the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 286 ปณิธานเหล็กกล้า!
ตอนนี้ค่าพละกำลังของเริ่นเสี่ยวซู่อยู่ที่ 10.5 แต้ม และค่าความคล่องแคล่วอยู่ที่ 10.1 พูดตามตรงแล้วถือว่าไม่ได้สูงอะไรนัก
ทว่าตั้งแต่เขาได้ชุดเกราะมาใช้ ในสายตาผู้อื่นตัวเขาก็กลายมาเป็นสัตว์บกดุร้ายอย่างสมบูรณ์ เขาไม่ต้องใช้กระบวนท่าสวยหรูอะไรฆ่าคน ใช้แค่พละกำลังสัมบูรณ์ก็เป็นฝ่ายที่อยู่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิง
แต่กระนั้นถ้าใช้สู้รบกับทหารนาโนแมชชีน พละกำลังก็มีวันหมดสิ้น และถ้าเขาใช้พละกำลังไปหมดแล้ว แม้มีชุดเกราะอยู่ก็ใช้งานได้อย่างจำกัดอยู่ดี
โชคดีมีหยางเสียวจิ่นอยู่ด้วย ด้วยทักษะการใช้ปืนระดับไร้ที่ติของเธอ สามารถยิงจากหลายร้อยเมตรไม่พลาดเป้า แม้เริ่นเสี่ยวซู่และทหารนาโนแมชชีนกำลังเคลื่อนที่ด้วยความไวสูงก็ตาม!
ปืนสไนเปอร์นั้นมีตำแหน่งสูงยิ่งในปฏิบัติการสู้รบด้วยทหารราบ มันเป็นตัวแทนของอำนาจทำลายล้างน่าพรั่นพรึงที่เหล่าศัตรูต้องหวาดกลัว เป็นตัวตนทรงอำนาจในการสงครามระหว่างทหารราบ
ปกติมือสไนเปอร์จะยิงออกหนึ่งนัดยามดำเนินปฏิบัติการบั่นเศียร แต่ตอนนี้หยางเสียวจิ่นกำลังยิงปืนสไนเปอร์ของตัวเองราวกับปืนใหญ่ระยะไกลที่ยิงมาอย่างถี่รัว
พอมีสไนเปอร์คอยช่วยเหลือแบบนี้ การโจมตีของเริ่นเสี่ยวซู่ก็รุนแรงได้มากขึ้น มันสร้างความมั่นใจที่จะฆ่าเปิดทางผ่านนาโนแมชชีนได้ให้เขามากกว่าเดิม พวกทหารนาโนแมชชีนพยายามล้อมพวกเขาไว้ แต่ก็โดนการร่วมมือของหยางเสียวจิ่นและเริ่นเสี่ยวซู่ทำให้ล้มเหลวไป
ทหารนาโนแมชชีนนายหนึ่งยกดาบนาโนฟันใส่เริ่นเสี่ยวซู่จากข้างหลัง ทว่าพอยกดาบปุ๊บ ก็โดนกระสุนสไนเปอร์ทรงพลังสังหารไปทันที
ใครก็ตามที่พยายามโจมตีจากข้างหลัง ก็จะโดนกระสุนสไนเปอร์แล่นเข้าใส่ ในชั่วพริบตาเดียวก็ไม่มีทหารนาโนแมชชีนคนไหนกล้ายืนอยู่หลังเริ่นเสี่ยวซู่อีก!
เฉินอู๋ตี๋ที่อยู่ข้างๆ เริ่นเสี่ยวซู่เองก็กำลังเหวี่ยงกระบองทองสารพัดนึกของตัวเองใส่ศัตรู ไม่มีใครทราบว่ามันหนักเท่าไรกันแน่ แต่ทุกครั้งที่ปะทะเข้ากับทหารนาโนแมชชีน ก็ทำให้กระดูกเส้นเอ็นของพวกเขาแตกหักฉีกขาดทันที!
