the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 368 ของขวัญ
คนที่โผล่มาในป้ อมปราการไม่ใช่พวกเดียวที่มารับหลัวหลาน สู่ หมานก็น าคนมารอรับอยู่นอกป้ อมปราการ 88 ด้วย ราวกับเขากลัว ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันในการช่วยเหลือหลัวหลาน
ดูเหมือนว่าสายสัมพันธ ์พี่น้องระหว่างหลัวหลานและชิ่งเจิ่นจะ เหนียวแน่นมาก ชิ่งเจิ่นถึงกับทาลายทั้งป้ อมปราการหนึ่งเพื่อเขา
ตอนที่เริ่นเสี่ยวซู่เจอหลัวหลานเป็ นครั้งแรกที่ป้ อมปราการ 88 หลัวหลานบอกว่าชิ่งเจิ่นต้องส่งคนมาช่วยตนแน่นอน ตอนนั้นที่ชิ่ง เจิ่นจู่ๆ ก็สั่งถอนตัวทหารของสมาคมตระกูลชิ่งออกจากแนวหน้า ปล่อยให้ทหารของสมาคมตระกูลหยางรับศึกที่แนวหน้า คือเขา เตรียมการพร ้อมช่วยเหลือเรียบร ้อยหลัวหลานเรียบร ้อย
ต่อให้ถ้าชิ่งเจิ่นไม่อาจพลิกกลับมาชิงอานาจในความวุ่นวาย จากสภาบริหารได้ ภารกิจช่วยเหลือนี้ก็ยังจะปฏิบัติการต่ออยู่ดี มีชิ่ง อี้คอยสนับสนุน ทหารนาโนแมชชีนย่อมมาถึงป้ อมปราการ 88 ตาม เวลาที่วางแผนไว้
วันที่ชิ่งเจิ่นเดินขึ้นเขาแปะก๊วย ก่อนพายุหิมะโถมมา เขา วางแผนทุกอย่างเพื่อหลัวหลานเรียบร ้อยแล้ว
ก่อนพวกเขาจะแยกกัน หลัวหลานไม่โน้มน้าวให้เริ่นเสี่ยวซู่กลับ สมาคมตระกูลชิ่งกับพวกเขาอีก เขากล่าวกับเริ่นเสี่ยวซู “พอจัดการ
อะไรในหุบเขาเรียบร ้อยแล้วก็ติดต่อฉันมา ฉันจะให้สู่หมานส่งของ บางอย่างให้นาย คิดเสียเวลาเป็ นของแสดงความยินดีส าหรับบ้าน ใหม่”
“ได้!” เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เกรงใจอะไรเยอะแยะระหว่างที่กล่าวลากัน
ในโลกใบนี้ ทุกอย่างดีๆ มีวันมาถึงจุดสิ้นสุด พวกเริ่นเสี่ยวซู่ กาลังมุ่งไปยังความหวังและแสงสว่างที่อยู่ในหัวใจ
ระหว่างทางไปหุบเขานั้น เหยียนลิ่วหยวนถาม “พี่ ในหุบเขา หน้าตาเป็ นไงเหรอ”
เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้มว่า “เห็นสถานที่ยากจนที่บ้านเรือนทามาจากดิน โคลน พื้นที่เพาะปลูกก็โดนทาลายไปแล้ว กลุ่มโจรยากจนจัดที่มีแต่ ปืนและก็ไม่มีคนให้ปล้น”
เหยียนลิ่วหยวนฟังอย่างจริงจังแต่ไม่ได้พูดอะไร
เริ่นเสี่ยววซู่ถาม “ยังอยากจะไปที่นั่นอยู่หรือเปล่า”
“อยากสิ” เหยียนลิ่วหยวนตาทอประกายและว่า “พี่เสียวจิ่นก็อยู่ ที่นั่นด้วยใช่ไหม เธอ…”
“อยู่ เธอก็อยู่ที่นั่นด้วย” เริ่นเสี่ยวซู่พยักหน้า “พวกเราสองคน รวมกับพวกโจร ปกติแล้วจะไปขุดตะกอนดินขึ้นมาทาอิฐดินเหนียว ไว้สร้างบ้าน พวกเราถึงกับสอนพวกโจรด้วย”
เหยียนลิ่วหยวนถาม “ขอผมสร ้างบ้านกับพวกพี่ด้วยได้ไหม”
“ได้สิ” เริ่นเสี่ยวซู่พูด
เหยียนลิ่วหยวนไม่กลัวชีวิตลาบาก ตราบใดที่มีความหวัง ต่อให้ ต้องขนอิฐสร ้างบ้านเขาก็มีความสุขมาก
เริ่นเสี่ยวซู่มองหวังอวี่ฉือ เจียงอู๋ และคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลัง ตั้งแต่ มีนักเรียนหญิงหลายคนออกจากกลุ่มไป ครูเจียงก็เงียบงันลงไปมาก ไม่มีใครรู ้ว่าทุกวันนี้เธอคิดอะไรอยู่
เริ่นเสี่ยวซู่ถามเหยียนลิ่วหยวน “ไปกันเถอะ! พี่จะพาน้องไปขับ รถเล่นเอง!!”
