the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 373 ผมต้องการให้ความทุกข์ตรมของผม กลายเป็ นความทุกข์ตรมของยุคนี้
- Home
- the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
- ตอนที่ 373 ผมต้องการให้ความทุกข์ตรมของผม กลายเป็ นความทุกข์ตรมของยุคนี้
ทางเหนือของสนามรบ จงเฉิงยืนอยู่บนเนินเขาแห่งหนึ่ง รอดู ผลลัพธ ์ของการสู้รบ
ข้างจงเฉิงมีคนยืนอยู่สองคน ทหารนาโนแมชชีนทั้งสามสิบนาย จากสมาคมตระกูลหยางก็ยืนรอเงียบๆ อยู่ข้างหลัง ทว่าทหารนา โนแมชชีนที่เดิมทีเป็ นส่วนหนึ่งของสมาคมตระกูลหยางนี้ดูจะไม่ยี่หระ กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกภายนอกเลย
“รอบนี้ท่านอาจจะทาสาเร็จก็ได้” คนที่อยู่ข้างจงเฉิงกล่าว
จงเฉิงไม่ได้ดูกังวลอะไร ทั้งกายฉายกลิ่นอายสงบนิ่ง “พวกเรา วางแผนเรื่องนี้มานาน ถ้าพลาดขึ้นมาคงท้อใจน่าดู”
“แต่ต่อให้ท่านควบคุมหยางเสียวจิ่นได้ เกรงว่าคงไม่อาจส่งผล กระทบอะไรต่อสมาคมตระกูลหยางได้มากอยู่ดี” คนข้างเขาถาม “ท่านท าให้เธอใช้ชีวิตเหมือนคนปกติในสมาคมตระกูลหยางได้หรือ เปล่า”
“ทาได้” จงเฉิงชาเลืองมองคนผู้นั้น
แต่เสียงนี้ไม่ได้ออกมาจากปากของจงเฉิง เขาเห็นทหารนา โนแมชชีนคนเดินออกมาจากหลังจงเฉิงและยิ้มกล่าว “หานหยาง
นายไม่เข้าใจเลย สมาคมตระกูลหยางที่เผชิญกับชิ่งเจิ่นตอนนี้ไร ้ หนทางแล้ว ฉันไม่ได้สนใจสมาคมตระกูลหยางแล้วด้วย” จงเฉิงพูด เสียงนิ่ง “เป้ าหมายของฉันคือองค์กรที่อยู่เบื้องหลังเธอต่างหาก ผู้ก่อ จลาจลตอนนี้อยู่ในมืออาหญิงของเธอ สักวันหนึ่งตาแหน่งนั้นย่อม สืบทอดไปที่หยางเสียวจิ่น ฉันก็ไม่ต้องทาอะไรมาก แค่รอเวลาก็พอ”
‘หุ่นเชิด’ ที่จงเฉิงควบคุมพวกนี้เป็ นตัวจงเฉิงเองด้วย
“แล้วเริ่นเสี่ยวซู่ล่ะครับ” หานหยางถาม “ท่านจะปล่อยเขาไว้ เฉยๆ เหรอ”
จงเฉิงลังเลใจอยู่บ้าง แผนการเดิมเขาคือเข้าป้ อมปราการ 88 และหาโอกาสพาหยางเสียวจิ่นออกข้างนอก จากนั้นเขาก็จะใช ้พลัง พิเศษของตนเองควบคุมหยางเสียวจิ่นและปล่อยเธอกลับไปใช ้ชีวิต เหมือนคนปกติ
แต่ที่จงเฉิงเล็งไว้แต่แรกไม่ใช่อิทธิพลของหยางเสียวจิ่นใน สมาคมตระกูลหยางอะไรทั้งนั้น แต่เขาสนอิทธิพลของเธอในองค์กรผู้ ก่อจลาจลต่างหาก
เขาเองก็เป็ นผู้มีพลังพิเศษ ดังนั้นจึงเข้าใจดีว่าการที่องค์กรอย่าง บริษัทหัวจ่งและผู้ก่อจลาจลรวบรวมผู้มีพลังพิเศษนั้นหมายถึงอะไร มันคือการทาให้อานาจของโลกใบนี้เสียสมดุลไป
