the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 374 หยางเสียวจิ่นทวงแค้น
หานหยางกาลังหนีตาย น้าหลากรั้งตัวศัตรูเขาไว้ที่อีกฝั่งของ แม่น้า แต่ว่าตอนนี้มีคนตามล่าเขาอย่างไม่ลดละ ถ้าไม่ใช่เพราะ ประสบการณ์ในกองทัพแต่เก่าก่อนล่ะก็ เขาคงได้ตายภายใต้เงื้อมมือ ผู้ไล่ล่าแล้ว
ส่วนจงเฉิงนั้นหนีกลับไปสมาคมตระกูลจงก่อนหน้านี้แล้วเพราะ พลังอ านาจครั่นครามที่เหยียนลิ่วหยวนแสดงออกมา
เพราะอย่างนั้นหานหยางจึงถูกทิ้งรั้งท้าย กลายเป็ นหมากที่ถูก สละทิ้ง
หลังจากมาถึงเขตตีนเขาของเขากวนซาน หานหยางก็เดินทาง ไปยังธารสายน้อยที่ไหลออกจากหุบเขา นี่เป็ นพื้นที่ที่เขาคุ้นชิน เพราะโจรภายใต้สมาคมตระกูลจงเคยประจ าการณ์อยู่บนเขากวน ซาน
โลกภายนอกคิดว่าโจรในหุบเขาหลุดบังเหียนไปแล้ว แต่ในฐานะ ผู้เล่นหลัก มีหรือสมาคมตระกูลจงจะเสียการควบคุมพื้นที่ไปอย่าง สิ้นเชิง โจรทุกนายที่เขากวนซานยังคนอยู่ภายใต้สมาคมตระกูลจง
พอมาถึงที่นี่ได้แล้ว หานหยางก็ถอนหายใจโล่งอก รู ้ดีว่าตนใกล้ ปลอดภัยแล้ว
แต่ช่วงที่อันตรายที่สุดของการเดินไต่เชือกคือสามก้าวสุดท้าย หานหยางถอนหายใจเสร็จก็กลับมาระแวดระวังอีกครา
ศัตรูดั่งผีร ้ายยังคงแกะร่องรอยเขาอยู่ ไม่อาจวางใจอะไรได้ทั้งสิ้น
และทันใดนั้นหานหยางก็รู ้สึกราวกับว่าปอดและหัวใจตัวเองถูก ฉีกกระชาก แรงเฉื่อยมหาศาลกระแทกเขาจากด้านขวา ส่งเขาลอย เข้าไปในล าธาร ไม่อาจต่อต้านอะไรได้แม้แต่น้อย
กระสุนหมุนควงด้วยความเร็วสูงทะลุผ่านซี่โครงเขาไป แรงฉีก กระฉากขนานใหญ่ฉีกเนื้อหนังเขาเป็ นชิ้นๆ หัวใจถูกขยี้กลายเป็ น จุณ
หลังจากนั้นเสียงปืนสไนเปอร ์จึงแล่นปราดเข้าหูเขามา หานห ยางตกสู่ห้วงน้า เลือดไหลนองออกทั่ว แปรสีธารกลายเป็ นแดงฉาน เขานอนหงายมองท้องฟ้ าที่ค่อยๆ มืดลง
จากนั้นชีวิตเขาก็ดับสิ้น
หยางเสียวจิ่นที่อยู่ห่างไกลลุกขึ้นจากพื้น เพื่อจะตามล่าหานห ยาง เธอไม่นอนหลับมาสองวันสองคืนแล้ว
ตาหยางเสียวจิ่นแดงก่า ไม่อาจรู ้ได้ว่ามาจากการร่าไห้หรือนอน ไม่เพียงพอ
ก่อนหน้านี้เธอมีโอกาสปลิดชีพหานหยางแล้ว แต่เธอยับยั้ง ตัว เ อ ง ไ ว้เ พ ร า ะ อ ย า ก ใ ห้ห า น ห ย า ง ไ ด้รับ ค ว า ม ป ว ด ร ้า ว เช่นเดียวกับเริ่นเสี่ยวซู่
ไม่สิ เธออยากให้หานหยางทุรนทุรายยิ่งกว่านั้น
ตอนนี้หยางเสียวจิ่นรู ้สึกไปไม่ถูกอยู่บ้าง วันก่อนหน้า เธอวิ่งไป ตามแม่น้าอย่างบ้าคลั่งเพื่อหาตัวเริ่นเสี่ยวซู่ ต่อให้เขาตายจริง เธอ ต้องได้เห็นศพกับตา
แต่ว่าตัวแม่น้าไหลเชียวกรากเกินไป แม้วิ่งสุดแรงหลายกิโลเมตร ก็ไม่อาจตามทัน เธอได้แต่มองสายน้าพาตัวเริ่นเสี่ยวซู่ห่างออกไป ไกลด้วยความสิ้นหวัง