“พวกเราจะขับรถเล่นยังไง” เหยียนลิ่วหยวนงุนงง “พวกเราไม่มี รถด้วยซ้า ผมนึกว่าพวกเขาจะเดินไปหุบเขาเสียอีก”
ป้ อมปราการ 88 อยู่ห่างจากหุบเขากว่าสี่ร ้อยกิโลเมตร ระหว่าง กลางมีป้ อมปราการสองแห่ง กว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะกลับมาที่นี่ใช ้เวลาตั้ง สามวัน
แต่เริ่นเสี่ยวซู่พลันเรียกรถจักรกลไอน้าออกมาราวไม่มีความคิด จะปกปิดพลังพิเศษตัวเอง พอหวังฟู่ กุ้ยเห็นรถไฟก็นิ่งอึ้ง “เสี่ยวซู่ นี่ มัน…รถไฟ?!”
“ใช่แล้ว” เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้ม “ขับรถไฟเล่นกัน!”
ทุกคนที่อยู่ข้างหลังเขาหัวเราะออกมา คนอื่นพาสายสวยออกไป ขับรถหรูเล่น แต่พอเป็ นเรื่นเสี่ยวซู่ เขาพากลุ่มคนที่มีผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่ และคนวัยรุ่นขึ้นรถไฟเสียอย่างนั้นไป
ทาไมทุกอย่างที่ออกมาจากปากของเริ่นเสี่ยวซู่ถึงต่างไปจากที่ คนจินตาการภาพไว้หน่อยๆ ตลอดเลยล่ะ
“มาๆ ขึ้นรถไฟกัน” เริ่นเสี่ยวซู่ตะโกนอย่างตื่นเต้น พอชีวิตเต็ม ไปด้วยความหวัง เขาก็ดูรื่นเริงเป็ นพิเศษ ทาอะไรก็กระตือรือร ้นไป หมด
พวกเขานั่งข้างในรถไฟ มองรางรถไฟที่เปลี่ยนจากภาพมายา เป็ นความเป็ นจริง ขณะเดียวกันพอรถไฟเคลื่อนตัวผ่าน รางรถไฟ ข้างหลังก็หายไปทีละส่วนทีละส่วน ความรู ้สึกตอนนี้ราวกับอยู่ในห้วง ฝัน
เสี่ยวอวี้ถาม “เสี่ยวซู่ รถไฟนี้เป็ นพลังพิเศษของเธอเหรอ” เท่าที่ จาได้ เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เคยเผยพลังพิเศษออกมาก่อนเลย นี่เป็ นครั้งแรก ที่เขาแสดงออกมาแบบนี้ “พลังนี้ของเธอทาอะไรน่ะ”
เริ่นเสี่ยวซู่ตั้งใจพิจารณา “เอาไปใช ้ส่งได้มั้งนะ ในอนาคตป้ อม ปราการ 178 จะเปิดสายการค้า เดี๋ยวไปรับสินค้าส่งก็ได้…ลองคิดดูสิ ว่าผมจะท าเงินได้ขนาดจากการขนสินค้าเต็มตู้รถไฟน่ะ”
ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องเงินหรอก เขาแค่คิดเรื่องการนาไปปรับใช ้ เฉยๆ
เขาสงสัยจริงว่าหวังฉงหยางจะมีความคิดเห็นอย่างไรกับ ความคิดนี้ หวังฉงหยางอาจจะไม่ทันคิดเรื่องการใช ้พลังพิเศษมาทา ธุรกิจขนส่งด้วยซ้า…
หลักๆ แล้วเป็ นเพราะผู้มีพลังพิเศษมีจิตตานุภาพจ ากัด แม้แต่ หวังฉงหยางเองก็ ‘ขับ’ รถไฟที่ไม่มีอะไรบรรทุกอยู่ได้แค่ครึ่งวัน และ ต้องไม่ใช่การเคลื่อนที่เต็มกาลังด้วย
แต่นี่ไม่ใช่สาหรับเริ่นเสี่ยวซู่ ตั้งแต่ที่เขาคัดลอกพลัง ‘รถจักรไอ น้า’ มาก็มีตู้รถไฟมากกว่าของหวังฉงหยางสิบสองตู้แล้ว แถมระหว่าง ใช ้ก็ไม่รู ้สึกว่ามันกินพลังจิตอะไรด้วย