ขณะเดียวกันจงเฉิงไม่ต้องทุ่มเทอะไรมากกับผู้ก่อจลาจลด้วยซ้า เขาแค่ต้องให้หยางเสียวจิ่นเอาทั้งผู้ก่อจลาจลมาเกี่ยวข้องพอ
แต่ว่าเริ่นเสี่ยวซู่มาเกี่ยวข้องอย่างไม่คาดฝัน ตอนแรกที่เขารู ้ว่า เริ่นเสี่ยวซู่เป็ นนักเรียนของจางจิ่งหลินก็เกิดอารมณ์ปั่นป่ วนภายใน ถ้าผู้สืบทอดของป้ อมปราการ 178 ตกมาอยู่ภายใต้เงื้อมมือเขาด้วย ล่ะก็ สมาคมตระกูลจงคงกลายเป็ นดั่งพยัคฆ์ติดปีก
จงเฉิงชอบพลังพิเศษตัวเองจริงๆ มือที่บงการทุกสรรพสิ่งอยู่หลัง ฉาก ได้รับอานาจและพลังของคนอื่นมาง่ายๆ ด้วยการควบพวกเขา ราวเป็ นหุ่นเชิด
แต่หวังฉงหยางบอกว่าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้สนิทอะไรกับจางจิ่งหลิน ขนาดนั้น ทาให้จงเฉิงเกิดความลังเลอยู่บ้าง เขารู ้ว่าหวังฉงหยางใช่ จะพูดความจริงทั้งหมด แต่จงเฉิงแคลงใจว่าจางจิ่งหลินจะมองว่าเริ่น เสี่ยวซู่เป็ นผู้สืบทอดของป้ อมปราการ 178 จริงๆ หรือ เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ เด็กไปหน่อยเหรอ อีกอย่างเริ่นเสี่ยวซู่จะนาคนหมู่มากไหวไหม
จางจิ่งหลินอยู่ป้ อมปราการ 178 มากกว่าสิบปีกว่าชนะใจคนหมู่ มากได้ ยิ่งเขาเป็ นคนของป้ อมปราการ 178 อยู่แล้ว ทุกคนยิ่ง สนับสนุนเข้าไปใหญ่
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ใช่แบบนั้น สาหรับป้ อมปราการ 178 ในตอนนี้ เขาน่าจะยังเป็ นคนนอกอยู่ไม่ใช่หรือ
หลังจากตั้งใจคิดพิจารณา จงเฉิงก็รู ้สึกว่าคุณค่าของเริ่นเสี่ยวซู่ ไม่น่าดีเท่ากับของหยางเสียวจิ่น
หยางเสียวจิ่นและผู้นาของผู้ก่อจลาจลนั้นเกี่ยวพันกันทาง สายเลือด และหยางเสียวจิ่นก็รู ้กันทั่วอยู่แล้วว่าเป็ นสืบทอดองค์กรผู้ ก่อจลาจล
“หานหยาง นายก็นายไปด้วย ถ้าจับเป็ นเริ่นเสี่ยวซู่ได้ก็ดีเลย แต่ ถ้าไม่ได้ก็ฆ่าเขาซะ” จงเฉิงพูดเสียงนิ่ง
ขอแค่ให้เขาได้ตัวหยางเสียวจิ่นก็ถือว่าประสบความสาเร็จแล้ว
……
กลุ่มที่ไปกับจินเหลียนมีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น ย่อมไม่อาจต้าน คลื่นโจรเหนือที่ขี่จักรยานยนต์มาได้
จางอี้เหิงเดินคู่ไปกับทุกคนก่อนจะมาหยุดที่ข้างกายเริ่นเสี่ยวซู่ เขามองเริ่นเสี่ยวซู่ที่นั่งหอบอย่างหนักบนหลังของเหยียนลิ่วหยวน และว่า “พี่ใหญ่ ผมก็จะไปด้วย”
หลังจากนั้นจางอี้เหิงก็หันกลับไปและเอ่ย “พี่น้องหน่วยที่สอง! ตามฉันมา!”