แม้แต่ผู้มีพลังพิเศษก็มีความทรหดจากัดยามวิ่งเต็มฝีเท้า
เมื่อเห็นว่าเธอไม่อาจตามความเร็วน้าหลากทันแล้ว เธอก็ข้ามน้า ในช่องแคบแห่งหนึ่งเพื่อไล่ล่าหานหยางมาจนถึงเขากวนซาน
แต่หลังจากฆ่าหานหยางแล้วเธอควรท าอะไรต่อล่ะ ควรไล่ล่าจง เฉิงต่ออย่างนั้นเหรอ
แต่ฆ่าจงเฉิงไปก็ไม่อาจท าให้เธอหายแค้น
ทันใดนั้นก็มีนกกระเรียนกระดาษสีขาวร่อนลงมาบนไหล่เธอ หยางเสียวจิ่นชะงักไปครู่ก่อนจะเปิดนกกระเรียนกระดาษออก เธอ
เห็นตัวอักษรเขียนอย่างสวยงามว่า ‘มาที่ราบตอนกลาง หลังจาก เสร็จธุระที่นี่เสร็จ อาหญิงจะช่วยเธอจัดการสมาคมตระกูลจง’
……
พอเริ่นเสี่ยวซู่ลืมตาขึ้นมา ก็รู ้สึกว่าเรี่ยวแรงหายไปหมดสิ้น จากนั้นก็ได้ยินคนพูดด้วยความตกใจว่า “เขาตื่นแล้ว”
เสียงนี้เป็ นเสียงผู้หญิง เริ่นเสี่ยวซู่หันไป ไม่เอ่ยอะไรและเห็นเด็ก สาวรุ่นราวคราวเดียวกับเขากาลังมองเขามาจากที่นั่งฝั่งข้างคนขับ
เขาก าลังเอนตัวนอนอยู่เบาะหลังของรถออฟโรดที่วางเรียบต่าง เตียง
เด็กสาวหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาและพูด “พี่ เด็กหนุ่มคนที่บาดเจ็บ ได้สติแล้ว
รถค่อยๆ หยุดตัวลง ส่วนเริ่นเสี่ยวซู่ตั้งแต่ได้สติก็ยังไม่เอ่ยอะไร ออกมา ตอนนี้เขายังคิดอะไรไม่ออก แต่รู ้สึกได้ถึงความเจ็บปวด แปลบที่ท้องฝั่งขวาตลอด
ประตูเปิดออก และเขาก็เห็นชายวัยกลางคนในรถเข็นวีลแชร ์ถูก ผลักมาหาเขา
ชายวัยหลางคนยิ้มและว่า “สวัสดี ฉันชื่อหวังเซิ่งจือ ฉันเจอนาย นอนสลบอยู่ริมแม่น้าพร ้อมอาการบาดเจ็บทั่วตัวพวกเราเลยพานาย มาด้วยน่ะ หวังว่าจะไม่ว่ากันนะ”
เริ่นเสี่ยวซู่เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะว่า “อาการบาดเจ็บฉันแย่มาก ไหม”
“ฉันยังไม่ยินดีด้วยเลย” หวังเซิ่งจือยิ้มกล่าว
เริ่นเสี่ยวซู่สับสนอยู่บ้าง มีอะไรให้ยินดี?
หวังเซิ่งจือสัมผัสได้ถึงความงุนงงของเริ่นเสี่ยวซู่ก็คงรอยยิ้มและ ว่า “แผลของนายอยู่ตรงไส้ติ่งพอดี ของที่ทะลุผ่านนายไปมันตัดไส้ ติ่งไปด้วย งั้นต่อไปนายไม่ต้องกลัวไส้ติ่งแตกแล้วล่ะ”
เริ่นเสี่ยวซู่ “…”
เด็กสาวยิ้ม “ฉันชื่อหวังเซิ่งอิน นายไปได้รับบาดเจ็บได้ยังไง เหรอ”
เริ่นเสี่ยวซู่ตอบทันควันว่า “ตอนน้ามา พวกเรากาลังทานาอยู่ นิคมพวกเราถูกน้าพัดไปหมด ฉันก็ถูกน้าพาไปและโดนกิ่งไม้แทง ทะลุท้อง”
“งี้นี่เอง” หวังเซิ่งจือพยักหน้ายิ้มรับ ดูแล้วไม่คิดจะสนใจว่าเขาไป ได้แผลนี้มาอย่างไร
แต่เริ่นเสี่ยวซู่สงสัยอยู่บ้างว่าคนพวกนี้มาจากไหนและกาลังจะไป ไหน
ในยุคสมัยนี้ คนที่มีรถออฟโรดได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา แต่ต่อ ให้หวังเซิ่งจือจะนั่งอยู่บนรถเข็นวีลแชร ์เริ่นเสี่ยวซู่ก็สัมผัสได้รางๆ ว่า คนผู้นี้คือผู้นาของขบวนเดินทางนี้
