the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 347 วินัยเคร่งครัด
ใช ้แรงงานทั้งวันเป็ นขีดจากัดของผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว ซึ่งก็ไม่ใช่ ว่าเริ่นเสี่ยวซู่พยายามบีบให้เขาทางานให้มากที่สุดด้วย ดังนั้นเลยไม่ คิดจะให้พวกเขาทางานจนหมดเรี่ยวหมดแรงไปอย่างสิ้นเชิง เขาแค่ อยากให้พวกโจรเหนื่อยจนได้ไม่มีกะจิตกะใจไปคิดเรื่องผลประโยชน์ ส่วนตนและเริ่มยอมรับความคิดใหม่ๆ ใส่หัว
โจรบางคนก็ค่อยๆ ปรับแนวคิดไป แต่บางคนก็ดื้อรั้นขี้ระแวงทุก อย่าง ทว่าเพราะการได้เข้าไปในป้ อมปราการ 178 มันยั่วยวนใจ จึง ตัดสินใจจะจับตาดูกันต่อไป
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่คิดว่าตัวเองเป็ นพระเจ้าที่สามารถควบคุม พฤติกรรมของทุกคนได้ เขาไม่รีบไม่ร ้อน ด้วยว่ายังมีเวลาอีกมาก
ตอนเย็นนี้หยางเสียวจิ่นไม่ได้สอนเกี่ยวกับอาวุธปืนให้พวกเขา จินเหลียนและโจรคนอื่นๆ ที่ยิงปื นเป็ นแต่ผิวเผินเฝ้ ารอชั้นเรียน วิชาการใช ้ปืนที่สุดแล้ว ตอนที่หยางเสียวจิ่นสู้กับพวกเขา เธอแสดง ให้เห็นถึงการยิงปืนอย่างเหนือชั้น ดังนั้นพอหยางเสียวจิ่นบอกว่าให้ ทุกคนเข้ารับการสอนจากเธอก็ตื่นเต้นกันมาก
แต่หยางเสียวจิ่นพูดกับพวกเขาว่า “ฉันจะบอกวินัยห้าข้อของ กลุ่มเรา ทุกคนต้องจาให้ขึ้นใจห้ามพลาดแม้แต่คาเดียว”
จินเหลียนเริ่มวิตกแล้ว ทาไมพวกเขาต้องจาข้อวินัยด้วย สมัย เรียนที่เมืองน้อยเมื่อก่อนนู้นเขากลัวการท่องจาบทเรียนที่สุดเลย นี่ มาเป็ นโจรแล้วก็ยังมิวายต้องมีอะไรให้ท่องจ าอีกเหรอ
จินเหลียนถาม “เอ่อ…พี่สะใภ้!”
หยางเสียวจิ่นเลิกคิ้วกับคาเรียกนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร “มีอะไร”
“พี่ใหญ่บอกให้พวกเราเรียนเรื่องปืนไม่ใช่เหรอ” จินเหลียนพูด อย่างวิตก “ทาไมพวกเรายังต้องจาวินัยอะไรพวกนี้อีก”
หยางเสียวจิ่นแค่นเสียง “คิดว่าตัวเองมีปืนกับตัวเหรอไง ไม่มีปืน แล้วจะเรียนวิชาการใช้ปืนได้ยังไง”
พวกโจรชะงักงัน พวกเขาต้องเก็บกระสุนให้ครบจ านวนถึงได้ อาวุธและก็เรียนวิชาการใช้ปื นได้ จินเหลียนจับกระสุนสามนัดใน กระเป๋ าด้วยความขมขื่น และคิดว่าต้องใช ้เวลาอีกยี่สิบกว่าวันแนะถึง จะเรียนวิชาการใช้ปืนได้
จากนั้นหยางเสียวจิ่นก็ว่า “คนที่แลกปืนมาได้แล้วจะเข้าเรียน วิชาการใช้ปืน อยากรู้จริงๆ ว่าจะมีใครเหมาะจะเป็ นมือสไนเปอร์ไหม”
จินเหลียนตาทอประกายในพลัน “พี่สะใภ้สอนเราใช ้ปืนสไนเปอร์ ได้ด้วยเหรอ”
หยางเสียวจิ่นพูดเสียงนิ่ง “อย่างเพิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องไป สไนเปอร ์ ต้องใช ้พรสวรรค์แต่กาเนิด มีแค่สองสามคนในสองร ้อยคนที่ถูกเลือก ให้ฝึกการเป็ นมือสไนเปอร ์อย่าเพิ่งหวังมากนักเลย”
หยางเสียวจิ่นตั้งใจให้ความหวังพวกเขาก่อนจะเป็ นคนดับ ความหวังนั้นด้วยตัวเอง
แต่ความเฟ้ อฝันนั้นจะดับไปง่ายๆ ได้อย่างไร ตอนที่จินเหลียนได้ ยินว่ามีพวกเขาสองสามคนสามารถเป็ นมือสไนเปอร ์ได้นั้น เขาพลัน คิดทันทีว่าตนเองอาจจะเป็ นหนึ่งในผู้ถูกเลือก
ก่อนที่จะเจอกาแพงอิฐแห่งความเป็ นจริง ทุกคนก็หวังทั้งนั้นว่า ตัวเองจะเป็ นผู้โชคดี!