พวกเขาหัวเราะกันและเดินไปต้อนรับพวกโจร “พวกเราปล่อยให้ จินเหลียนสนุกคนเดียวไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
จางอี้เหิงถาม “พวกนายโทษฉันไหม ถ้าฉันไม่พาพวกนาย ออกมาจากรังโจรบนเขา วันนี้พวกนายคงไม่ตาย”
มีคนว่า “อยู่ที่นั่นไปก็เท่านั้นอยู่ดี”
จางอี้เหิงยิ้ม “ใช่ น่าเบื่อจะตายชัก”
“สงสยจังว่าตายแล้วไปไหน ใต้พิภพไหมนะ” โจรคนหนึ่งถาม ระหว่างตรวจสอบปืนไปด้วย
“ไม่รู ้สิ ถ้ายังไงชาติหน้าก็ตั้งใจเรียนแล้วก็เรียนทักษะที่มันมี ประโยชน์ๆ หน่อย ดูเจ้าสู่จินหยวนนั่นสิ แค่สร ้างบ้านก็ดูดสาวให้เข้า บ้านได้ทุกวันแล้ว” จางอี้เหิงพูดล้ออย่างเบิกบาน “ชาติหน้าฉันต้อง ไปเรียนวิธีสร้างบ้านหน่อยแล้ว”
“อยากรู ้จังว่าชาติหน้าจะได้เจอพี่ใหญ่อีกไหม”
“ต้องไปเกิดให้ถูกเวลาด้วยนะถึงจะเจอเขาน่ะ”
“สถานการณ์แบบนี้ไม่มีใครร่ายกลอนบ้างเหรอ”
“ฮ่าๆๆ ใครมันจะไปร่ายกลอนเป็ นวะ
ชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยเรียนหนังสือ ตอนอยู่เมืองน้อย ก็มีแค่ ครอบครัวที่ร่ารวยถึงส่งลูกไปโรงเรียนได้ ส่วนพวกเขาจะถูกส่งไป โรงงานหรือเหมืองถ่านหินของสมาคม
ความจริงแล้วพวกเขาไม่อาจจะทนรับวันเวลาแห่งความมืดมิด ของการเป็ นโจรได้ ทว่าตอนนี้พวกเขาได้เห็นแสงสว่างและได้รู ้จัก ความหวัง เช่นนั้นพวกเขาขอตายอย่างมีศักดิ์ศรีบ้างดีกว่า
ทันใดนั้นเสียงปืนสไนเปอร ์ก็ดังกระหึ่มมาจากเนินเขาแห่งหนึ่ง จากนั้นรถจักรยานยนต์คันหนึ่งก็ระเบิดกลายเป็ นลูกบอลเพลิง
รถจักรยานยนต์ทยอยระเบิดกลายเป็ นลูกไฟไปทีละคัน เป็ นอีกครั้ง ที่หยางเสียวจิ่นใช ้ฝีมือฉกาจของตนครอบครองสนามรบ
แต่ว่ามันมีโจรมากเกินไป และก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ!
จางอี้เหิงหันไปมองหลังของเริ่นเสี่ยวซู่และตะโกน “พวกเราจะจัด พวกแม่*! ฉันชื่อจางอี้เหิง! ฉันก็เป็ นวีรบุรุษผู้กล้าเหมือนกัน!”
จางอี้เหิงไม่รู ้ว่าทาไมถึงตะโกนชื่อตัวเองออกมา แต่เขารู ้สึกว่านี่ เป็ นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในชีวิต
จากนี้ไป มันไม่ใช่จางอี้เหิงที่ต้องการโลก แต่เป็ นโลกที่ต้องการ จางอี้เหิง! เขาจะไม่ถอย ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว!
