the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 325 มองดูหม้อสิ ทั้งกลมทั้งใหญ่
“ที่นั่นมีอะไรให้ขาย” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “ป้อมปราการ 178 อยู่ในสถานที่เปลี่ยวร้างมากไม่ใช่เหรอ”
“พื้นที่รอบๆ เปลี่ยวร้างก็จริง” สูเสี่ยนฉู่ตอบ “แต่ว่ายังมีหลายอย่างที่ฉันบอกตอนนี้ไม่ได้ เป็นความลับน่ะ”
เพราะว่าเป็นความลับ เริ่นเสี่ยวซู่เลยคิดว่าน่าจะเป็นของสำคัญมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นสูเสี่ยนฉู่คงไม่จริงจังขนาดนี้
“ตะวันตกเฉียงเหนือปลอดภัยไหม” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
“บางทีก็ปลอดภัย บางครั้งก็ไม่” สูเสี่ยนฉู่ยิ้มว่า “แล้วแต่สถานการณ์ แต่ช่วงนี้ทางเหนือ…ช่างเหอะ ฉันพูดมากไม่ได้”
“งั้นไม่เป็นไร” เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าความลับที่ป้อมปราการ 178 เก็บไว้ต้องเกี่ยวข้องกับที่จางจิ่งหลินออกจากป้อมปราการ 178 อะไรกันนะถึงทำให้จางจิ่นหลินรู้สึกว่าตัวเองอยู่ป้อมปราการ 178 ไปก็ไร้ค่า
จางจิ่งหลินเคยกล่าวกับเหยียนลิ่วหยวนว่ามนุษย์ไม่เคยช่วยมนุษยชาติ
ตอนนั้นเขาต้องการสื่ออะไรนะ
แต่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่เริ่นเสี่ยวซู่ต้องไปสนใจอยู่ดี เขาหันมองสูเสี่ยนฉู่และว่า “นี่…ช่วงนี้ได้ยินอะไรไหม”
สูเสี่ยนฉู่ผงะ “ได้ยินอะไรเหรอ”
“ฮ่าๆ” เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะ “ไม่มีอะไรหรอกงั้น”
จากนั้นสูเสี่ยนฉู่ก็ว่า “อ้อใช่ ฉันมีข่าวใหญ่จะบอกนายด้วย พลังดั้งเดิมของฉันคือเรียกร่างแยกเงา นายรู้ใช่ไหม”
“อ่าฮะ” เริ่นเสี่ยวซู่ “รู้อยู่”
“ตอนนี้เงาที่ฉันเรียกได้มีหม้อเพิ่มมาด้วย!” สูเสี่ยนฉู่พูดอย่างตื่นเต้น “เจ้าหม้อนี้แข็งแกร่งมากเลย ถึงกับป้องกันอาร์พีจีได้ด้วย!”
จากนั้นร่างแยกเงาของสูเสี่ยนฉู่ก็ปรากฎตัวขึ้น มันยืนนิ่งในลานบ้านพร้อมกับหม้อดำลอยเวียนอยู่ข้างหลัง
เจ้าหม้อนี้ใหญ่มาก ใหญ่จนขนาดยัดคนเข้าไปได้ทั้งคน
เริ่นเสี่ยวซู่มองหม้อนั่นด้วยสายตาว่างเปล่า “เชี่ย…”[1]
สูเสี่ยนฉู่ตื่นเต้นไม่น้อย “อย่าดูถูกเจ้าหม้อดำนี่นะ รู้เปล่า ใช้เป็นโล่กันกระสุนก็ได้ ใช้ทุบหัวคนก็ได้ พลังไร้ประมาณ ใช้งานแบบแจ่มๆ ได้หลากหลาย ฉันเอาไปใช้ผัดผักยังได้เลย! ตอนนำทหารเข้าทะเลทรายโกบีก็ไม่ต้องพกของไปเยอะแยะ สะดวกมากเลย!”