พอชาวป้อมปราการที่กำลังหนีอยู่เห็นภาพนี้ก็ตะลึงตาค้าง นี่เป็นการต่อสู้ที่อยู่แต่ในจินตนาการพวกเขาแล้ว พอ ‘สัตว์ร้ายจักรกล’ เคลื่อนไหว พื้นพสุธาก็เลือนลั่น
และเริ่นเสี่ยวซู่ก็พบว่าตัวทดลองข้างหลังนั้นไล่ตามมาทันแล้ว
เขาเห็นจากมุมสายตาว่ามีตัวทดลองปืนขึ้นตึกที่หยางเสียวจิ่นอยู่เช่นกัน แต่ทันใดนั้น ก็มีประตูเงาเปิดขึ้นบนของชั้นดาดฟ้า
หยางเสียวจิ่นยังคงถือปืนสไนเปอร์ยิงต่อไป เสียงของลั่วซินอวี่ดังผ่านประตูเงามา “เสียวจิ่น รีบหน่อย เลิกช่วยเขาได้แล้ว ถ้าไม่หนีตอนนี้จะไม่ทันแล้วนะ!”
แต่หยางเสียวจิ่นไม่พูดอะไร ทำเพียงลั่นไก โหลดกระสุน ขึ้นลำ และยิงใส่ศัตรูไม่หยุด ต่อให้เธอจะมีร่างกายแข็งแกร่ง ก็ยังถูกแรงถีบจากปืนทำให้บาดเจ็บบ้างแล้ว ทว่าเธอกลับไม่หยุดยิง เพราะถ้าเธอหยุด เริ่นเสี่ยวซู่จะเป็นอย่างไรล่ะ
ลั่วซินอวี่สติแตก “มาเร็ว ตัวทดลองจะปืนขึ้นมาบนดาดฟ้าแล้วเนี่ย นี่เพื่อน ฉันขอร้องล่ะ มันไม่มีเวลาแล้วนะ!”
“แปปหนึ่ง” หยางเสียวจิ่งโยนซองกระสุนทิ้งและใส่อันใหม่ รอบๆ ตัวเธอมีซองกระสุนเรียงรายเต็มไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นเธอยังมีอีกหลายซองอยู่ในเป้หลัง
มือสไนเปอร์ทั่วไปจะพกกระสุนมากแบบเธอไหม ไม่หรอก มีแค่ผู้ที่มีทักษะการใช้ปืนระดับไร้ที่ติเท่านั้นที่ทำให้ปืนสไนเปอร์กลายเป็นอาวุธควบคุมยิงสนับสนุนได้
ตอนนี้ลั่วซินอวี่มีแต่ความกังวลใจเผาไหม้อยู่ในใจ ไม่รู้หยางเสียวจิ่นเป็นอะไรไปถึงไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองแบบนี้!
เวลานี้หยางเสียวจิ่งกำลังมองผ่านกล้องสโคป อยากช่วยเริ่นเสี่ยวซู่กำจัดทุกภัยอันตราย!
แต่วินาทีต่อมา พวกตัวทดลองก็กระโจนขึ้นมาบนดาดฟ้าและกระโดดเข้าใส่หยางเสียวจิ่น!
แม้กระทั่งตอนตัวทดลองอยู่กลางอากาศ หยางเสียวจิ่นก็ยังลั่นไกปืนไม่หยุด!
ขณะที่ปลายกรงเล็บของตัวทดลองกำลังจะถึงเส้นผมของหยางเสียวจิ่นแล้วนั้น เธอก็เอื้อมไปคว้ามือของลั่วซินอวี่และหายไปในชั่วพริบตา!
ตัวทดลองหลายตัวชนกันกลางอากาศบนดาดฟ้าก่อนจะคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว!