เหยียนลิ่วหยวนไม่หันกลับไปดู เขาพยายามแบกเริ่นเสี่ยวซู่ให้ มั่นที่สุดระหว่างวิ่งไปทางตะวันตก นาโนแมชชีนทุกตัวในร่างร ้องโอด ครวญกับภาระของพวกมัน เหยียนลิ่วหยวนมาถึงขีดจากัดแล้ว
“พี่ โลกนี้ไม่อยากเห็นพวกเรามีชีวิตที่ดีเลยหรือไง” เหยียนลิ่ว หยวนพูดไปหอบไป
“พวกเราออกจากป้ อมปราการก็แล้ว วางแผนจะซ่อนตัวในแดน รกร ้างไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีกก็แล้ว งั้นทาไมพวกเขาถึงยังทาแบบ นี้อีก”
เหยียนลิ่วหยวนแบกเริ่นเสี่ยวซู่วิ่งไป และถามด้วยสีหน้าว่างเปล่า “พี่ นี่คือความทุกข์ตรมของยุคนี้เหรอ”
เขาไม่ได้รู ้สึกเศร ้ากับพวกจินเหลียน เพราะอย่างไรพวกเขาก็ไม่ เคยได้มีปฏิสัมพันธ ์กันมาก่อน และก็ไม่ได้คิดด้วยว่าคนพวกนี้เป็ น วีรบุรุษอะไรขนาดนั้น อย่างไรเขาเคยเจอคนที่ทาตัวดุจวีรบุรุษยิ่งกว่า
ยุคสมัยนี้ดูจะไม่ปล่อยให้ใครมีชีวิตที่ดีเลย
ในโลกแห่งความสับสนวุ่นวาย คนได้แต่ฝันถึงชีวิตที่ดีขึ้น
เริ่นเสี่ยวซู่ยังเป็ นแค่เด็กหนุ่ม ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทาไมจางจิ่ง หลินจึงเหนื่อยหน่ายกับสงคราม และเขาก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทาไมชิ่ง เจิ่นและหลี่เสินถานถึงอยากสู้กับศัตรูจนตายกันไปข้างหนึ่ง
แต่ตอนนี้เขาและเหยียนลิ่วหยวนเข้าใจแล้วทาไมโลกถึงเรียกว่า สับสนวุ่นวาย เป็ นเพราะไม่มีใครรอดพ้นจากมันไปได้
ถ้าพลังไม่พอ พวกเขาไม่มีทางสร ้างสถานที่ในอุดมคติได้ ก่อนที่ จะได้พลังอันสัมบูรณ์มาครอง ทุกอย่างเป็ นแค่ความคิดเพ้อฝัน
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหุบเขาเป็ นสิ่งที่ทาให้เริ่นเสี่ยวซู่ดื่มด่านัก ตลอดสิบเจ็ดปี แห่งความดิ้นรนเจ็บปวด เขาไม่เคยได้สร ้างอะไรที่ สวยงามเช่นนี้มาก่อนเลย
แม้ทุกอย่างจะดูเหนือจริง แต่เขาก็ยอมทิ้งความเป็ นเหตุเป็ นผล ทุกอย่างของตนเพื่อเชื่อว่ามันคือความจริง
วันนี้เคยเป็ นวันธรรมดาวันหนึ่ง เป็ นวันที่เหมือนวันอื่นๆ ก่อน หน้า
แต่เมื่อกระสุนแล่นมาในสนามรบ ความสงบสุขก่อนหน้าก็มลาย หายกลายเป็ นอากาศธาตุ
เหยียนลิ่วหยวนไม่กล้าใช ้พลังบงการคาสาปเพราะเริ่นเสี่ยวซู่ยัง อยู่บนหลัง ตอนนี้เหยียนลิ่วหยวนไม่มั่นใจว่าจะช่วยเริ่นเสี่ยวซู่เลี่ยง ผลสะท้อนกลับของพลังไปกับตนเองได้ ถ้าเกิดผลสะท้อนกลับนั้น โดนเริ่นเสี่ยวซู่ขึ้นมา เขาคงจบสิ้นแล้ว
เสียงอ่อนแรงของเริ่นเสี่ยวซู่ดังมาจากข้างหลัง “วางฉันลง”
เหยียนลิ่วหยวนเบ้ปาก ไม่พูดอะไรและวิ่งต่อไป
เสียงปืนสไนเปอร ์ดังก้องหูราวเป็ นปืนใหญ่ระดมยิง แต่ว่าที่นี่มี โจรเหนือมากเกินไป พวกเขาสามารถตีฝ่ าการยิงกดมาจนถึงจุดที่ จางอี้เหิงอยู่ได้!
