the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 333 ในบ้านมีเหมืองแร่
ถ้าเหยียนลิ่วหยวนไม่มีนาโนแมชชีนเขาคงได้ตายไปแล้ว เสี่ยวอวี้และหวังต้าหลงก็คงพิการ และที่พละกำลังเขาไม่เพิ่มเหมือนผู้อื่นหลังกลายมาเป็นผู้มีพลังพิเศษก็เพราะการนี้เอง โลกตั้งใจกันไม่ให้เขาใช้พลังตามใจ
นี่มันควรเป็นจุดอ่อนของเขา แต่เริ่นเสี่ยวซู่ช่วยเขากำจัดมัน จะบอกว่าโชคชะตาเขาเปลี่ยนไปแล้วก็ไม่เกินไป
เสี่ยวอวี้ไม่พูดอะไร เธอสัมผัสได้ถึงสัตว์ร้ายในหัวใจเหยียนลิ่วหยวนที่ก่อนหน้านี้โดนเริ่นเสี่ยวซู่ฉุดรั้งไว้ไม่ให้ออกมาโจมตีผู้อื่น แต่เธอไม่รู้วิธีจะหยุดสัตว์ร้ายตัวนี้ เธอรู้แต่ว่าเหยียนลิ่วหยวนไม่ควรเป็นเช่นนี้
ไม่กี่นาทีให้หลัง จู่ๆ ก็มีป้ายไฟนีออนหล่นลงมาเพราะตะปูหลวม
เหยียนลิ่วหยวนดึงเสี่ยวอวี้และหวังต้าหลงเลี่ยงอุบัติเหตุอีกครั้ง
เสี่ยวอวี้ถามเสี่ยวค่อย “รอบนี้เป็นใคร”
“พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก” เหยียนลิ่วหยวนตอบ
“เธอหยุดฆ่าคนได้ไหม” เสี่ยวอวี้กล่าวกับเหยียนลิ่วหยวน
“ไม่ได้” เหยียนลิ่วหยวนส่ายหน้า เขากระหน่ำทุบอกตัวเอง “ในอกผมมีอะไรอัดอั้นอยู่ข้างใน ผมรู้สึกอึดอัดมาก และดูเหมือนผมจะระบายออกไปไม่ได้ด้วย”
เสี่ยวอวี้ร้องไห้ออกมาทันที “ลิ่วหยวน พอได้แล้ว ฉันไม่มีค่าให้พอเธอทำแบบนี้หรอก เป็นความผิดฉันเอง ให้ฉันรับผิดชอบเถอะ”
เหยียนลิ่วหยวนมองเธออย่างดื้อรั้น “ไม่ พี่มีค่าพอให้ทำ”
จากนั้นเหยียนลิ่วหยวนก็ยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้เธอ “ไม่ต้องร้องไห้นะ ผมฆ่าเธอไปแล้ว และจะส่งคนในครอบครัวลงนรกไปเป็นเพื่อนเธอด้วย”
เสี่ยวอวี้ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรต่อแล้ว ไม่มีเริ่นเสี่ยวซู่อยู่ด้วย ก็ไม่มีใครคอยหยุดรั้งเหยียนลิ่วหยวนอีก
เสี่ยวอวี้เห็นรังสีฆ่าฟันของเหยียนลิ่วหยวนเพิ่มพูนขึ้นก็เข้าไปกอดเขาแน่น “จำที่พี่ชายเธอพูดได้ไหม ที่ว่าอย่าปล่อยให้ความทุกขเวทนาของยุคเรา กลายเป็นความทุกขเวทนาของตัวเองน่ะ”
ชื่อของเริ่นเสี่ยวซู่ดูมีผลลัพธ์มหัศจรรย์ต่อเหยียนลิ่วหยวน ดูเหมือนว่าประโยคนี้พูดแตะจุดบอบบางในใจของเหยียนลิ่วหยวน
เมื่อเสี่ยวอวี้พูดเรื่องนี้ไป ในที่สุดเหยียนลิ่วหยวนก็สงบจิตใจลงได้
ภรรยาของผู้อำนวยกองดูแลความสงบเรียบร้อยประสบอุบัติเหตุรถชนจนเสียชีวิต เหตุการณ์นี้ทำให้ป้อมปราการฮือฮาขึ้นมาไม่น้อย มีคนพูดว่าภรรยาของผู้อำนวยการพุ่งออกมาบนถนนเพราะกำลังตามหาคนที่เธอมีปากเสียงด้วยในป้อมปราการ
ผู้อำนวยการกองดูแลความสงบเรียบร้อยระเบิดโทสะอยู่ในสำนักงานและสาบานว่าจะลงโทษฆาตกรให้หนัก เขาถึงกับอยากจะตามตัวนักเรียนและผู้ปกครองที่ตบภรรยาเขาในโรงเรียนออกมาด้วย!
