the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 363 ประทานความอบอุ่นแก่หุบเขา
ขณะอยู่ในนิคม จินเหลียนก็วิ่งอย่างบ้าคลั่งมาหาเริ่นเสี่ยวซู่ “พี่ ใหญ่ๆ พวกคนส่งของมาที่นี่!”
เริ่นเสี่ยวซู่งุนงง “พวกคนส่งของที่ว่าหมายถึงใคร”
“พวกคนที่ก่อนหน้านี้เอาปืนกับรถจักรยานยนต์มาให้พวกฉัน ไง” จินเหลียนร ้อง “ฉันเห็นขบวนส่งของพวกเขาจากบนไหล่เขา พวกเขาเกือบมาถึงที่นี่แล้ว!”
“งั้นไปดูกัน” เริ่นเสี่ยวซู่และจินเหลียนเดินไปทางตะวันออก หยางเสียวจิ่นไม่พูดอะไรก็เข้าไปยังจุดซุ่มยิงเผื่อสองฝ่ ายเกิดการ ปะทะ
ช่วงที่ผ่านมานี้ เริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินบ่อยๆ จากพวกโจรว่าจะมีคนมา ส่งอาหารและอาวุธเข้ามาในหุบเขา แต่ว่าเขายังไม่เคยได้เห็นกับตา มาก่อน
เริ่นเสี่ยวซู่ยืนอยู่บนเนินดิน มองขบวนรถเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ บนตัวรถไม่มีตราสัญลักษณ์อะไร เขาเห็นว่าขบวนรถนี้ดูคุ้นเคยกับ พื้นที่ในหุบเขามาก พวกเขารู ้หมดว่าตรงไหนมีร่องน้าตรงไหนมีลา ธาร
ดูเหมือนว่าไม่กี่ปีมานี้คนกลุ่มนี้จะเข้ามามีธุระในหุบเขาไม่น้อย ทีเดียว
แต่ก่อนที่ขบวนรถจะมาถึง พอพวกเขาเห็นพวกเริ่นเสี่ยวซู่ก็โบก ใม้โบกมือให้ เป็ นมิตรอย่างกับเจอเพื่อนบ้านกันอย่างไรอย่างนั้น
แต่ว่าขบวนรถไม่ได้เข้ามาใกล้แต่หยุดอยู่ที่ใต้เนินลาดชันแห่ง หนึ่งไกลๆ จากนั้นก็มีคนสามสิบนายกระโดดลงจากรถและค่อยๆ เดิน เท้ามาหาพวกเขา คนกลุ่มนี้เคลื่อนไหวดูสบายๆ ง่ายๆ แต่ยังคงรูป ขบวนโจมตีไว้ตลอด ทหารที่อยู่ปีกข้างยกปืนเล็งและขึ้นนกพร ้อมพ รักเตรียมลั่นไกยิงได้ตลอด
เริ่นเสี่ยวซู่รู ้สึกว่าการเคลื่อนตัวของทหารพวกนี้ดูคุ้นสุดๆ
ทันใดนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็คิดว่าหัวหน้ากลุ่มดูหน้าคุ้นเล็กน้อย แต่ เขาจาไม่ได้ว่าเคยเห็นหน้าที่ไหนมาก่อน หลังจากพวกเขาค่อยๆ คืบ เข้ามาใกล้ หัวหน้ากลุ่มก็ยิ้มและว่า “ไงเพื่อน ที่นี่ใครคุมเหรอ”
เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะและว่า “ที่นี่ฉันคุม นายคือใคร”
หัวหน้ากลุ่มยิ้มกล่าว “ฉันมาที่นี่ส่งปืนกับเสบียงให้ทุกคน”
ใบหน้าจริงใจของเขาไม่ต่างไปจากคนของสมาคมที่แวะไปส่ง ข้าวให้คนงานที่โรงงานของป้ อมปราการเลย
เริ่นเสี่ยวซู่สารวจมองเขา “นายมาจากสมาคมตระกูลชิ่ง?”
หัวหน้าเลิกคิ้ว “เปล่า”
“ทาไมหน้านายคุ้นจังล่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “พวกเราเคยเจอกันมา ก่อนหรือเปล่า”
หัวหน้ากลุ่มยิ้มและว่า “ฉันก็ว่านายหน้าคุ้น บางทีโชคชะตา อาจจะลิขิตให้เรามาเจอกัน”
ระหว่างที่คุยกันนั้น บรรดาทหารที่อยู่ข้างคนที่พูดอยู่ก็มีการ เคลื่อนไหวเล็กน้อย ทุกคนวางนิ้วชี้บนไกปืน บรรยากาศดูไม่ถูกต้อง เลย ราวกับพวกเขาจะถูกซุ่มโจมตีได้ทุกชั่วขณะ!