“อืม สะดวกจริงๆ” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า
ทันใดนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็รู้สึกว่าหม้อมันหน้าตาคุ้นๆ นี่มันหม้อเหล็กดำที่เขาเคยใช้จับนกกระจอกแต่ฉบับใหญ่กว่าไม่ใช่เหรอ
เดี๋ยวก่อนนะ! พอเริ่นเสี่ยวซู่ตั้งใจดูก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเพราะเขาเห็นรอยร้าวเล็กๆ บนหม้อของสูเสี่ยนฉู่ ตอนนั้นเขาเคยเผลอทำหม้อหล่นจนมีรอยร้าวเล็กๆ แต่ว่าก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ ถ้านี่เป็นหม้อที่เงาสร้างขึ้นมาเอง ทำไมถึงมีรอยร้าวได้ล่ะ
สีหน้าเริ่นเสี่ยวซู่เคร่งเครียดและประหลาดกว่าเดิม ขณะเดียวกันสูเสี่ยนฉู่ก็ยังอวดพลังตัวเองไม่หยุด “อาจจะเป็นเพราะพลังฉันแข็งแกร่งขึ้น เจ้าหม้อนี่เลยใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สงสัยจังว่าในอนาคตจะใหญ่ได้ขนาดไหน ถ้าใหญ่จนใช้รับกระสุนปืนใหญ่ได้ก็แจ่มเลย!”
เริ่นเสี่ยวซู่พูดด้วยอารมณ์สับสน “ใช่ล่ะ คงใหญ่ขึ้นแหละ…”
เริ่นเสี่ยวซู่รู้ในพลันว่าหม้อของสูเสี่ยนฉู่ต้องโผล่มาเพราะเขาโยนความผิดทุกอย่างให้สูเสี่ยนฉู่แน่ๆ แล้วถ้ายิ่งเขาโยนความผิดให้สูเสี่ยนฉู่ เจ้าหม้อก็มีแต่จะใหญ่ขึ้น เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ถ้าสูเสี่ยนฉู่อยากให้หม้อตัวเองใหญ่ขึ้น ในฐานะที่เป็นเพื่อนกันก็ต้องสนองเสียหน่อย
ส่วนที่ว่าทำไมนั้น เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย แต่ตราบใดที่เขาโยนความผิดให้สูเสี่ยนฉู่ สูเสี่ยนฉู่ก็จะเสกหม้อขึ้นมาได้แหละมั้ง
หลักการมันคืออะไรเนี่ย นี่โคตรไม่สมเหตุสมผลเลย!
หลัวหลานที่อยู่ในลานบ้านอีกหลังพลันเอ้ย “อ้อใช่ ขอบคุณนะเหลาสู่…”
หลัวหลานที่ปีนกำแพงอยู่อีกด้านเตรียมจะพูดอะไรบางอยบ่าง แต่ถูกเริ่นเสี่ยวซู่คำรามใส่เสียก่อน “กลับไปนอนได้แล้วไป ฉันกำลังคุยกับเพื่อน ไม่ต้องเอาเรื่องสมาคมตระกูลชิ่งมากวนพวกเรา ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกเขาจะไม่จับมือเป็นพันธมิตรกับสมาคมตระกูลหยางน่ะ”
หลัวหลานสบถและลดหัวลงไป ทหารที่ทำหน้าที่แบกเขาอยู่หลังกำแพงพ่นลมหายใจ
พอเริ่นเสี่ยวซู่เห็นว่าหลัวหลานไปแล้วก็โล่งอกได้ในที่สุด เขากังวลอยู่หน่อยๆ ว่า หลัวหลานจะจู่ๆ ก็พูดถึง ‘เหลาสู่’ ที่ช่วยเขาที่ป้อมปราการ 109
ถ้าเขาพูดขึ้นมา สูเสี่ยนฉู่ต้องนึกทุกอย่างออกแน่!