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้สืบสวนอย่างเต็มที่ หยางอวี้อันก็เรียกเขามาตำหนิที่คฤหาสน์ตระกูลหยาง บอกว่าเขาไม่รู้จักสั่งสอนเพื่อนฝูง ครอบครัว และภรรยาให้ดี หยางอวี้อันยังพูดด้วยว่าในฐานะที่เป็นผู้อำนวยกองดูแลความสงบเรียบร้อยก็ย่อมต้องรู้จักแยกอะไรขาวอะไรดำ ถ้ายังสร้างปัญหาไปมากกว่านี้ หยางอวี้อันจะถอดตำแหน่งผู้อำนวยกองดูแลความสงบเรียบร้อยของเขาเสีย!
ดูแล้วหยางอวี้อันจะทำตามคำตำหนิจริงๆ ด้วย
แต่ผู้อำนวยการกองดูแลความสงบเรียบร้อยรู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องมีเหตุผลแน่ หยางอวี้อันไม่ใช่คนที่จะมาตำหนิเขาเรื่อง ‘ความยุติธรรม’ เรื่องนี้ต้องกระทบผลประโยชน์ของหยางอวี้อันแน่นอน!
เขาที่สงบใจลงได้แล้วก็นึกย้อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทันใดนั้นเขาก็นึกออกว่ามีคนพูดว่าผู้อพยพเป็นคนก่อเรื่อง!
แต่เดี๋ยวนะ ในป้อมปราการมีผู้อพยพไม่มาก
หลายปีมานี้ ผู้อพยพที่เข้าป้อมปราการมาได้มีน้อยกว่าสิบคน จะหาตัวว่าเป็นใครนั้นง่ายมาก แต่รู้สึกว่าจะมีผู้อพยพวัยเยาว์คนหนึ่งที่กำลังเป็นที่สนใจในช่วงนี้
เดี๋ยวสิ! มันเพิ่งมีผู้อพยพกลุ่มหนึ่งเข้าป้อมปราการมานี่!
สุดท้ายเขาก็ส่งคนไปสืบเรื่องนี้ พอเจอข้อเท็จจริงว่าเด็กหนุ่มที่ทะเลาะกับภรรยาเขาที่จริงเป็นน้องชายของเริ่นเสี่ยวซู่ก็ตะลึงไป! หลังจากรู้เรื่องราวแล้วก็เข้าใจทันทีว่าทำไมคราวนี้หยางอวี้อันไม่เข้าข้างตน
ทว่าปฏิกิริยาแรกเขาไม่ใช่เอาตำแหน่งผู้อำนวยการกองดูแลความสงบเรียบร้อยไปเสี่ยงหรือจะไปล้างแค้นให้ภรรยา แต่แค่ลอบก่นด่าในใจว่าภรรยาตนเองเป็นผู้หญิงโง่งม จากนั้นเขาก็สั่งให้ลูกน้องหยุดสืบสวนเรื่องนี้ ไม่ว่าในโรงเรียนจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับอุบัติเหตุรถยนต์ ยัยโง่นี่ทำตัวเองที่ไม่ยอมทำตามกฎจราจร ตัวเองทำตัวเองตายไม่เกี่ยวกับใครอื่นอีก
คดีถูกปิดไปเช่นนี้ ทั้งป้อมปราการก็เกิดความโกลาหลทันที คนที่รู้ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมผู้อำนวยการกองดูแลความสงบเรียบร้อยถึงหันหน้าหนีไม่ยอมสืบสวนต่อ ส่วนคนที่ไม่รู้ เขานึกว่าเขารอให้ภรรยาตายมานานแล้ว
แต่ที่ทุกคนตะลึงที่สุดคือผู้อำนวยการกองดูแลความสงบเรียบน้อยถึงกับไปขอโทษเหยียนลิ่วหยวนและเสี่ยวอวี้ถึงที่ แต่ว่าเหยียนลิ่วหยวนปิดประตูแน่นไม่ยอมออกมาพบเขา
ครูใหญ่เองก็มาหาที่บ้านเขาด้วย แต่หวังฟู่กุ้ยเป็นคนออกไปรับหน้าจัดการให้เหยียนลิ่วหยวนและหวังต้าหลงลาออกจากโรงเรียน
สุดท้ายคนวงในทุกคนก็ทราบเรื่องนี้ กลับกลายเป็นว่าผู้อพยพเริ่นเสี่ยวซู่เป็นลูกศิษย์ของจางจิ่งหลิน
ถึงว่าทำไมถึงสามารถแนะนำสูเสี่ยนฉู่ให้ป้อมปราการ 178 ได้!