ที่จริงเริ่นเสี่ยวซู่ยังไม่รู ้ว่าทักษะที่ได้เปรียบที่สุดของเขาไม่ใช่การ คัดลอดพลังพิเศษมาจากผู้อื่น แต่เป็ นพลังจิตอันลึกลับที่อยู่เหนือผู้มี พลังพิเศษขึ้นอื่นเป็ นอย่างมาก
รถจักรไอน้าที่เคลื่อนตัวอัตโนมัตินั้นเดินทางได้อย่างรวดเร็ว มาก ตอนนี้ไม่มีสมาคมไหนในทางตะวันตกเฉียงเหนือที่มีพลังมา หยุดผู้มีพลังพิเศษ ที่จริงคือพวกสมาคมต่างๆ กาลังวุ่นวายกับเรื่อง ของตัวเอง ส่วนความสัมพันธ ์ระหว่างเริ่นเสี่ยวซู่กับสมาคมตระกูลชิ่ง แล้วป้ อมปราการ 178 ในตอนนี้ก็คงนับว่าเป็ นมิตรแหละมั้ง
ขณะที่รถจักรไอน้าขับข้ามผ่านแม่น้าใหญ่ คูน้าธรรมชาตินี้ไม่ ต่างไปจากพื้นราบ ความกังวลใจที่ทุกคนมีก็คลายไป
เริ่นเสี่ยวซู่เตือนพวกเขา “พอไปถึงนิคมแล้วอย่าพูดเรื่องพลังนี้ กับใคร โจรพวกนั้นยังเชื่อถือไม่ได้”
หวังฟู่ กุ้ยและคนอื่นๆ พยักหน้ารับทราบ พวกเขาเข้าความ ร ้ายแรงของสถานการณ์ดี ขณะพวกเขากาลังถึงหุบเขา เริ่นเสี่ยวซู่ก็ เก็บรถจักรไอน้าและให้ทุกคนเดินเท้า
ในที่สุดทุกคนก็มาถึง นิคมยังเป็ นซากปรักหักพัง หยางเสียวจิ่น ที่พับแขนเสื้อขึ้นกาลังช่วยผู้อพยพคนอื่นๆ ขนข้าวโพดและมันเทศที่ เก็บเกี่ยวแล้วขึ้นรถบรรทุกที่สู่หมานทิ้งไว้
ใบหน้าเถอะเปื้อนดินเปื้อนฝุ่ นอย่างหนัก ดูไม่เหมือนทายาท หญิงแห่งสมาคมหนึ่งเลย เขาโบกมือให้หยางเสียวจิ่นและตะโกน “พี่สะใภ้!”
นี่เป็ นครั้งแรกที่เหยียนลิ่วหยวนเรียกหยางเสียวจิ่นว่า ‘พี่สะใภ้’ ท าเอาเธอตะลึงไป
ทันใดนั้นเหยียนลิ่วหยวนก็รู ้สึกเหมือนมีคนเตะก้นเขา พอหันไป มอง ก็เห็นเริ่นเสี่ยวซู่หน้าแดงก่า “เลิกทาเป็ นเล่น!”
ขณะเดียวกันหยางเสียวจิ่นก็มีสีหน้าสงบนิ่ง เป็ นเพราะว่าหลาย วันมานี้พวกโจรเรียกเธอว่าพี่สะใภ้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงชินกับคาเรียกนั้น ไปแล้ว
เสี่ยวอวี้เขาไปหาหยางเสียวจิ่น จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา เช็ดหน้าเธอ เสี่ยวอวี้ยิ้มว่า “น่าละอายสาหรับสาวน้อยดีๆ จริงๆ! อย่างกับเอาดอกไม้สวยสดปักลงในอาจมวัว”
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ยินดี “พูดถึงใครน่ะ ใครเป็ นอาจมวัว!”
เสี่ยวอวี้เมินเขา กลับกันเธอหยิบกาไลทองขึ้นมาใส่ให้หยาง เสียวจิ่น “พี่สาวไม่มีเงินมาก กาไลนี้ก็หนักไม่พอ หวังว่าคงไม่ว่ากัน ถ้าพี่สาวมีเงินมากกว่านี้ จะซื้ออันที่แพงกว่านี้ให้นะ”
หยางเสียวจิ่นไม่ปฏิเสธแม้แต่นิด กลับยิ้มตาหยีและว่า “ไม่ว่า หรอกค่ะ ฉันชอบมากเลย”