พอไม่มีสไนเปอร์คอยยิงคุ้มกันให้เช่นนี้ มันก็ตึงมือเริ่นเสี่ยวซู่อย่างยิ่ง เมื่อพวกทหารนาโนแมชชีนรู้ว่ามือสไนเปอร์ล่าถอยไปแล้ว ก็ตั้งวงล้อมสังหารเริ่นเสี่ยวซู่และเฉินอู๋ตี๋ทันที
เริ่นเสี่ยวซู่พบว่าพลังงานของเกราะตัวเองใกล้หมดแล้ว ระยะห่างระหว่างพวกเขากับตัวทดลองก็ไม่กี่ร้อยเมตร ไม่เห็นทางออกเช่นนี้ เขาได้แต่ถอนหายใจออกมา
และก็อย่างที่หลี่เสินถานว่าไว้ ในวินาทีแห่งความเป็นตาย เพลิงโทสะและพละกำลังจากความไม่ยอมตายนั้นจะเป็นตัวตัดสินใจว่าคนจะอยู่หรือจะตาย!
ถึงเริ่นเสี่ยวซู่จะอ่อนล้ามาก แต่เขายังมีไพ่ไม้ตายอยู่
แม้พละกำลัง 10.5 แต้มจะไม่ได้มากมายอะไร แต่พอเปิดใช้งาน ‘ทลายนคร’ แล้วถือว่าเป็นโลกใบใหม่
แต่ทลายนครเพิ่มพลังได้แค่สามสิบวินาที ดังนั้นเริ่นเสี่ยวซู่จึงมองมันเป็นไพ่ไม้ตายสุดยอดของตน เริ่นเสี่ยวซู่มองว่ามันมีความสำคัญมาก ทว่าไม่ได้สำคัญที่ทลายนครมีผลต่อเขามากน้อยเพียงไร แต่เป็นว่ามันจะเปลี่ยนร่างแยกเงาไปได้มากขนาดไหน!
ดวงตาของเริ่นเสี่ยวซู่แปรเปลี่ยนเป็นสีโลหิต โลกพลันกลายเป็นสีแดงชาด เมื่อโลกใหม่มาถึง โลกใบเก่าย่อมถูกทำลาย
หลังจากเรียกใช้งานทลายนครแล้ว เขาก็เรียกร่างแยกเงาต่อ!
สูตรการคำนวณพลังของร่างแยกเงานั้นตรงไปตรงมามาก คือแข็งแกร่งเป็นสองเท่าของเริ่นเสี่ยวซู่ หลังจากเปิดใช้งานทลายนครแล้ว ร่างแยกเงาจะแข็งแกร่งเป็นสี่เท่าของเขา!
ทันทีที่ร่างเงาแยกออกจากเริ่นเสี่ยวซู่ มันก็พุ่งทะยานไปยังกลุ่มทหารนาโนแมชชีนตรงหน้า มันใช้ดาบทมิฬวาดใส่พวกเขา เคลื่อนไหวสวยงามราวกับการเต้นรำ
ต่อหน้าร่างแยกเงา ทหารนาโนแมชชีนล้มลงทีละคน
ตอนที่ทหารนาโนแมชชีนนายหนึ่งยกดาบนาโนฟันใส่ร่างแยกเงา เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร่างแยกเงาเคลื่อนตัวผ่านเขาไปแล้ว ดาบทมิฬผ่าร่างเขาแยกเป็นสองส่วน
เจ้าสิ่งที่เรียกว่าทลายนครนี้สามารถสะเทือนทั้งนครได้จริงๆ!
ร่างแยกเงาบีบคอทหารนาโนแมชชีนยกขึ้นใช้ต่างโล่ เมื่อพุ่งตัวออกไปจนสุดทาง อาคารพังทลายจากการปะทะ ทุกฝีก้าวสร้างรอยแตกบนพื้น
เงาร่างทมิฬดั่งหมึกไม่ต่างจากมังกรที่ทะยานลงมาบนโลกมนุษย์
บนถนนในป้อมปราการอันไร้ขอบเขต ท่ามกลางฝูงชนที่ตื่นตระหนก ร่างแยกเงาของเด็กหนุ่มกำลังไล่ล่าสังหารคน
การใช้ดาบทมิฬ ทลายนคร และร่างแยกเงาด้วยกัน ได้กลายเป็นพลังอำนาจอันแท้จริงที่อยู่เหนือความสามัญ
ต่อให้จะใช้ได้เพียงสามสิบวินาทีเท่านั้น!