สูเสี่ยนฉู่ดูสับสน “เขาขอบคุณฉันทำไมน่ะ”
เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะและว่า “ขอบคุณที่ไม่จับมือเป็นพันธมิตรกับสมาคมตระกูลหยางแหละมั้ง ไม่ต้องสนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้หรอก”
“อืม ได้” สูเสี่ยนฉู่พลันกระซิบ “เสี่ยวซู่ ทำไมไม่ตามฉันกลับไปป้อมปราการ 178 ล่ะ คนที่นั่นนิสัยไม่เลวเลย ฉันเคยอาศัยอยู่ในป้อมปราการมาก่อน ย่อมรู้อยู่แล้วว่าคนในป้อมปราการ 178 ต่างออกไป”
เริ่นเสี่ยวซู่คิดพักหนึ่งและว่า “นายพาไปได้กี่คน”
“นายมีคนเท่าไร” สูเสี่ยนฉู่ถาม
“สามสิบ” เริ่นเสี่ยวซู่ตอบ
“งั้นฉันตัดสินใจเองไม่ได้” สูเสี่ยนฉู่ถาม “งานหลักของฉันคือมาต่อรองกับสมาคมตระกูลหยาง สัปดาห์หน้าจะให้ฉันกลับไปแจ้งผู้บัญชาการหยางเรื่องนี้ไหม”
เริ่นเสี่ยวซู่พิจารณาอย่างจริงจังแล้วว่า “ได้สิ”
แต่หลังจากคืนนี้ไป พอหยางอวี้อันได้รู้แล้วว่าเริ่นเสี่ยวซู่สำคัญแค่ไหน เขาคงไม่ปล่อยเริ่นเสี่ยวซู่ไปง่ายๆ ดังนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ต้องเตรียมตัวให้ดีนับแต่นี้ไป แผนการหนึ่งคือตามหลัวหลานไปตอนชิ่งเจิ่นส่งคนมาช่วย อีกแผนคือพึ่งการต่อรองกันให้สำเร็จระหว่างสูเสี่ยนฉู่ จางจิ่งหลิน และสมาคมตระกูลหยาง
ไม่ว่าแผนการไหนจะสำเร็จ เขาก็ต้องใช้โอกาสนั้นให้ได้ ทว่ามีอย่างหนึ่งที่ทำให้เริ่นเสี่ยวซู่ลังเลใจ แต่เขายังมีเวลาเหลือจึงยังไม่ได้ให้ความสนใจนัก
…
การมาถึงของสูเสี่ยนฉู่มาเปิดชีวิตบทเล็กๆ ใหม่ให้แก่เริ่นเสี่ยวซู่ และก็ยังมอบความไปได้ในอนาคตที่เขาต้องคิดด้วย
แต่ว่าสูเสี่ยนฉู่ไม่อยู่ในป้อมปราการ 88 นานนัก หลังจากเขา สมาคมตระกูลหยาง และสมาคมตระกูลจงตกลงจะปราบโจรป่าได้แล้วก็กลับไปรายงานทันที
มีคนใช้โอกาสนี้ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเริ่นเสี่ยวซู่ ทว่าสุดท้ายสูเสี่ยนฉู่ก็พูดเพียงว่าตนเองติดหนี้เริ่นเสี่ยวซู่ และเป็นเริ่นเสี่ยวซู่ที่ทำให้เขาไปอยู่ในป้อมปราการ 178 ได้
พอเรื่องนี้เปิดเผยออกมา คนไม่น้อยก็ตะลึงไป เริ่นเสี่ยวซู่มีเบื้องหลังอะไรกันแน่ ถึงกลับสามารถแนะนำคนให้ไปป้อมปราการ 178 ได้
พูดตามตรง จะให้ชาวป้อมปราการหางานให้ญาติพี่น้องได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ไปๆ มาๆ เริ่นเสี่ยวซู่กลับสามารถมองข้ามสายการบังคับบัญชาและเลื่อนคนให้กลายเป็นนายทหารได้เลย?
แต่สูเสี่ยนฉู่ไม่พูดถึงรายละเอียดไปมากกว่านี้ ทุกคนเลยไม่รู้ว่าเริ่นเสี่ยวซู่ทำได้อย่างไร
หลังจากสูเสี่ยนฉู่กลับไปแล้ว ชีวิตเริ่นเสี่ยวซู่ก็กลับมาเป็นปกติ มันยังไม่ถึงเวลาที่หยางเสียวจิ่นกับเขาจะออกไปปราบโจร เขาจึงอ่านหนังสือและฝึกวิชาต่อสู้อย่างมีความสุขทุกวัน
เรื่องน่าแปลกใจคือหญิงนามโจวอิ๋งเสวียโผล่หน้ามาอีกครั้งหลังจากหายไปสัปดาห์หนึ่ง แต่หญิงผู้นี้เหมือนตั้งใจแล้วว่าจะตามเริ่นเสี่ยวซู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เขาไปห้องสมุดก็จะเจอเธอที่นั่น
เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าต้องเป็นหยางอวี้อันแน่ที่สั่งให้เธอเข้าหาเขาอีกครั้งเพื่อสืบหาข้อมูลที่ใช้งานได้
[1] การเป็นแพะรับบาป หากแปลตรงตัวในภาษาจีนคือการต้อง ‘แบกหม้อดำ’