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่อยากบอกความจริงกับใคร เขาไม่อยากเชื่อใจใคร
มีครั้งหนึ่งเขาอยากเชื่อในบางสิ่ง และสิ่งนั้นก็พาหายนะมาสู่ตัว เขาเอง ในเมื่อเขาเคยได้ประสบกับตัวเองมาก่อน เขาย่อมจาความ เจ็บปวดได้
หวังเซิ่งจือถาม “ตอนนี้นายเคลื่อนไหวไม่สะดวก ทาไมไม่ตาม พวกเราไปก่อนล่ะ อาการบาดเจ็บหายดีแล้วค่อยว่ากันต่อ”
เริ่นเสี่ยวซู่ถามกลับ “พวกนายกาลังไปไหนกัน”
“ป้ อมปราการ 178” หวังเซิ่งจือยิ้มว่า “พวกเรามาจากที่ราบ ตอนกลางและก าลังมุ่งหน้าไปยังป้ อมปราการ 178 นายรู ้จักป้ อม ปราการ 178 ไหม”
“รู ้จัก” เริ่นเสี่ยวซู่พยักหน้า “เคยได้ยินแต่ไม่เคยไป”
เริ่นเสี่ยวซู่จึงได้รู ้ว่าคนพวกนี้มาจากที่ราบตอนกลางจากทาง ตะวันออก เช่นนั้นคนพวกนี้คือ…ชาวที่ราบตอนกลาง?
เขาถูกน้าพัดไปทางตะวันออก แต่สุดท้ายก็โดนคนพวกนี้พา กลับมาภาคตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งอยู่ตรงข้ามกันพอดี
แต่พวกเขาไปป้ อมปราการ 178 ทาไมกัน เริ่นเสี่ยวซู่สังเกตเห็น ว่าคนบนรถใส่เสื้อผ้าธรรมดา บนตัวรถเองก็ไม่มีสัญลักษณ์อะไรเป็ น พิเศษ
“อืม” หวังเซิ่งจือพยักหน้าและว่า “ในเมื่อบ้านนายถูกน้าหลาก ทาลายไปหมดแล้ว งั้นก็ตามพวกเราไปป้ อมปราการ 178 เถอะ ใคร จะไปรู ้นายอาจจะเจอที่ดีๆ ไว้ตั้งตัวก็ได้”
พอเขาได้ยินคาว่า ‘บ้าน’ เริ่นเสี่ยวซู่ก็หัวใจเจ็บแปลบ หวังเซิ่งจือ เห็นสีหน้าเริ่นเสี่ยวซู่ก็เอ่ย “ขอโทษด้วยที่ทาให้นายนึกถึงความทรง จ าอันเจ็บปวด”
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้พยายามซ่อนอารมณ์ อย่างไรตอนนี้เขาต้องทา ตัวเช่นผู้อพยพตกยาก เขาชะงักไปครู่ก่อนจะว่า “ป้ อมปราการ 178 ไม่รับคนนอก”
หวังเซิ่งจือยิ้มแล้วเอ่ย “ฉันพอมีเส้นสายกับผู้บัญชาการจางบ้าง บางทีพวกเราอาจจะพูดแทนนายได้ด้วย ต่อให้ไม่ได้ พวกเราก็ปล่อย นายไว้ในแดนรกร ้างไม่ได้หรอก”
เริ่นเสี่ยวซู่พูด “เช่นนั้นก็ขอขอบคุณนะ”
อาการบาดเจ็บของเริ่นเสี่ยวซู่นั้นรุนแรงมาก ความรู ้สึกไร ้ เรี่ยวแรงแทรกซึมไปทั่วทั้งร่างทั่วทั้งกระดูก กระทั่งความสามารถใน การคิดอย่างแจ่มชัดก็ไม่มี
รอบนี้อาการบาดเจ็บเขาร ้ายแรงเกินไป เขาต้องหาโอกาสทายา ดาให้ตัวเองให้ไวที่สุด
พอขบวนรถกลับขึ้นมาบนถนน เริ่นเสี่ยวซู่ก็ถามเปิดบทสนทนา “มีคนจากที่ราบตอนกลางแค่หยิบมือที่มาตะวันตกเฉียงเหนือ พวก นายมาที่ยากจนแร ้นแค้นแบบนี้ทาไม”
เด็กสาวตอบอย่างไม่เก็บงา “พวกเรามาเปิดสายการค้าที่นี่”
เริ่นเสี่ยวซู่คิดอยู่พักหนึ่ง เปิดสายการค้า? สมาคมตระกูลจงที่อยู่ ทั่วเส้นทางค้าขายจะยอมเหรอ