the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 352 เมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อ
ด้วยมีโจรมารวมตัวกันอยู่ นิคมผู้อพยพอันเปลี่ยวร ้างแต่เดิมก็ พลันครึกครื้นขึ้นมาก
ถึงระหว่างนี้จะมีโจรคนหนึ่งขโมยข้าวโพดตากแห้งไปจากบ้านผู้ อพยพ แต่พอเจอโจรแล้วผู้อพยพคนนั้นก็ไม่ว่าอะไร แต่เป็ นเริ่นเสี่ยว ซู่ที่จัดการอัดไปรอบและยึดกระสุนมาหมด
ผู้อพยพคนนั้นถึงกับร ้องขอความเมตตากับเริ่นเสี่ยวซู่ ทาให้โจร ที่ถูกตีละอายใจเป็ นอย่างมาก
หลังจากนั้นก็ไม่เกิดเรื่องเช่นเดิมซ้าสองอีก
ด้านหนึ่งผู้อพยพบางคนก็รังแกผู้อพยพกันเอง พวกเขาจะทาตัว เป็ นอันธพาลเข้าไปใช ้กาลังยึดอาหารคนอื่น สุดท้ายพวกจินเหลียน ก็ทนมองไม่ไหว เข้าไปจัดการอันธพาลพวกนั้นและลากไปอบรมกับ โจรคนอื่นๆ
อันธพาลพวกนี้รังแกผู้อพยพนั้นกล้า แต่กับโจรไม่กล้าแม้แต่จะ คิด
บ้านอิฐก็เป็ นรูปเป็ นร่างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พวกโจรกาลังเต็ม เปี่ยมทางานว่องไวยิ่ง
เริ่นเสี่ยวซู่มองสู่จินหยวนที่ดูแลการสร ้างบ้าน ที่ด้านข้างมีผู้ อพยพหญิงคนหนึ่งมองเขาด้วยสายตารักใคร่ เริ่นเสี่ยวซู่หันไปถามห ยางเสียวจิ่น “เขาเป็ นหนึ่งในคนที่มีปัญหาใช่ไหม”
“อืม” หยางเสียวจิ่นพยักหน้า “ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความคิด เป็ นอื่นแล้วนะ”
หยางเสียวจิ่นสงสัยว่าคนกลุ่มนี้จะสร ้างปัญหาให้เลยแอบจับตาดู ตลอด ตอนนั้นเธอก็สงสัยอยู่ว่าทาให้เริ่นเสี่ยวซู่ดูจะไม่เป็ นกังวลอะไร เลย แต่สุดท้ายเธอก็ได้รู้ว่าเป็ นห่วงไปเสียเปล่า เธอเห็นสู่จินหยวนตั้ง หน้าตั้งตารอจะแลกกระสุนอยู่ทุกวัน
ตอนนี้พวกเขาสร ้างบ้านได้สิบสองหลังในรวดเดียว ในแดนรก ร ้างทุรกันดารนี้มีบ้านอิฐก่อตัวขึ้นมา เริ่นเสี่ยวซู่เห็นแล้วเกิดอารมณ์ เอ่อล้น บ้านอิฐอันมั่นคงนี้เป็ นสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้าของ อารยธรรมมนุษย์
บ้านแต่ละหลังมีพื้นที่ยี่สิบแปดตารางเมตร หนึ่งหลังใช ้อิฐประ มานหนึ่งพันเก้าร ้อยก้อนในการสร ้าง และสามารถอาศัยอยู่ได้สิบกว่า คน
ถึงตอนนี้จะยังมีจานวนบ้านน้อยกว่าจานวนคนมาก แต่อิฐชุดที่ สองเข้าเตาเผาแล้ว อีกสองวันก็จะเอาออกมาไปสร้างบ้านต่อได้
จินเหลียนและจางอี้เหิงไปโม้กับผู้อพยพทุกวันว่าจะสร ้างบ้านให้ ทุกคนอยู่อาศัย
ตอนนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็ถามเขาแกมขบขัน “ถึงตอนนั้นพวกนายก็ เก็บกระสุนได้ครบแล้ว ยังอยากจะสร ้างบ้านอีกเหรอ”
จินเหลียนพูดเขินๆ “พวกเราจะปล่อยให้เพื่อนร่วมนิคมอาศัยอยู่ ในกระท่อมดินต่อไม่ได้ไม่ใช่เหรอ แถมยังมีเด็กๆ อีก ในกระท่อมชื้น เกิน ไม่ดีต่อสุขภาพเด็ก”
จางอี้เหิงพูดเสริม “พวกเราจะสร ้างโรงเรียน โรงงาน…”
เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะ “จะสร ้างโรงงานไปทาไม พวกเราไม่มี เทคโนโลยีจะใช ้ในนั้นหรอกนะ!”