เริ่นเสี่ยวซู่หอบหายใจอย่างหนัก
ทหารนาโนแมชชีนหลายสิบคนไม่อาจต้านทานร่างแยกเงาได้แม้แต่เพียงครึ่งวินาที
ร่างแยกเงายืนอยู่สุดปลายทางถนน รายล้อมด้วยไฟนีออนและความมั่งคั่งที่กำลังแตกสลาย นี่คือโลกที่กำลังถูกทำลาย
ร่างแยกเงายืนนิ่งชี้ดาบทมิฬไปยังทหารนาโนแมชชีนเบื้องหน้า ราวกับกำลังถ่ายทอดปณิธานเหล็กกล้าไปยังโลก!
ถ้าพละกำลังไม่ต่างกันมาก ทหารนาโนแมชชีนพร้อมมีใจสู้รบต่อ แต่ว่าร่างแยกเงานั้นน่าพรั่นพรึงเกินไป ทำให้เขาคิดว่าแม้กองกำลังยานเกราะมาก็ยากจะสั่นสะเทือนพลังนี้ได้
แน่นอน เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าทลายนครนั้นอยู่ได้เพียงสามสิบวินาทีเท่านั้น
ทหารนาโนแมชชีนเริ่มถอยร่น พวกเขาเห็นแล้วด้วยว่าตัวทดลองกำลังเข้าใกล้ ในเมื่อจัดการเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้ก็ต้องล่าถอย
เริ่นเสี่ยวซู่เห็นพวกเขากำลังถอยทัพก็โล่งอก ระยะเวลาแสดงผลของทลายนครใกล้หมดลงแล้ว พละกำลังเขาก็สูญสิ้น พลังงานของเกราะก็ใช้เกือบหมด
เขาถึงขีดจำกัดแล้ว
แต่ทันใดนั้น ก็มีทหารนาโนแมชชีนนายหนึ่งยิงอาร์พีจีมาจากในเงามืด
ทว่าเขาเล็งใส่เฉินอู๋ตี๋ไม่ใช่เริ่นเสี่ยวซู่!
“อู๋ตี๋!” เริ่นเสี่ยวซู่คำราม
“ขอรับ?” เฉินอู๋ตี๋ที่เพิ่งฆ่าทหารนาโนแมชชีนอีกนายหันไปตามเสียงเรียกของอาจารย์
แต่พอหันไป ก็เห็นว่าเริ่นเสี่ยวซู่กำลังทะยานเข้ามาหาเขา ท่านอาจารย์ที่บอกว่าตัวเองไม่ใช่คนดีผู้นี้เหมือนเป็นวีรบุรุษที่ทะยานลงมาจากเบื้องบน ทะยานลงมาปกป้องความฝันอันบอบบางของเด็กน้อยที่จิตใจเจ็บป่วย เพราะว่าความฝันของเด็กน้อยนั้นคือการได้เป็นวีรบุรุษและได้เป็นคนดี
แต่อาจารย์ ดูอย่างไรท่านก็เป็นคนดี เป็นคนดีที่สุดในโลก
เกราะทั่วร่างเริ่นเสี่ยวซู่แปรรูปก่อตัวเบื้องหน้าเขา ราวกับเริ่นเสี่ยวซู่กำลังถือโล่สวรรค์ปกป้องอยู่หน้าเฉินอู๋ตี๋!
เขาพยายามต้านอาร์พีจีด้วยการใช้พลังทั้งหมดของเกราะนาโน!
เกิดเสียงตู้มดังสนั่น เริ่นเสี่ยวซู่และเฉินอู๋ตี๋ถูกคลื่นกระแทกอย่างแรงจนปลิวกระเด็น ส่วนเกราะนั้นโดนระเบิดแหลกเป็นชิ้นๆ
เฉินอู๋ตี๋ผุดลุกขึ้นจากพื้นและตะโกน “ท่านอาจารย์!”
เกราะที่แหลกลาญไปแล้วอ่อนตัวเป็นของเหลวและไหลกลับไปหาเริ่นเสี่ยวซู่ที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น