เริ่นเสี่ยวซู่กวาดตามองพวกเขาและเห็นว่าบรรยากาศดูเข้มข้น ขึ้นจึงพูดออกไปตรง “ฉันชื่อเริ่นเสี่ยวซู่”
พวกจินเหลียนที่อยู่ด้านข้างสับสนงุนงง พี่ใหญ่พวกเขาทาอะไร อยู่เนี่ย
และพวกเขาก็ต้องแปลกใจที่พอหัวหน้ากลุ่มได้ยินชื่อเริ่นเสี่ยวซู่ แล้วก็นิ่งค้างไป หลังจากนั้นเขาก็ตั้งใจมองสารวจเริ่นเสี่ยวซู่และถาม “คุณคือเริ่นเสี่ยวซู่?”
พวกจินเหลียนอ้าปากค้าง พี่ใหญ่พวกเขามีชื่อเสียงขนาดนั้น เลยเหรอ ดูเหมือนว่าโจรอย่างพวกเขาก็ยังไม่รู ้จักพี่ใหญ่ตัวเองดี!
เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “จะให้พิสูจน์ยังไง”
หัวหน้าคิดพักหนึ่งและว่า “ก่อนหน้านี้เถ้าแก่หลัวให้อะไรนาย”
เริ่นเสี่ยวซู่ลังเลอยู่แวบหนึ่งก่อนจะตอบ “ให้ธงมาผืน…”
“ฮ่าๆๆ” หัวหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ “เป็ นนายจริงๆ ด้วย สวัสดี ฉันชื่อสู่หมาน”
สู่หมานดูสุภาพมาก ขณะเดียวกันพวกจินเหลียนกับงงตาแตก กับเรื่องที่เกิดขึ้น ธงที่พวกเขาพูดถึงคืออะไรน่ะ
จินเหลียนถาม “พี่ใหญ่ พี่เคยเป็ นหมอเหรอ”
ตามที่พวกจินเหลียนรู ้มา ยุคสมัยนี้มีแต่พวกหมอที่ได้รับธง…
เริ่นเสี่ยวซู่มองพวกจินเหลียนแล้วกระแอมไอออกมา “เหอๆ พวก นายก็ใช ้ยาด าทาแผลกันไปไง”
ตอนนั้นที่เขาจิ้งซาน เป็ นสู่หมานเองที่เจอตัวของเริ่นเสี่ยวซู่ และ ทั้งสองฝ่ายก็เคยปะทะกันมาก่อนด้วย
ทว่าตอนนั้นเป็ นกลางดึก และทั้งสองฝ่ ายไม่ได้ปะมือกันใน ระยะใกล้ด้วย อีกอย่างตอนนั้นใบหน้าของเริ่นเสี่ยวซู่สกปรกเปรอะ เปื้อนมากจริงๆ ดังนั้นคุยกันต่อหน้าขนาดนี้แล้วถึงจากันไม่ได้
สู่หมานพูดต่อ “ตอนนี้นายก็อยู่ในเขาจิ้งซานด้วย แต่เพราะ ไม่ได้เข้าไปในซากเมืองฉันเลยไม่ทันเจอ คืนนั้นฉันได้รับภารกิจให้ ตามจับสูเสี่ยนฉู่”
เริ่นเสี่ยวซู่เข้าใจในพลัน
จากนั้นสู่หมานก็ว่า “แต่หน้าก็ยังดูหน้าคุ้นอยู่ พวกเราเคยเจอ กันมาก่อนหรือเปล่า”
“ฮ่าๆๆ นายหน้าไม่คุ้นเลย พวกเราไม่เคยเจอกันมาก่อนๆ” เริ่น เสี่ยวซู่หัวเราะ “ก่อนหน้านี้จาหน้าคนผิดน่ะ”
สู่หมานไม่มีทางจะคุ้นหน้าเขาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นชิ่งเจิ่น หลัว หลาน และสูเสี่ยนฉู่ต้องรู ้แน่ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
สู่หมานสงสัย “แต่ฉันรู ้สึกคุ้นหน้านายจริงๆ นะ! เดี๋ยวนะ นาย…”
เริ่นเสี่ยวซู่เริ่มเหงื่อแตก เขาเรียนเปลี่ยนเรื่องและถาม “นายมา ทาอะไรที่นี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็ นสมาคมตระกูลชิ่งที่สนับสนุนปืนทุก กระบอกในหุบเขา”
“อ้อ นั่นเป็ นเรื่องนานมาแล้ว ฉันเริ่มมาที่นี่เมื่อปี ที่แล้วเอง” สู่ หมานว่า “ตอนนั้นท่านชิ่งเจิ่นถูกคุมขังอยู่ในบ้าน คนของเราก็ถูก แยกกระจายไปเข้ากองกาลังอื่นๆ ท่านชิ่งเจิ่นส่งคาสั่งลับมา ให้ฉัน ลอบเข้ามารับหน้าที่ดูแลเรื่องกิจการในหุบเขา”
เริ่นเสี่ยวซู่พลันเข้าใจทันทีว่าทุกอย่างเป็ นแผนการของชิ่งเจิ่น ไม่ใช่สมาคมตระกูลชิ่ง!