“แล้วถ้าต่อไปพวกเรามีล่ะ” จางอี้เหิงพึมพา
จากนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็เดินไปยังบ้านอิฐที่เพิ่งสร ้างเสร็จ เขาหันไป หาจินเหลียน “นับสิว่าทุกคนมีกระสุนแค่ไหนแล้ว”
พวกโจรทางานกันมายี่สิบกว่าวันแล้ว ตอนนี้น่าจะมีโจรหลาย คนที่สะสมกระสุนครบเรียบร ้อย หลังจากนับอยู่นาม จินเหลียนก็เกา หัวพูด “เพราะมีพี่น้องคนใหม่มาเข้าร่วมกับเรา พวกเราเลยแบ่งให้ เขาเท่าๆ กัน ดังนั้นทุกคนเลยยังขาดกระสุนกันอีกคนละสองสามนัด อิฐของพรุ่งนี้ก็น่าจะพอแล้ว”
การมาของโจรหน้าใหม่ท าให้ความคืบหน้าของทุกคนช้าลงไป อย่างไม่นั้นด้วยงานเสริมอย่างขนอิฐ ผสมดิน และหว่านเมล็ดคงทา ให้ทุกคนสะสมกระสุนพอไปแล้ว
โชคดีที่ช่วงนี้ไม่มีโจรหน้าใหม่มาเข้าร่วมเลย ตอนนี้จานวนคน ในสังกัดมีอยู่ราวๆ สี่ร ้อยนาย แน่นอนว่ามีโจรที่หนีไปด้วย แต่น้อย รายมาก
เริ่นเสี่ยวซู่พูดกับหยางเสียวจิ่นว่ากลุ่มโจรจากทางเหนือน่าจะ กาลังมุ่งลงใต้มา อีกไม่เกินสิบกว่าวันน่าจะมีโจรชุดใหม่มาที่นิคม
ดังนั้นพวกเขาน่าจะได้สู้รบกับโจรทางเหนือแล้วได้รู ้ว่าใครกันแน่ คือผู้ชนะ
และก็เป็ นตอนนี้เองที่หยางเสียวจิ่นนึกได้ว่าที่จริงพวกเธอมา ปราบโจรต่างหาก
แต่ว่านี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้น เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้มว่า “พวกนายยังไม่ นับกระสุนที่จะให้กับการสร ้างบ้านวันนี้เลย ฉันบอกแล้วว่าใครสร ้าง บ้านจะได้กระสุนคนละสิบห้านัด พวกเรารักษาสัญญาอยู่แล้ว”
พูดจบพวกจินเหลียนก็ตื่นเต้นยินดี หลังจากทางานหนักมายี่สิบ กว่าวัน ในที่สุดก็จะได้รับผลตอบแทนแล้ว!
ถ้าเริ่นเสี่ยวซู่ให้ปืนพวกเขาแต่แรกพวกเขาคงไม่ตื่นเต้นขนาดนี้ เพราะอย่างไรนั่นก็เป็ นปืนพวกเขาอยู่แล้ว แถมยังเป็ นกาลังฝ่ ายอื่น ให้มาอีกแน่ะ
ทว่าตอนนี้มันต่างออกไป เก็บสะสมกระสุนร ้อยนัดจนแลกปืนได้ เกิดเป็ นความภาคภูมิใจสายหนึ่ง เหตุผลที่พวกเขาตื่นเต้นไม่ใช่
เพราะปืน แต่เป็ นเพราะว่าพวกเขาได้รับสิทธิ์ในการถือครองอาวุธใน นิคมนี้
สิทธิ์นี้ดั่งมีราคาสูงลิ่ว ในอดีตขณะปล้นพวกพ่อค้าที่ผ่านทางมา พวกเขาไม่เคยภาคภูมิใจหรือมีความสุขอะไรเลย แต่วันนี้พวกเขาได้ สิทธิ์นั้นมาด้วยความเหนื่อยยาก
เริ่นเสี่ยวซู่ให้คนของจินเหลียนไปหยิบปืนมา “หลังจากได้ปืน แล้วจะท าอะไร”
จินเหลียนพูดอย่างตื่นเต้น “แน่นอนว่าออกปล้น! พวกเรามีคน หลายร ้อย ทั้งยังสมัครสมานสามัคคี ทั่วทั้งเขตใต้ต้องเป็ นของเราได้ แน่!”
