล้วว่า “ถ้าฉันห้ามปรามเขาได้ฉันคงทำไปแล้วล่ะ แต่เขาตั้งมั่นอยากแก้แค้นขนาดนั้น ใครก็ห้ามไม่ได้หรอก แม่เขาทั้งคนนะที่ตายเพราะสมาคมตระกูลหลี่ ใครจะมีสิทธิ์ไปโน้มน้าวเขาได้ล่ะ ถ้าฉันอยู่สถานการณ์เดียวกับเขา ถ้าเรื่องมันเกิดกับฉันแบบนั้น ฉันเองก็คงทำลายสมาคมตระกูลหลี่ไปนานแล้ว”
ที่หลี่เสินถานต้องการไม่ใช่แค่การแก้แค้น แต่เป็นการลากทั้งสมาคมตระกูลหลี่ลงนรก
ถึงเริ่นเสี่ยวซู่จะไม่เห็นด้วยกับวิธีการของหลี่เสินถาน และก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา แต่ตนเองก็เข้าใจในความรู้สึกนั้น
“แต่ยังไงก็เหอะนะ ถ้ามีโอกาสต้องขออัดสักป๊าป” เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงเคร่ง
รถบรรทุกกลับมาถึงป้อมปราการในอีกห้าสิบนาทีต่อมา เป็นอย่างเริ่นเสี่ยวซู่คาดการณ์ไว้ หลี่ชิงเจิ้งขับช้ากว่าเขานิดหน่อยจริงๆ
หลังจากเข้ามาในป้อมปราการได้แล้ว เขาต้องใช้เวลากว่าสี่สิบนาทีเพื่อขับรถจากประตูทิศเหนือไปยังตรอกเป่าหยวนที่พวกเหยียนลิ่วหยวนอยู่
เริ่นเสี่ยวซู่เร่งเร้าให้หลี่ชิงเจิ้งขับไวขึ้น “เร็วๆ หน่อย เดี๋ยวไม่ทันการณ์เอา!”
เริ่นเสี่ยวซู่เริ่มวิตกจริงๆ แล้ว ถ้าป้อมปราการตกอยู่ในความโกลาหลก่อนพวกเขาถึงตรอกเป่าหยวนล่ะก็ ตอนนั้นจะตามหาตัวพวกเหยียนลิ่วหยวนยาก
ต่อให้เริ่นเสี่ยวซู่รู้ว่ามันไม่ทันการณ์แล้ว เขาก็ยังจะยืนหยัดไม่ยอมแพ้
แต่ขณะที่รถบรรทุกกำลังเร่งเครื่องไปตามท้องถนน เริ่นเสี่ยวซู่พลันนึกถึงเรื่องเวลา “นี่มันไม่ถูกแล้ว เลยชั่วโมงแล้วนี่ ทำไมยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก”
ทันใดนั้นเอง เริ่นเสี่ยวซู่ก็บรรลุว่า “เชี่ย ไอ้เวรนั่นมันหลอกฉัน!”
ถ้ามันเป็นอย่างที่หลี่เสินถานพูด ว่าหลังจากถูกสะกดจิตแล้ว ผู้ถูกสะกดจิตจะไม่มีอะไรมาขัดขวางได้อีก กองพลน้อยของหลี่เสินถานน่าจะโจมตีเข้ามาแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่มา
“ดูเหมือนว่าเวลาจะไม่น้อยอย่างที่เราคิด” เริ่นเสี่ยวซู่ถอนหายใจยกใหญ่ “แต่ก็ยังต้องรีบพาพวกเหยียนลิ่วหยวนออกไปจากที่นี่อยู่ดี ป้อมปราการ 108 กลายเป็นพื้นที่อันตรายไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นนรกตอนไหน”
เพราะพวกเขายังใหม่อยู่กับป้อมปราการ 108 จึงไม่ค่อยรู้จักถนนหนทางนัก โชคยังดีที่มีนักเรียนคนหนึ่งซื้อแผนที่มาจากร้านขายของชำข้างๆ ร้านที่พวกเขากินข้าวเที่ยงมาด้วย เริ่นเสี่ยวซู่ที่นั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับคอยบอกทาง หลี่ชิงเจิ้งก็ขับรถไปอย่างไร้อุปสรรค
“ถึงแล้ว ที่นี่แหละ!” เริ่นเสี่ยวซู่ตะโกน หลังจากรถบรรทุกหยุดลง เขาก็กระโดดลงจากรถเข้าไปหาพวกเหยียนลิ่วหยวนในตรอกเป่าหยวนทันที เขาเห็นป้ายในลานเขียนว่า ‘เริ่น’ และ ‘หยวน’ ก็รู้ทันทีว่าเหยียนลิ่วหยวนทำแบบนี้เพื่อให้ตนหาเจอง่ายๆ
ก๊อกๆๆ เริ่นเสี่ยวซู่เคาะประตูอย่างเป็นกังวลขณะตะโกนไปด้วย “เปิดประตู ฉันเอง!”