เริ่นเสี่ยวซู่พูดด้วยตัวที่สั่นเทา “ลิ่วหยวน วางฉันลง”
เขาพยายามดิ้นบนหลังเหยียนลิ่วหยวน แต่ว่าความเจ็บปวดยัง ทาให้ประสาทเขาด้านชา ถึงความเจ็บปวดค่อยๆ ทุเลาลง แต่ตอนนี้ เขายังไม่อาจท าอะไรได้
ตอนนี้โจรเหนืออ้อมตาแหน่งตั้งรับที่พวกจางอี้เหิงป้ องกันอยู่ พวกเขาแยกไปสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งรีบไปหามือสไนเปอร ์ส่วนอีกกลุ่ม ไล่ตามพวกเหยียนลิ่วหยวน
โจรจากทางเหนือสี่ร ้อยกว่านายไม่ได้ตามไป แต่จานวนก็เกิน กว่าที่จางอี้เหิงและพรรคพวกจะรับไหว
พอจางอี้เหิงเห็นพวกโจรอ้อมตนไปเช่นนี้ก็เกิดความกังวลใน ทันใด “หยุดนะ! มาฆ่าฉันแทนนี่!”
แต่พวกโจรไม่สนใจ
เหยียนลิ่วหยวนเห็นว่าพวกโจรใกล้เข้ามา และไม่มีใครคอยหยุด พวกเขาด้วย
ดอกเหมยห้าดอกลอยออกจากแขนของเจียงอู๋ และดอกเหมย แดงก่าแตกออกเป็ นห้ากลับ
ท่ามกลางลมโหม กลีบดอกเหมยของเจียงอู๋พุ่งไปยังพวกโจรราว ใบมีด แต่ว่ากลีบดอกเหมยน้อยเกินไป มันยังไม่พอ
หลังคมมีดกลีบเหมยผ่านร่างโจรผู้หนึ่ง มันก็ฉายประกายแสงสี แดงก่อนจะเลือนหายไป แต่ว่ารอบๆ ยังมีโจรอีกหลายร ้อย
เจียงอู๋กัดฟันกรอด ดอกเหมยบานออกอีกสามออกจากรอยสัก รูปกิ่งเหมยบนแขนเธอ
แต่มันก็ยังไม่พอ เธอเตรียมจะเผาพลังชีวิตของตนเอง อย่างไรก็ ต้องมีคนต้องท า
หวังอวี่ฉือรั้งตัวเธอไว้และพูดเสียงนิ่ง “ครูครับ พวกเรายังอยู่” จากนั้นหวังอวี่ฉือก็หยิบปืนขึ้นมาและเตรียมพุ่งออกไป
ตอนนี้คลื่นโจรกาลังโถมไปยังทางหยางเสียวจิ่น หยางเสียวจิ่น เป็ นมือสไนเปอร ์ เธอจะฆ่าโจรมากมายด้วยระยะเวลาสั้นเช่นนี้ได้ อย่างไร
ทันใดนั้นเหยียนลิ่วหยวนก็ชะงักฝีเท้า เขาหันไปหาเจียงอู๋และว่า “ครูเจียง แบกพี่ผมขึ้นหลังครูเดินทางต่อและอย่าหันกลับมา” เขาส่ง เริ่นเสี่ยวซู่ขึ้นหลังเจียงอู๋ จากนั้นก็เดินไปทางสนามรบด้วยตัวคน เดียว
เดินทางไปยังหายนะ
เสี่ยวอวี้ตะโกนสุดเสียง “ลิ่วหยวน เธอกาลังทาอะไรน่ะ!”
เหยียนลิ่วหยวนพูดด้วยความเยือกเย็น “ลุงฟู่ กุ้ย พาพี่เสี่ยวอวี้ ไป”
เสี่ยวอวี้พยายามสุดชีวีตสะบัดมือของหวังฟู่ กุ้ย ขณะเดียวกัน หวังฟู่กุ้ยก็รู ้สึกย่าแย่อย่างขีดสุด
เขาไม่รู ้ว่าเหยียนลิ่วหยวนพยายามจะทาอะไร แต่เขารู ้ดีว่าตน ต้องห้ามปล่อยเสี่ยวอวี้ไป เพราะถ้าเขาปล่อยเธอ หลีเสี่ยวอวี้ก็อาจจะ เกิดเรื่องไปด้วย
เสี่ยวอวี้กรีดร ้อง “ลิ่วหยวนกลับมานะ จะทาอะไรน่ะ!”