จินเหลียนไม่ได้พูดโม้เลย อย่างไรโจรทางเหนือบางกลุ่มก็ยังน่า กลัวมาก
เริ่นเสี่ยวซู่เงียบไปพักหนึ่ง เขาชี้ไปที่ผู้อพยพที่สังเกตมองอยู่จาก ด้านข้าง “ปล้น? ปล้นคนอย่างพวกเขาน่ะนะ?”
พอเหล่าผู้อพยพได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักงัน จินเหลียนรีบอธิบาย “พวกเราไม่ได้จะปล้นพวกนายซะหน่อย ท าไมพวกเราต้องงปล้นพวก นายด้วย”
“แต่ว่ามีคนแบบพวกเขาอีกมาก” เริ่นเสี่ยวซู่ “พวกเขามีทั้งลูกมี ทั้งภรรยา”
สู่จินหยวนถาม “แล้วพวกเราจะถือปืนไปท าไม”
“เพื่อปกป้ องพวกเขา” เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้ม จากนั้นก็ชี้ไปยังผู้อพยพ หญิงที่ตามติดสู่จินหยวนทุกวัน “ปกป้ องเสี่ยวชุ่ย ปกป้ องชาวบ้าน และปกป้ องครอบครัว”
สู่จินหยวนหยุดพูดไป เสี่ยวชุ่ยหน้าแดงส่งสายตาให้เขา
เริ่นเสี่ยวซู่หยิบปืนขึ้นมาและส่งให้สู่จินหยวน “หลังจากรับปืนนี้ ไปแล้ว พวกเราจะกลายเป็ นสหาย เป็ นพี่น้อง เป็ นครอบครัว”
สู่จินหยวนรับปืนไปด้วยจิตใจว้าวุ่น ต่อไปเป็ นจินเหลียนและจาง อี้เหิงที่หน้าตาตื่นเต้นมาก
ได้จับปืนเย็นยะเยียบในมือแล้วก็เหมือนก าลังโอบกอดขุมสมบัติ หนึ่ง จินเหลียนกล่าวกับชาวบ้าน “ไม่ต้องกลัวนะ มีฉันอยู่ด้วย ไม่มี โจรคนไหนกล้าลักพาตัวพวกนายไปแน่!”
หยางเสียวจิ่นมองทุกอย่างจากด้านข้างแบบเงียบๆ มองดูเด็ก หนุ่มที่เป็ นดั่งตัวละครหลักบนเวที ใจนึกเรื่องที่เธอพูดว่าการจะให้โจร กลุ่มนี้หาความเชื่อได้นั้นเป็ นเรื่องยากมาก แค่ให้พวกเขารวมเป็ น หนึ่งก็ดีเกินพอแล้ว แต่เธอก็ต้องประหลาดใจว่าผ่านไปแค่ยี่สิบกว่า วัน จิตสานึกร่วมของทุกคนได้ก่อตัวขึ้นมาอย่างเงียบงัน นอกจากนั้น ความเชื่อแห่ง ‘การปกป้ อง’ ก็กาเนิดขึ้นมาอย่างเงียบงันเช่นกัน
ไม่จาเป็ นต้องมีปาฐกถายิ่งใหญ่แห่งความจงรักภักดี เริ่นเสี่ยวซู่ แค่ต้องส่งมอบความเชื่อแห่งการปกป้ องไปยังพวกโจร ปกป้ อง
ทรัพย์สินตน ปกป้ องครอบครัวตน ปกป้ องเพื่อนฝูงตน ทุกอย่างควร เริ่มด้วยการปกป้ องของของตน
ไม่จาเป็ นต้องรักษาสันติภาพของโลก นั่นไม่ใช่เรื่องของพวกเขา
แน่นอน ไม่ว่าจะเป็ นความแข็งแกร่ง เจตนารมณ์ หรือความเชื่อ ของกลุ่ม ตอนนี้นั้นก็เป็ นเพียงแค่เมล็ดพันธุ์เล็กๆ ที่ถูกฝังลง
ถ้าพวกเขาต้องถูกแยกไปจากบุคคลทรงอานาจอย่างเริ่นเสี่ยวซู่ จนเชือกที่คอยผูกมัดพวกเขาไว้คลายออก พวกเขาก็อาจจะกระจัด พรัดพรายกลับไปมีชีวิตของตนอย่างรวดเร็ว
หรือถ้าเจอศัตรูที่แข็งแกร่งมากตอนนี้ พวกเขาก็คงพ่ายแพ้ไป อย่างรวดยิ่ง
แต่หยางเสี่ยวจิ่นรู ้สึกว่าที่เริ่นเสี่ยวซู่สามารถฝังเมล็ดพันธุ์นี้ได้ นั้นก็น่าทึ่งมากแล้ว