the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 376 โจวอิงหลง
นายทหารของสมาคมตระกูลจงดูจะยืนกรานว่าอย่างไรก็ต้องพา ตัวหวังเซิ่งจือและพรรคพวกไปให้ได้ ทหารทั้งสามหน่วยรบเข้าล้อม พวกเขาแล้ว
หวังเซิ่งอินเห็นเริ่นเสี่ยวซู่ซ่อนตัวอยู่หลังเงามืดของตัวรถยนต์ก็ กล่าวปลอบ “ไม่ต้องห่วงนะ ไม่เป็ นอะไรหรอก สมาคมตระกูลจงไม่ กล้าท าอะไรพวกเรา”
เริ่นเสี่ยวซู่รับคา ก่อนจะลอบเก็บไพ่ระเบิดในมือกลับเข้าไปใน พระราชวัง
หวังเซิ่งอินน่าจะคิดว่าเริ่นเสี่ยวซู่กลัวทหารของสมาคม แต่ที่จริง เขากลัวว่าตัวตนของตัวเองจะถูกเปิดโปงต่างหาก
สมาคมตระกูลจงน่าจะยังไม่รู ้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ดีสุดคือเขาไม่ อาจเผยตัวออกไปได้
เมื่อวานเริ่นเสี่ยวซู่ทายาดาให้ตัวเองแล้ว แต่ปัญหาคือเพราะแผล ถูกเย็บไปแล้ว ยาด าเลยไม่ค่อยได้ผลกับอาการบาดเจ็บภายในของ เขานัก
หวังเซิ่งจือยิ้มกล่าวกับนายทหารของสมาตระกูลจง “ไม่ต้อง กังวลไปหรอก ดูฉันสิ คนพิการแบบฉันจะหนีพวกนายยังไง พวกเรา
จะตามพวกนายกลับไปให้ปากคาที่สมาคมตระกูลจงก็ได้ แต่พวก นายเตรียมอาหารดีๆ จากป้ อมปราการของสมาคมตระกูลให้พวกเรา หน่อยได้ไหม…”
เริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินแบบนั้นก็ตะลึง ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ หวังเซิ่งจือก็พูด เรื่องของกินขึ้นมา ทาไมเขาทาราวกับว่านี่คือการไปเที่ยวที่ป้ อม ปราการของสมาคมตระกูลจงอย่างไรอย่างนั้นล่ะ อีกอย่างหวังเซิ่งจือ ดูจะไม่คิดมากที่จะพูดเรื่องความพิการของตนเลยด้วย จิตใจดีมาก จริงเชียว
แต่ตอนนั้นเอง ก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มมาแต่ไกลอีกรอบ นายทหารสมาคมตระกูลจงผงะ หวังเซิ่งจือฉีกยิ้มกว้างกล่าว “พวก เราคงตามพวกนายไปไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าในอนาคตมีโอกาส พวกเราไป เยี่ยมเยือนแน่”
ระหว่างที่พูดไป ก็มีรถออฟโรดคันหนึ่งโผล่ขึ้นมาที่ขอบฟ้ า รถ ออฟโรดขับมาอย่างโดดเดี่ยวจากไกลๆ เทียบกับทหารของสมาคม ตระกูลจงแล้วดูอ่อนแอกว่าบ้าง
แต่บนรถออฟโรดคันนั้นมีเลขสามตัว ‘178’
สมาคมทั่วไปจะวาดตราสัญลักษณ์ลงบนรถยนต์ของตัวเอง แต่ ว่าสัญลักษณ์ของป้ อมปราการ 178 ก็แค่ 178 และทุกคนก็รู ้จักเลข สามตัวนี้
คนที่อยู่บนรถออฟโรดน่าจะมารับพวกหวังเซิ่งจือ แต่มาแค่รถ คันเดียว สมาคมตระกูลจงจะปล่อยพวกเขาไปเหรอ
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่พูดจานั่งอยู่เบาะหลัง พอรถออฟโรดมาถึงหน้าทุก คน ทหารของสมาคมตระกูลจงไม่กล้าขยับเขยื้อน แม้กระทั่งยกปืนก็ ไม่กล้า
ชายร่างก าย ากระโดดลงมาจากรถถออฟโรดและพูดพร ้อม หัวเราะว่า “ฉันโจวอิงหลงจากป้ อมปราการ 178 คนไหนคือ หวังเซิ่งจือ ผู้บัญชาการให้ฉันมารับพวกนายไปป้ อมปราการ 178”
แค่รถมาคนเดียวยังพอทน แต่นี่บนรถมีแค่คนเดียวด้วย
ทว่าพอนายทหารสมาคมตระกูลจงได้ยินชื่อ ‘โจวอิงหลง’ เริ่น เสี่ยวซู่ก็เห็นว่าสีหน้าเขากลับกลาย
หวังเซิ่งจือยิ้มกล่าว “ฉันเอง ขอโทษที่รบกวนนะสหาย”
โจวอิงหลงหันไปมองทหารของสมาคมตระกูลจงรอบๆ “สมาคม ตระกูลจงมาทาอะไรที่นี่ คิดขัดขวาง?”