เหยียนลิ่วหยวนหันไปส่งยิ้มให้เสี่ยวอวี้ “ผมต้องการให้ความ ทุกข์ตรมของผมกลายเป็ นความทุกข์ตรมของยุคนี้”
หลังจากนั้นเหยียนลิ่วหยวนก็ค่อยๆ ก้าวออกไป
เมื่อยุคนี้มาถึงจุดสิ้นสุด ยุคใหม่ย่อมต้องมาถึง
แต่ต้องทรงพลังเพียงไรถึงจะสร ้างยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความหวัง ได้ เหยียนลิ่วหยวนไม่รู ้แต่เขาคิดว่าเริ่นเสี่ยวซู่น่าจะทาได้
นภาพลันมีเมฆทมิฬไหลปกคลุม พื้นพสุธาไกลคร่าครวญ
นี่คือเวลาที่ทวยเทพมาเยือนในยุคสมัยแห่ง ‘การลุกผงาดของ เหล่าเทพเจ้า’
เหยียนลิ่วหยวนก้าวไปหาเหล่าโจรที่เคลื่อนตัวมา ทันใดนั้นก็มี หมอกสีเทาล้อมกายเขาราวมังกรมารผู้อุบัติมหันตภัย
สัตว์ร ้ายที่ถูกล่ามโซ่ในหัวใจเขาคารามลั่น แผดเสียงก้องแก่ยุค นี้
เหยียนลิ่วหยวนอดีตเด็กชายข้างบ้านไร ้พิษภัยได้ชานาญพลัง ขอพรและสาปแช่ง
ไม่มีใครรู ้ว่าเขาท าอะไรได้บ้างและไม่มีใครรู ้ว่าค าสาปแช่งของ เขานั้นมีขีดจากัดได้ถึงขนาดไหน
ขณะนี้เขาสาปแช่งให้ท้องฟ้ าถล่ม ให้พื้นปฐพีแยกออก ด้วยเหตุ นี้พื้นปฐพีจึงแยกจาก
เหยียนลิ่วหยวนเค้นพลังของตนเองมากเกินไป พลังจิตวิญญาณ ว่างเปล่าดั่งกลายเป็ นหนามแหลม ทาให้ศีรษะของเขาปวดร ้าวราวกับ จะแยกออก
สุดท้ายน้าตาโลหิตสองเส้นก็ไหลลงมา
“อึก แค่นี้ไม่ตายหรอก” เหยียนลิ่วหยวนพูดเสียงเบา เขาไม่ได้ รู ้สึกเศร ้าสร ้อยแม้แต่นิด เขาเพียงแค่อยากฝั่งกลบยุคเก่าไปพร ้อมกับ โลกใบนี้
“พี่ ถึงเวลาที่ผมต้องปกป้ องพี่บ้างแล้ว และก็ปกป้ องยุคใหม่ที่ ก าลังมาถึงด้วย” เหยียนลิ่วหยวนพูดเสียงค่อย
ในที่ห่างไกล พลังงานมหาศาลปะทุออกมาจากแผ่นเปลือกโลก ที่สั่นสะเทือน พื้นแผ่นดินเกิดรอยแตกเหมือนกับเมื่อครั้งมีรอยแยก กาเนิดมาจากเขาจิ้งซานที่สามารถฉีกป้ อมปราการให้เป็ นชิ้นๆ ได้ และแทบจะในวินาทีเดียวกันนี้ แผ่นดินตรงหน้าพวกโจรก็แยกออก จากกัน
แทบจะเป็ นเหมือนกับครั้งนั้น
เป็ นพลังแห่งธรรมชาติที่เหยียนลิ่วหยวนได้เป็ นสักขีพยานด้วย ตาตัวเอง แต่ตอนนี้เขาคือผู้สร ้างมัน
รอยแตกตัดผ่านพสุธาราวคมมีด โลกหล้ากรีดร ้องดั่งกาลังพังพิ นาจ
รอยแยกตัดตรงไปยังพวกโจร ส่งพวกเขาลงสู่เหวลึกตลอดกาล
ใต้เหวลึกคือความมืดไร ้ขอบเขต เมื่อลมจากแดนรกร ้างพัดเข้า ไป ก็ส่งเสียงร ้องราวกับในนั้นมีสัตว์ร ้ายอาศัยอยู่
รอยแตกไม่หยุดแต่เคลื่อนตัวไปทางเหนือต่อ เหยียนลิ่วหยวนไม่ อาจเห็นว่าทางเหนือมีภัยร ้ายอะไร แต่เขารู ้สึกรังเกียจตัวตนที่อยู่ที่นั่น จนอยากลบให้หายไปจากโลกนี้
จงเฉิงที่อยู่ทางเหนือเห็นภาพนี้มาแต่ไกล ใจเขาหวาดผวาสุดตัว ไม่เคยคิดเลยว่าโลกนี้จะมีผู้พลังพิเศษที่ทรงอานาจเช่นนี้!