…
ขณะเดียวกันกลุ่มปราบโจรที่เริ่นเสี่ยวซู่อยู่ด้วยก็มาถึงป้อมปราการแรกของการเดินทางแล้ว ทุกคนใช้เวลาพักใหญ่เพื่อทำงานซ่อมบำรุงอย่างเร่งด่วนก่อนจะเดินทางขึ้นเหนือต่อ
หลังจากเข้ามาในป้อมปราการ เริ่นเสี่ยวซู่ก็ไม่ทำอะไรนอกจากไปร้านทองโดยใช้ตำแหน่งคนในกองกำลังปราบโจรของทางการแลกเปลี่ยนเงินที่เสื่อมค่าไปของสมาคมตระกูลหลี่และชิ่ง แต่เพราะเขากำลังรีบเลยไม่ได้แลกมามากนัก
และระหว่างนี้หยางเสียวจิ่นก็หายตัวไปพักหนึ่ง ดูแล้วเธอคงไปพบสายลับที่ผู้ก่อจลาจลวางตัวไว้ที่นี่ ส่วนจงเฉิงก็อยู่ในคณะเดินทาง ยินดีรอคอยคนอื่นๆ กลับมา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่สุภาพเรียบร้อยเก่งกาจผู้ซึ่งมั่นใจในตนเองแต่ก็เป็นมิตรกับผู้อื่น
ระหว่างเดินทาง เขาพยายามจะคุยกับเริ่นเสี่ยวซู่และหยางเสียวจิ่น ขณะที่หยางเสียวจิ่นคร้านจะสนใจ แต่เริ่นเสี่ยวซู่กับจงเฉิงนี่พูดคุยจนแทบจะเป็นพี่น้องกันแล้ว
คนของสมาคมตระกูลจงที่เดินทางมาด้วยมีหกสิบกว่านาย และแยกกันอยู่ในรถบรรทุกทหารสองคัน คนของสมาคมตระกูลจงจะทำหน้าที่ทั่วไปอย่างการทำอาหารในการเดินทาง
ทหารนาโนแมชชีนสำแดงความเย่อหยิ่ง ยอมทำตัวดีๆ ต่อเฉพาะหยางเสียวจิ่น เริ่นเสี่ยวซู่ และจงเฉิงเท่านั้น แต่พอทหารธรรมดาไปพูดคุยด้วยก็เมินไปอย่างสิ้นเชิง
เริ่นเสี่ยวซู่ได้โอกาสก็ถามหยางเสียวจิ่น “นี่ ทำไมคนถึงสนใจป้อมปราการ 178 จังล่ะ เพราะพวกเขาสู้เก่งกาจมากเหรอ”
หยางเสียวจิ่นอธิบาย “ในการสงครามยุคปัจจุบัน ไม่ว่านายจะสู้รบเก่งขนาดไหนก็สู้ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีเงิน รอบนอกป้อมปราการ 178 มีโรงงานทหารที่สำคัญมากๆ อยู่สี่แห่ง นายอาจจะไม่รู้ แต่ว่าในพื้นที่ที่ป้อมปราการ 178 ควบคุมอยู่พบแร่มากกว่าสามสิบประเภท ธัญพืชสำรองในยุ้งฉางของป้อมปราการ 178 อยู่อันดับแรกในทั้งระบบป้อมปราการ แร่บางประเภทคาดการณ์กันว่ามีสำรองถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์”
หยางเสียวจิ่นพูดต่อ “อีกอย่างปริมาณน้ำมันสำรองที่พวกเขาเข้าถึงได้มีมากเท่ากับสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของที่ป้อมปราการทั้งระบบมี การพัฒนาปัจจุบันต้องใช้แร่ต่างๆ และแหล่งพลัง ซึ่งล้วนเป็นของที่ใช้แล้วหมดไป”
เริ่นเสี่ยวซู่ตาค้าง เขานึกว่าป้อมปราการ 178 จะยากจนมากๆ เสียอีก อย่างไรที่นั่นก็ตั้งอยู่ในสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมโหดร้าย ฟังแล้วดูยังไงก็เป็นพื้นที่ยากจนมากๆ แต่ไม่นึกเลยว่าป้อมปราการ 178 จะร่ำรวยขนาดนี้!
แต่คิดดูแล้ว คนเราจะสู้รบชนะด้วยแต่ความกล้าหาญอย่างเดียวไม่ได้หรอก การสู้รบล้วนเป็นเรื่องเงิน และเหตุผลที่ว่าทำไมป้อมปราการ 178 ยังอยู่ครบสมบูรณ์ในตะวันตกเฉียงเฉียงได้โดยไม่พึ่งพาสมาคมอื่นๆ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่เข้าสังคมหรือเย่อหยิ่งอะไรหรอก แต่เป็นเพราะในบ้านมีเหมืองแร่ต่างหาก!