นายทหารสมาคมตระกูลจงเลิกท าสีหน้าขึงขัง เขาหันไปส่งยิ้ม “เปล่าครับๆ พวกเราแค่อยากเชิญแขกจากที่ราบตอนกลางไปเยี่ยม ชมป้ อมปราการของสมาคมตระกูลจงเสียหน่อยเฉยๆ”
“สมาคมตระกูลพวกนายมีอะไรดีหา หลบไป!” โจวอิงหลงแค่น เสียงและพูด “กล้าดียังไงมารั้งตัวแขกของผู้บัญชาการจาง ช่วงนี้
พวกแกดูจะใจกล้าขึ้นนะ รีบออกไปจากสายตาฉันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันหยาบคาย!”
โจวอิงหลงสูงราวๆ หนึ่งร ้อยเก้าสิบเซนติเมตร รูปร่างราวสัตว์ ร ้าย ใบหน้าเหลี่ยมแดงก่าเปี่ยมไปด้วยความดุดัน
เขาตัวคนเดียว กล้าขู่ทหารประจ าการของสมาคมตระกูลจง เกือบร ้อยนายจริงๆ อย่างนั้นเหรอ และที่ทาให้เขาตะลึงกว่านั้นคือ นายทหารสมาคมตระกูลจงถอยกลับเข้ารถและรีบร ้อนจากไปจริงๆ
โจวอิงหลงมองรถของสมาคมตระกูลจงจรลีไปและพึมพ า “แม่* เกือบเล่นใหญ่ไปแล้วไหมล่ะ ถ้ารู ้แบบงี้คงขอให้ผู้บัญชาการส่งคนมา ด้วยกันเยอะกว่านี้…”
หวังเซิ่งจือและพรรคพวกมองหน้ากันอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก โจวอิงหลงไปหาหวังเซิ่งจือและยิ้มพูด “ขับตามรถฉันมา เดี๋ยวพวก เราจะตรงไปป้ อมปราการ 178 เลย ผู้บัญชาการจางรอพวกคุณอยู่ แล้ว”
“กว่าจะถึงป้ อมปราการ 178 ต้องใช ้เวลาเท่าไรเหรอ” หวังเซิ่งอิน ถาม
“เดินทางราวๆ สี่ห้าวันก็ถึง” โจวอิงหลงว่า “ถนนเส้นหนึ่งของ ทางข้างหน้าโดนพวกโจรถล่ม วิ่งได้สิบห้าโลต่อชั่วโมงก็ขอบคุณฟ้ า ขอบคุณดินแล้ว”
หวังเซิ่งจือ “สมาคมตระกูลจงนี่…”
โจวอิงหลงโบกไม้โบกมือ “ก็แค่ฝูงไฮยีน่า ไม่มีอะไรให้ต้องใส่ใจ”
เริ่นเสี่ยวซู่เข้าใจทันทีว่าทาโจวอิงหลงพูดไปแบบนั้น ไม่ว่าเขายัง กังวลหรือเปล่า ก็ต้องแสดงออกอย่างขึงขังอยู่ดี
โจวอิงหลงเห็นเริ่นเสี่ยวซู่บนรถก็ชะงักไป “มีคนเจ็บ? ไปบาดเจ็บ มาได้ยังไง”
เสื้อฝั่งขวาของเริ่นเสี่ยวซู่ยังมีรอยเลือดไหลซึมออกมา และโจ วอิงหลงมีสายตาว่องไว มองแวบเดียวก็ดูออก
หวังเซิ่งจือถาม “ในหุบเขามีน้าหลากไม่ใช่เหรอ เด็กหนุ่มคนนี้ เป็ นผู้อพยพที่อาศัยอยู่ที่นั่น เขาโดนปลายน้าหลากพัดมาและพวก เราช่วยเขาไว้”
“อ้อ แบบนั้นนี่เอง” โจวอิงหลงมองสารวจเริ่นเสี่ยวซู่ “มีน้าหลาก จริง แต่ในหุบเขายังมีโจรเยอะด้วย ไม่ได้แต่แค่ผู้อพยพหรอกนะ นี่ เจ้าหนู นายเป็ นผู้อพยพหรือโจรกันแน่”
เริ่นเสี่ยวซู่ตอบ “ผู้อพยพ”
“จากนิคมตรงไหน” โจวอิงหลงถามต่อ
“ห่างจากเขาต๋าป่านไปทางตะวันออกราวๆ ห้าสิบกิโลเมตร” เริ่น เสี่ยวซู่ว่า
“งั้นก็รู ้จักเหล่าหลิวสิ” โจวอิงหลงถาม
ใจเริ่นเสี่ยวซู่กระตุกวูบ และพลันนึกออกว่าป้ อมปราการ 178 น่าจะรู ้จักพื้นที่ในหุบเขาอย่างดี ไม่อย่างนั้นโจวอิงหลงคงไม่จู่ๆ ก็ ถามถึงคนผู้หนึ่งหรอก!