นี่กาลังพูดถึงบทบาทการเป็ นมือสไนเปอร ์เชียวนะ แค่คิดก็ ตื่นเต้นแล้ว ผู้ชายหยาบกร ้านทุกคนนิยมชมชอบปืนเพราะมันเป็ น ตัวแทนแห่งพลัง ความมั่นคง และอานาจกันทั้งนั้น และสไนเปอร ์ก็คือ จุดยอดสุดของปืน
หยางเสียวจิ่นมองพวกเขา “ดีใจตอนนี้ยังเร็วไป จาวินัยข้อแรก ให้ได้ก่อนเถอะ ไม่อย่างนั้นอย่าคิดจะได้จับปืนเลย”
จินเหลียนกระซิบ “พี่สะใภ้ครับ ขอผมดูปืนสไนเปอร ์พี่หน่อยได้ ไหม ผมยังไม่ได้มีโอกาสได้เห็นใกล้ๆ เลย”
หยางเสียวจิ่นจ้องหน้าเขา ก่อนจะดึงปืนออกมาจากอากาศว่าง เปล่า จินเหลียนและคนอื่นๆ เห็นแล้วก็อ้าปากค้าง แม่*สองคนนี้เป็ นผู้ มีพลังพิเศษกันหมดเลย!
ตอนแรกพวกเขานึกว่าหยางเสียวจิ่นเป็ นแค่พลสไนเปอร ์ ธรรมดาเฉยๆ ใครจะคิดว่าเธอจะดึงปืนสไนเปอร ์ออกมาจากอากาศ ธาตุได้จริงๆ ถึงว่าทาไมพวกเขาไม่เห็นเลยว่าเธอซ่อนปืนไว้ที่ไหน
หยางเสียวจิ่นเก็บปืนสไนเปอร ์ไปและว่า “ตอนนี้ฉันจะพูดถึงข้อ วินัยแล้ว ข้อแรก เชื่อฟังคาสั่งและปฏิบัติโดยไม่มีผิดพลาด…”
หลังจากท่องไปมาหลายต่อหลายรอบ พวกโจรสมองทึบก็ยังจ า ไม่ได้เสียที หยางเสียวจิ่นให้จินเหลียนใช ้กิ่งไม้เขียนวินัยห้าข้อลงบน พื้น พวกเขาไม่จาเป็ นต้องเข้าใจก็ได้ แต่ต้องจาให้ได้
พอพวกเขาเริ่มพยายามจาข้อวินัยกัน หยางเสียวจิ่นก็เดินไปหา เริ่นเสี่ยวซู่ที่อยู่ไม่ไกลนัก “พวกเรากาลังทาให้พวกเขาลาบากจริงๆ”
เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะฮาฮา “ไม่มีวินัยก็ไม่มีกองทัพ เป็ นของที่ยังไง พวกเขาก็ต้องเจอ ไม่มีทางเลือกอื่น”
หยางเสียวจิ่นพูดเสียงนิ่ง “ไม่กลัวว่าพวกเขาจะยกธงขาวแยก ย้ายกันไปจริงๆ เหรอ”
“จะมีอะไรให้กลัว” เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้ม “ตั้งแต่โบราณมา อาจารย์ เคร่งครัดสรรสร ้างนักเรียนโดดเด่น บิดามารดาเคร่งครัดสั่งสอนบุตร ธิดากตัญญู วินัยเคร่งครัดก่อตั้งกองทัพแข็งแกร่ง เธออาจคิดว่า
ความล าบากจะท าลายพวกเขาให้แยกจาก แต่ฉันคิดว่าความล าบาก จะท าให้พวกเขาสนิทกลมเกลียวกว่าเดิม”
ส าหรับกองทัพแล้ววินัยคืออะไร วินัยคือจรรยาบรรณ คือพลังรบ ที่ปรากฏมาเป็ นรูปลักษณ์ คือขวัญกาลังใจของเหล่าทหาร คือ ภาพลักษณ์และเกียรติยศของหน่วย
มันไม่ได้ไร ้ค่าเลย ในทางกลับกัน เริ่นเสี่ยวซู่เชื่อว่าไม่มีกองทัพ ใดธารงอยู่ได้โดยไม่มีวินัย ภาพอันไร ้ระเบียบของกองกาลังส่วนตัวที่ เห็นเป็ นครั้งแรกยังคงจาติดตาเขาอยู่ และภาพทหารของชิ่งเจิ่นมาก วินัยที่ทาให้เขาตะลึงยังไม่สร่างจากห้วงจิต
วินัยคืออุดมการณ์ก้าวแรก หลังจากได้มาแล้วถึงพูดเรื่องสมัคร สมานสามัคคีหรือเกียรติยศได้