แต่เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อหลายปี มาแล้ว เช่นนั้นแสดงว่าเขาเริ่ม ดาเนินแผนการในหุบเขาทั้งๆ ที่ถูกสภาบริหารสมาคมตระกูลชิ่งจับ ตาอย่างแน่นหนา
วางแผนการล่วงหน้ายาวไกล!
สมาคมตระกูลหยาง สมาคมตระกูลหลี่ และสมาคมตระกูลจงโชค ร ้ายจริงๆ ที่เจอคู่ต่อกรแบบนี้ เดิมทีเพราะจางจิ่งหลินไม่อยู่ป้ อม ปราการ 178 สมาคมตระกูลจงจึงอยากจะเข้าควบคุมที่นั่น แต่สุดท้าย ก็เป็ นชิ่งเจิ่นที่ตั้งใจส่งจางจิ่งหลินกลับมาที่ป้ อมปราการ 178 เขาล่ะ อยากรู ้จริงๆ ว่าถ้าคนของสมาคมตระกูลจงรู ้เรื่องนี้แล้วจะทาหน้า อย่างไร
สู่หมานพลันเอ่ย “เถ้าแก่หลัวสั่งการมาเป็ นพิเศษว่าถ้าเจอนาย ให้แจ้งว่าพวกเราจะลงมือแล้ว แน่นอนว่าถ้านายกลับไปไม่ทัน เขาก็ ยังจะช่วยพาพวกน้องชายนายออกมาอยู่ดี”
“ชิ่งเจิ่นเตรียมจะช่วยหลัวหลานแล้ว?” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “บอกฉัน แบบนี้ไม่กลัวฉันทรยศเหรอ”
“เถ้าแก่หลัวบอกนายเชื่อถือได้” สู่หมานยิ้ม “คนเป็ นลูกน้อง แค่ ปฏิบัติตามคาสั่ง”
เริ่นเสี่ยวซู่เม้มปาก ความรู ้สึกของการถูกเชื่อใจนี้ไม่เลวเลย
เขาถามสู่หมาน “แล้วพวกนายล่ะ มีแผนการอะไร จะโจมตี สมาคมตระกูลจงเหรอ”
ในเมื่อชิ่งเจิ่นมีแผนการสารองอยู่ทางเหนือ ถ้าถึงเวลาก็ต้องเอา มาใช ้งานใช่ไหม
สู่หมายอธิบาย “พวกเราเพิ่งดึงโจรทางเหนือเข้าพวกได้ไม่กี่ กลุ่ม ดังนั้นเป็ นไปไม่ได้ที่จะชนะสมาคมตระกูลจง ท่านชิ่งเจิ่นไม่ได้ วางแผนส่งพวกเรามาตายเพราะพยายามเอาชนะสมาคมตระกูลจง”
เริ่นเสี่ยวซู่เริ่มสงสัยขึ้นมา “งั้นพวกนายมาทาอะไรที่นี่”
สู่หมายลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะว่า “อีกสิบวันน้าหลากในแม่น้า จะขึ้นถึงจุดสูงสุด พอถึงตอนนั้นพวกเราจะทาลายสะพานในหุบเขา ให้หมด กันไม่ให้สมาคมตระกูลจงข้ามลงใต้ไปช่วยสมาคมตระกูลห ยาง ขณะเดียวกันพวกเราจะส่งคนลงทางใต้ไปท าลายโรงงานนอก ป้ อมปราการของสมาคมตระกูลหยางทุกแห่งจนหมด”
เริ่นเสี่ยวซู่นิ่งงันไป แผนการของชิ่งเจิ่นล้วนสืบเนื่องติดต่อกัน หมด
ราวกับว่าชิ่งเจิ่นวางแผนจะรวบทั้งแดนตะวันตกเฉียงเหนือและ แดนตะวันตกเฉียงใต้มาเป็ นอาณาเขตของสมาคมตระกูลชิ่งตั้งแต่ หลายปีก่อนแล้ว