เขาถามนิ่งๆ ว่า “เหล่าหลิวไหน หลิวจุ่นขุยหรือว่าหลิวเต๋อเซิ่ง”
โจวอิงหลงหัวเราะ “เอาล่ะ ถ้านายพูดชื่อมาได้สองคน ก็คงเป็ น คนจากนิคมผู้อพยพจริงๆ”
แต่ว่าตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่ปวดใจนัก
หลิวเต๋อเซิ่งกับหลิวจุ่นขุยเป็ นชาวนาซื่อสัตย์ที่อาศัยอยู่ในนิคม กล่าวได้ว่าคนที่หนีมานิยมล้วนเป็ นคนสัตย์ซื่อที่ไม่อาจทนสมาคม หรือวิถีชีวิตในเมืองน้อยของป้ อมประการไหว จนได้แต่หลบหนีโลก หล้าออกมาก็ว่าได้
แต่ไม่ว่าจะเหล่าหลิวคนไหนก็คงเสียชีวิตในน้าหลากไปแล้ว เริ่น เสี่ยวซู่ไม่รู ้สึกยินดีที่รอดพ้นจากการสอบสวนได้แม้แต่น้อย ทุกครั้งที่ ความอาฆาตแค้นเขาลุกโชนขึ้นมา หัวใจก็ดั่งถูกมีดกรีด ทุกอย่างไม่ ลืมเลือน
ถ้าสมาคมตระกูลจงไม่พินาศสิ้น ใจเริ่นเสี่ยวซู่ไม่มีทางสงบสุข
ขบวนรถออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครสงสัยตัวตนของเริ่น เสี่ยวซู่อีก แต่เริ่นเสี่ยวซู่กลับเงียบงันกว่าเดิม ไม่อยากพูดอะไรสักนิด
หวังเซิ่งอินพูด “พี่ สมาคมตระกูลจงนี่น่าจะเป็ นปัญหาแรกในการ เปิดสายการค้าของพวกเรา ปัญหาที่สองคือทางสัญจร”
หวังเซิ่งจือส่งเสียงเสียงอืมเห็นด้วย “ซ่อมถนนไม่เท่าไรหรอก แค่ ใช ้เงินกับก าลังคนก็พอแล้ว แต่ปัญหาคือไม่รู ้ว่าลงทุนซ่อมไปแล้วจะ คุ้มค่าไหม ถ้าสมาคมตระกูลจงยังขัดขวางเราแบบนี้ ซ่อมถนนไปก็ เท่านั้น”
“งั้นพวกเราร่วมมือป้ อมปราการ 178 ก าจัดสมาคมตระกูลจง ไหม” หวังเซิ่งอินถาม
“ค่อยๆ ปรึกษากันได้” หวังเซิ่งจือพูดอย่างใจเย็น “ดูก่อนว่าจาง จิ่งหลินมีแผนอะไร”
ระหว่างที่คุยกันนั้น พวกเขาไม่สนใจจะเลี่ยงบาลีเพราะมีเริ่นเสี่ยว ซู่อยู่ด้วยเลย เริ่นเสี่ยวซู่พลันเห็นความหวังมาเลือนราง