“วิ่ง!” อากัปกิริยาสุขมเยือกเย็นของจงเฉิงหายวับ เขากระโดด หลบไปด้านข้างอย่างบ้าคลั่ง แต่กระนั้นรอยแตกก็ยังไล่ตามเขาต่อ ท าอย่างไรก็ไม่อาจสลัดหลุด
แต่จงเฉิงพบว่ารอยแยกนี้กาลังหมดแรงลงแล้ว เขาอยู่ไกลจาก จุดที่เกิดการต่อสู้เกินไป ต่อให้เหยียนลิ่วหยวนจะทุ่มโจมตีสุดตัวก็ยัง ไม่สามารถจบชีวิตจงเฉิงที่อยู่ห่างไปหลายกิโลเมตรได้
ในที่สุดรอยแยกก็หยุดลง ก่อนหุบเหวลึกจะค่อยๆ เคลื่อนตัวปิด
หัวใจจงเฉิงตกวูบ หนีไปทางเหนือพร้อมเหล่าทหารนาโนแม ชชีน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกโจรที่พุ่งไปหาหยางเสียวจิ่นและเริ่น เสี่ยวซู่จะถูกหุบเหวฝังทั้งเป็ นเช่นนี้!
หยางเสียวจิ่นสารวจพื้นที่ผ่านกล้องสโคป เธอมองไปยังเด็กหนุ่ม ที่อัญเชิญมหันตภัยนี้มา
จางอี้เหิงและคนอื่นๆ มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า… พวกเขารอดแล้ว?
นี่มัน…พลังแห่งเทพ?
เหยียนลิ่วหยวนยืนรอผลสะท้อนกลับด้วยความเงียบงัน
ในเมื่อเขาสาปแช่งให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ผลสะท้อนกลับ ย่อมเป็ นภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ทันใดนั้นก็มีเสียงคารามมาจากทางตะวันตก เสียงนี้ราวกับฝูง อาชาหลายพันตัวควบมา เหยียนลิ่วหยวนเข้าใจทันทีว่าน้าหลาก ก าลังมาแล้ว
เหยียนลิ่วหยวนใช่พละกาลังเฮือกสุดท้ายตะโกนไปยังพวกหวัง ฟู่กุ้ย “หนีไปยังพื้นที่สูง!”
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ล้มตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง พลังงานนา โนแมชชีนหมดสิ้น และคาสาปก็ทาให้พลังกายของเขาแห้งเหือดจน ไม่อาจหลบหนีจากผลสะท้อนกลับได้ เขาได้แต่รอชะตาตัดสินตน
ทุกๆ ฤดูใบไม้ผลิ ในหุบเขาจะมีน้าหลากพัดมาตามเวลา พอเป็ น เช่นนั้น หุบเขาก็จะมีแม่น้าสายใหม่ ภูมิประเทศส่วนใหญ่จะถูกน้า หลากชะล้างจนเกินรูปแบบใหม่
แต่ว่าปีนี้ไม่เหมือนเดิมเพราะช่วงน้าหลากสูงสุดจะมาก่อนเวลา หลายวัน
น้าจานวนมหาศาลเอ้อล้นที่ต้นน้า จากนั้นก็ไหลครืนลงมาในชั่ว พริบตาราวหิมะถล่ม!