แต่โชคไม่ดีเลยที่โจรบางคนไม่รู ้หนังสือ ต่อให้จะมีข้อวินัยเขียน อยู่ชัดเจนบนพื้น พวกเขาก็อ่านไม่ออกอยู่ดี
จินเหลียนเห็นแล้วก็อารมณ์เสีย “ฉันบอกแล้วใช่ไหมเหยียน เหล่าหลิว ต่อให้นายจาไม่ได้ก็ต้องจาให้ได้ อย่าทาให้หน่วยที่หนึ่งเรา เสียหน้า ฉันอยากเข้าฝึกเป็ นมือสไนเปอร ์อยู่นะ”
หยางเสียวจิ่นบอกพวกเขาว่าถ้ายังจาข้อวินัยไม่ได้ก็เริ่มเรียน เรื่องปืนไม่ได้
เริ่นเสี่ยวซู่สั่งการเรื่องนี้มาเป็ นพิเศษเลย เขาหวังว่าพวกโจรจะ สมัครสมานกันมากขึ้นผ่านการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
นี่เป็ นครั้งแรกที่เขาได้ลองทาหน้าที่เป็ นครูฝึ กสอนเช่นนี้ เขา อยากรู ้มากว่ามันจะนาพาไปไหน แค่พวกโจรเรียนเรื่องที่เขาต้องการ สอนได้นิดหน่อยก็เยี่ยมมากแล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่หันไปยิ้มกล่าวกับหยางเสียวจิ่น “คิดว่าวิธีฉันเป็ นไง”
หยางเสียวจิ่นยิ้มเยาะ “ก็ไม่เลวแหละมั้ง”
เธอคิดว่านี่มันจะสนุกขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ถ้าเฝ้ ารอจะเห็นวันที่ที่นี่มี บ้านอิฐและไร่นาเรียงรายมากมาย มีเหล่าเด็กๆ วิ่งเล่นหัวเราะวิ่งเล่น กันอย่างสนุกสนาน
แต่ในโลกหล้าอันวุ่นวาย จะมีโอกาสเช่นนั้นไหมนะ
หยางเสียวจิ่นพลันถามขึ้นมา “ฉันพอจัดการกับสมาคมตระกูลห ยางให้นิคมนี้ไม่ถูกทาลายได้ แต่ถ้าสมาคมตระกูลชิ่งอยากจะรวม กาลังในหุบเขาขึ้นมาจริงๆ ล่ะ ถ้าพวกเขาเจอเราที่นี่จะเอายังไงต่อ”
พวกโจรจะไปสู้กับสมาคมได้อย่างไร เหตุผลที่พวกโจรยังเอาตัว รอดในหุบเขาได้เพราะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว หรือจะ ให้พูดตรงๆ คือหนีเก่งมาก แต่ถ้าพวกเขาตั้งนิคมที่เคลื่อนที่ไม่ได้ ขึ้นมาก็คือหนีไปไหนไม่ได้แล้ว ถ้าพวกเขาต้องหนีขึ้นมาจริง ทุก อย่างที่ลงทุนลงแรงล้วนเสียเปล่าหมดสิ้น
เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้มว่า “ไม่เป็ นไร ชิ่งเจิ่นกับหลัวหลานติดหนี้ฉันก้อน ใหญ่อยู่”
ไม่ว่าจะช่วยหลัวหลานหรือช่วยสมาคมตระกูลชิ่งโจมตีแนว ป้ องกันของสมาคมตระกูลหลี่ก็ล้วนเป็ นบุญคุณก้อนใหญ่ทั้งนั้น
ดังนั้นพอเริ่นเสี่ยวซู่เดาได้ว่าสมาคมตระกูลชิ่งอยู่เบื้องหลังความ วุ่นวายในหุบเขาจึงไม่วิตกกังวลอะไร อย่างไรเขาก็ทางานกับทางนั้น มามาก…
“อืม” หยางเสียวจิ่นพยักหน้า เธอไม่คิดจะต่อต้านการเป็ นมิตร ระหว่างเริ่นเสี่ยวซู่กับชิ่งเจิ่นและหลัวหลาน และก็ไม่คิดจะเรียกร้องให้ เริ่นเสี่ยวซู่ช่วยเธอตามหาที่ตั้งสถานีทดลองนิวเคลียร ์ของสมาคม ตระกูลชิ่งด้วย นั่นเป็ นงานของเธอและผู้ก่อจลาจล ไม่เกี่ยวอะไร กับเริ่นเสี่ยวซู่ และไม่ต้องการให้เขามารับผิดชอบอะไรด้วย