เขาได้ยินคนวิ่งเหยาะๆ มาลานบ้าน พอประตูเปิดออก เริ่นเสี่ยวซู่ก็เห็นเหยียนลิ่วหยวนยืนอยู่ แต่ก่อนที่เขาจะทันก้าวเข้าไป เหยียนลิ่วหยวนก็พูดเสียงนิ่งว่า “มาหาใครครับ”
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางที่เหยียนลิ่วหยวนจะจำเขาไม่ได้ ต้องมีสภาพการณ์ไม่คาดฝันบางอย่างทำให้เขาพูดแบบนี้ มีศัตรู!
เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “ใครอยู่บ้านไหม ฉันจะมาหาเพื่อนชื่อซินเฟิงน่ะ”
“มาผิดบ้านแล้ว ที่นี่ไม่มีคนชื่อนั้น ลองไปถามบ้านข้างๆ นะ” เหยียนลิ่วหยวนว่า
เริ่นเสี่ยนซู่ถามว่าในบ้านมีใครหรือเปล่าเพื่อสื่อว่าในลานบ้านมีศัตรูไหม แต่คำตอบของเหยียนลิ่วหยวนทำให้รู้ว่า ศัตรูไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่อยู่บ้านข้างๆ!
เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้ม “ได้ งั้นฉันไปถามบ้านข้างๆ แล้วกัน”
จากนั้นเขาก็ไปเคาะประตูรั้วของอีกบ้านหนึ่ง ประตูเปิดออกทันที ราวกับเบื้องหลังประตูมีคนยืนรออยู่แล้ว
ทว่าทันทีที่ประตูแง้มเปิด เริ่นเสี่ยวซู่ก็พุ่งเข้าไปคว้าคอผู้นั้นผ่านรอยแง้มประตูทันที เขาออกแรงบีบ ก่อนจะได้ยินเสียงแตกหักดังลั่น!
ในชั่วลัดนิ้วนั้น ศัตรูคงไม่ทันคาดว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะไม่ปล่อยให้พวกเขาได้มีโอกาสตอบโต้ ลงมือทำอะไรอย่างหมดจดยิ่ง
เสียงชักปืนดังมาจากลานบ้าน เริ่นเสี่ยวซู่เรียกเกราะคลุมตัวในบัดดล ห่ากระสุนยิงมาทำเอาประตูไม้แหลกเป็นจุณ!
เริ่นเสี่ยวซู่พุ่งผ่านกระสุนและเห็นสามคนข้างใน พวกเขาต่างเป็นทหารนาโนแมชชีน ที่มุมบ้านมีชายหญิงคู่หนึ่งถูกมัดไว้ พวกเขาน่าจะเป็นเจ้าของบ้านที่แท้จริงของบ้านหลังนี้
เริ่นเสี่ยวซู่กระโจนเข้าไปกระแทกใส่ทหารนาโนแมชีนนายหนึ่ง ส่งเขาลอยกระเด็นไปชนกำแพงจนมันพังทลายในหนึ่งกระบวนท่า!
ทหารนาโนแมชชีนนายหนึ่งชักดาบออกมาฟันใส่เริ่นเสี่ยวซู่ ทหารนาโนแมชชีนอีกนายตะโกนใส่วิทยุ “กำลังเสริม! พวกเราขอเรียกกำลังเสริม!”
พวกเขาไม่ใช่คนโง่ พอเห็นสัตว์ร้ายในเกราะจักรกลโถมมา พวกทหารนาโนแมชชีนก็ทราบทันทีว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่พวกตนจะรับมือไหว!
แต่ถึงพวกเขาจะขอกำลังเสริมไปแล้ว ก็สายเกินไปกว่าที่พวกเขาจะรอดไปได้อยู่ดี เริ่นเสี่ยวซู่ผู้มีดาบทมิฬในมือรุดเข้าไปตัดครึ่งดาบนาโน จากนั้นก็แทงดาบใส่อกของทหารนาโนแมชชีนตรงหน้า
เขาออกแรงส่งเท้าอีกครั้ง ประหยัดแรงด้วยการไม่ถอนดาบ และใช้ดาบที่ติดอยู่กับศพพุ่งแทงทหารนาโนแมชชีนนายสุดท้าย ร่างเขาปักตายคากำแพง
เริ่นเสี่ยวซู่เก็บเกราะของตน จากนั้นก็ถอนหายใจ พอหันไปดู ก็เห็นเหยียนลิ่วหยวน เสี่ยวอวี้ และคนอื่นๆ กำลังมองเขาฆ่าคนพวกนี้ผ่านกำแพงบ้านที่พังทลาย
ทุกคนกำลังตะลึงกับชายในชุดเกราะตรงหน้า แต่พริบตาให้หลัง ก็พบว่าเป็นเริ่นเสี่ยวซู่เอง ที่จริงแม้แต่เหยียนลิ่วหยวนก็ยังไม่เคยเห็นเริ่นเสี่ยวซู่ในชุดเกราะนี้เลย
วิธีที่เริ่นเสี่ยวซู่ฆ่าคนพวกนั้นจบลงในลมหายใจเดียวราวเมฆคล้อยน้ำไหล[1] ความแข็งแกร่งที่เผยออกขณะต่อสู้นั้นน่าตกใจเกินไปแล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่พูด “เลิกมองแล้วไปเก็บของ พวกเราต้องออกจากป้อมปราการ 108 เดี๋ยวนี้!”
[1] เมฆคล้อยน้ำไหล (行云流水) อุปมาถึงความง่ายดาย ลื่นไหล