เหยียนลิ่วหยวนได้ยินเสียงต้มไม้พังครืนที่ต้นน้า เขาหันไปมองก็ เห็นน้าท่วมคลุมท้องนภา และมันกาลังจะถล่มลงมาที่พวกเขา
แต่ตอนนั้นเองเขาก็เห็นเริ่นเสี่ยวซู่โยนตัวเองออกมาจากหลัง เจียงอู๋ เสี่ยวอวี้ก็สะบัดมือของหวังฟู่กุ้ยหลุด
ขณะทุกคนกาลังวิ่งขึ้นพื้นที่สูง เริ่นเสี่ยวซู่และเสี่ยวอวี้วิ่งหาเขา สุดแรง เหยียนลิ่วหยวนนิ่งงันไป “พี่…”
สุดสายน้าหลากมาถึงตัวพวกเขาแล้ว หวังฟู่กุ้ยและคนอื่นๆ ที่อยู่ บนเนินไม่อาจหลบน้าทันการณ์ก็ถูกคลื่นซัดพาไป กิ่งเหมยบนแขน ของเจียงอู๋ก่อร่างยืดออก จากนั้นกิ่งเหมยยาวก็ผูกมัดทุกคนเข้า ด้วยกันก่อนจะถูกซัดไปตามกระแสน้า
เริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินเสียงคลื่นน้าไล่หลังมาก็รู ้ว่าอาจจะสายเกินไป เหยียนลิ่วหยวนได้ยินเสียงเริ่นเสี่ยวซู่คารามด้วยความโกรธเกรี้ยว “ทลายนคร!”
ความเร็วของเริ่นเสี่ยวซู่เพิ่มพูนขึ้นอีกคารบในชั่วพริบตา เขา เคลื่อนตัววูบถึงตรงหน้าเหยียนลิ่วหยวนก่อนจะถูกคลื่นน้ากระทบใส่ แผ่นหลัง
แต่กระนั้นก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้ง! บนเนินเขาทาง เหนือมีผู้พลังพิเศษคนหนึ่งปรากฏตัว เป็ นลูกน้องของจงเฉิง หานห ยาง!
ในชั่ววินาทีนั้น หานหยางยกมือขึ้นและหอกสีแดงสดพลุบขึ้นบน ฝ่ ามือ จากนั้นก็ขว้างมันออก เหยียนลิ่วหยวนพูดด้วยความหวาด ผวา “พี่ หลบ!”
แต่กระนั้นหอกนี้ก็ราวกับข้ามผ่านขอบเขตแห่งชีวิต
เริ่นเสี่ยวซู่เองก็รู ้ว่าข้างหลังตนมีอันตรายคืบมา หากแต่เขาไม่ สนใจ เริ่นเสี่ยวซู่คว้าตัวเหยียนลิ่วหยวนและเสี่ยวอวี้ ก่อนจะใช ้ช่วงที่ ทลายนครจะหมดลงนี้เขวี้ยงพวกเขาขึ้นไปที่ชายฝั่ง หลังจากเสี่ยว อวี้กระทบถึงพื้นก็สลบไป
เหยียนลิ่วหยวนที่อยู่กลางอากาศเห็นหอกสีแดงแทงทะลุท้องฝั่ง ขวาของเริ่นเสี่ยวซู่
น้าหลากสายยาวแบ่งเหนือใต้เป็ นสองโลก เริ่นเสี่ยวซู่และเหยียน ลิ่วหยวนสบตากันผ่านแม่น้าแห่งกาลเวลาที่ทอดยาวออก โลหิต ทะลักออกจากหน้าท้องของเริ่นเสี่ยวซู่ แต่เขาส่งยิ้มให้เหยียนลิ่ว หยวนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อย่าตาย”
จากนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็ถูกน้าหลากพัดพาและหายลับไปในน้าขุ่นข ลัก
“พี่ รอผมด้วย!” เหยียนลิ่วหยวนกรีดร ้องด้วยความทุกข์ตรม เขา อยากจะยอมแพ้และปล่อยตัวเองให้สายน้าพัดพา แต่เมื่อยืนขึ้นก็ หมดสิ้นเรี่ยวแรงและสลบไป
ทันใดนั้นฝูงหมาป่ าทางใต้ก็พุ่งขึ้นเหนือ ราชาหมาป่ าถีบตัว ทะยานไปยังจุดที่เหยียนลิ่วหยวนอยู่โดยไม่สนใจน้าหลาก พอมาถึง ข้างกายเหยียนลิ่วหยวน มันก็คาบเสี่ยวอวี้และเหยียนลิ่วหยวน จากนั้นก็พุ่งหายไป
จากนั้นน้าก็ท่วมทะลักจุดที่พวกเขาเพิ่งอยู่